nikei
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692 |  วันที่: 17/07/2006 @ 14:56:40 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ความตึงเครียดในตะวันออกกลางมีผลอย่างไรต่อตลาดการเงินโลก?
การปะทุของวิกฤติตะวันออกกลางระลอกใหม่ กับการวางระเบิดในอินเดีย และความหวาดกลัวต่อความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้ตลาดการเงินเต็มไปด้วยความเสี่ยงในขณะที่มันเพิ่งจะปรับตัวกับบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นอยู่แล้ว
ในขณะที่อิสราเอลขยายการล้างแค้นที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จับทหารอิสราเอลไปสองคนด้วยการโจมตีสนามบินเบรุต และปิดล้อมน่านน้ำของเลบานอน ตลาดสินทรัพย์มีปฏิกริยาหลบหลีกตามแบบฉบับที่เคยทำกันมา
ดีมานด์พันธบัตรรัฐบาลอันแข็งแกร่งหนุนให้ราคาพันธบัตรพุ่งขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งดิ่ง ค่าเงินฟรังก์ของสวิสฯแข็ง ราคาน้ำมันทำสถิติเหนือ 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองคำพุ่ง 4 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม นี่น่าจะเป็นการตะเกียกตะกายในระยะสั้น !
การเคลื่อนไหวทางการเงินที่มีแรงขับเคลื่อนจากเหตุการณ์ด้านภูมิศาสตร์การเมืองมีแนวโน้มที่จะพลิกผันได้ค่อนข้างรวดเร็วในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างที่เห็นได้เมื่อเร็วๆนี้คือ ตลาดหุ้นอินเดียฟื้นตัวขึ้น และปิดตลาดสูงขึ้น 3% ไม่ถึงหนึ่งวันหลังจากที่เกิดระเบิดในมุมไบซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
สิ่งเหล่านี้มักมีแนวโน้มที่จะสงบลงอีกครั้ง แอนเดรียส ยูเทอร์มานน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนทั่วโลกของอัลลิแอนซ์ โกลบัล อินเวสเตอร์ส กล่าว พร้อมทั้งบอกว่าอันตรายสำหรับนักลงทุนอยู่ที่ว่าวิกฤติที่ไม่คาดคิด มาโจมตีแล้ว จะเสื่อมถอยลงหลังจากนั้นหรือไม่
ตลาดการเงินยังมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากการใส่ใจต่อเรื่องหนึ่งไปยังอีกเรื่องหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ดัชนีนิกเกอิดิ่งแรงเมื่อเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธเพราะทำให้เกิดความหวาดกลัวเกี่ยวกับความมั่นคงในเอเชียมากขึ้น แต่พอวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นักลงทุนในญี่ปุ่นกลับหันไปสนใจว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะขึ้นดอกเบี้ยจากศูนย์เปอร์เซนต์เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีหรือไม่
ดังที่ได้มีการพูดกัน นักลงทุนมีความกังวลด้านภูมิศาสตร์การเมืองมากในขณะนี้การโจมตีระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน และเหตุการณ์ในมุมไบมีความสำคัญมากกว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ การคุมเชิงทางการทูตระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียี์ของฝ่ายหลัง และปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเขตสามเหลี่ยมไนเจอร์ของไนจีเรียในแอฟริกา
สิ่งที่มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของเหตุการณ์ต่างๆในคราวนี้คือมันเกิดขึ้นเมื่อตลาดกำลังรู้สึกตื่นตกใจเกี่ยวกับอนาคตอยู่แล้ว
บ็อบ พาร์กเกอร์ รองประธานบริษัทบริหารสินทรัพย์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า มีเรื่องประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน โดยมีทั้งปัจจัยเศรษฐกิจและตลาด และเรื่องภูมิศาสตร์อยู่เหนือเรื่องอื่นๆ
ได้เกิดความผันผวนในตลาดต่างๆเมื่อเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนเมื่อเกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตเข้ามาในหมู่นักลงทุนทั่วโลกเมื่อเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นว่าทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยสูงขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐพร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นรั้งที่ 18 ติดต่อกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นก็เริ่มจะเข้มงวดนโยบายเงิน
ความไม่แน่นอนขณะนี้มีอยู่สองประการ ประการแรกคือ อัตราดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นสูงและรวดเร็วเพียงไร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำคัญในการคำนวณความรวดเร็วที่จะมีการถอนสภาพคล่องทั่วโลก ส่วนประการที่สองคือ ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นที่จะมีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนส่วนหนึ่งกลัวว่า ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินไปจนกระทบการเติบโตและผลลัพธ์หนึ่งของเรื่องนี้คือ นักลงทุนจำนวนมากได้ลดความเสี่ยงลงแล้วโดยไม่ได้คำนึงถึงความเจ็บปวดทางภูมิศาสตร์การเมืองที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
จอห์น อิพ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของมาร์ลีย์ ฟันด์ แมเนจเมนต์ กล่าวว่า เราได้ลดความเสี่ยงตลอดทั้งปีแล้ว
ภาวะเช่นนี้สามารถมองเห็นได้ในตลาดต่างๆ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าที่อยู่ในดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ของเอ็มเอสซีไอ มีมูลค่าต่ำกว่าสินทรัพย์ในตลาดที่พัฒนาแล้วที่มีความปลอดภัยมากกว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากยังไม่มีการถอนสภาพคล่องออกจากตลาดเต็มที่ และค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายให้กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองที่มีมากขึ้นจึงน่าจะกระตุ้นให้มีความระมัดระวังมากขึ้น
แอนดรูว์ โบซัมเวิร์ธ รองประธานอาวุโสบริษัทพิมโค ในเยอรมนี กล่าวว่า เหตุการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมืองกำลังช่วยหนุนสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงอย่างเช่นพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่พัฒนาแล้ว
อย่างน้อยที่สุดก็คาดว่า ความยุ่งเหยิงทางภูมิศาสตร์การเมืองจะทำให้ราคาน้ำมันสูงเพียงพอที่จะคุกคามต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและสร้างความกังวลเกี่ยวกับการชลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก [/color:a10c57716c">
|
