ผู้ว่าธปท.เผยอีก 2 เดือนเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทย ตลาดหุ้นรับผลดีมากสุด เชื่อมั่นบริษัทจดทะเบียน เก็งกำไรค่าเงิน ระบุเอ็มแอลอาร์ 8% ภาคธุรกิจรับได้ ชี้เงินเฟ้อกรกฎาคมมีแนวโน้มลดต่อเนื่อง เผย 20 ก.ค.แถลงข่าวใหญ่ชี้ชะตาเศรษฐกิจไทยจากนี้ไป หลังกนง.ประชุม 19 ก.ค. ด้าน ภัทร ระบุโรดโชว์ สิงคโปร์ ฝรั่งรุมถามการเมืองไทยถ้ายืดเยื้อ รัฐบาลจะดันเศรษฐกิจให้โตได้อย่างไร

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติกล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นช่วง 2 เดือนนับจากนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามา เชื่อมั่นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ และอัตราแลกเปลี่ยน
ตอนนี้แบงก์ชาติจะดูแลไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายของเงินวูบวาบจนเกินไป และใน 2 ปีข้างหน้านี้ เชื่อว่าการเคลื่อนย้ายของเงินทุนจะยังมีอยู่ เพราะตราบใดที่นักลงทุนยังมีการคาดการณ์ทิศทางของเงินดอลลาร์ว่าจะขึ้นหรือลงผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

ส่วนการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตลอด 10 วันที่ผ่านมานั้น เพราะนักลงทุนต่างชาติโยกเงินลงทุนเข้าตลาดเอเชียรวมถึงไทย หลังจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากตลาดนิวยอร์ก ซึ่งธปท.มองว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังสามารถแข่งขันได้ และจะไม่กระทบกับภาคการส่งออก จนทำให้อัตราการเติบโตลดลง

สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศขณะนี้มองว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่ 3% และดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 7-8% อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ยังไม่เห็นสัญญาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)รอบใหม่ปรับตัวขึ้น

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีแบบมีระยะเวลา หรือ MLR ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 8% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ภาคธุรกิจยังพอรับได้ ส่วนดอกเบี้ย MLR ของแบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยอยู่ที่ 7.50-7.75% ดังนั้นการที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แนื่องจากปริมาณเงินฝากมีมากกว่าสินเชื่อ
ในอนาคตยังไม่สามารถบอกได้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่เท่าใด เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

อย่างไรก็ตามผู้ว่าธปท. ยอมรับ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.นี้ จะปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ลดลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนอยู่ที่ 5.9% พฤษภาคมอยู่ที่ 6.1% แต่ไม่ได้หมายความว่าจะส่งผลให้ ธปท.ต้องยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า ธปท.จะรายงานภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทิศทางเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนระยะสั้นให้ดร.ทนง พิทยะ รมว.คลัง รับทราบในระหว่างการประชุมรักษาระดับในวันที่ 17 ก.ค.นี้ หลังจากนั้นในวันที่ 19 ก.ค.นี้ กนง.จะประชุมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง และต่อจากนั้นในวันที่ 20 ก.ค.แบงก์ชาติจะแถลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ว่าจะเดินไปในทิศทางใด เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในวันนั้นจะบอกทั้งหมดเลยไม่ปิดบัง หากดีก็ว่าดี ขอให้สบายใจกันได้

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทรจำกัด(มหาชน) หรือ PHATRAในฐานะผู้จัดงานการนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 13-14 ก.ค.49 เปิดเผยภายหลังจากที่เข้าพบนักลงทุนต่างประเทศว่า นักลงทุนต่างประเทศให้การตอบรับการเดินทางโรดโชว์สิงคโปร์ครั้งนี้เป็นอย่างดี โดยมีกองทุนต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังข้อมูลถึง 35 กองทุนมีเม็ดเงินลงทุนมากกว่า50%ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยซึ่งทางกระทรวงการคลังและตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งบริษัทจดทะเบียน 10แห่งและรัฐวิสาหกิจอีก 1แห่งก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลกับนักลงทุนเท่านี้เป็นอย่างดีโดยในวันพรุ่งนี้(14 ก.ค.)จะมีการนำเสนอข้อมูลแบบตัวต่อตัว

นักลงทุนต่างประเทศให้การตอบรับการโรดโชว์สิงคโปร์ครั้งนี้เป็นอย่างดีมีกองทุนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 35 กองทุนซึ่งกองทุนเหล่านี้มีเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 50% ของเม็ดเงินต่างประเทศที่ลงทุนในไทย ซึ่งการที่ภัทรเลือกเดินทางมาโรดโชว์สิงคโปร์ เพราะกองทุนต่างประเทศทั่วโลกทั้ง กองทุนขนาดใหญ่ที่ลงทุนระยะยาว เฮดจ์ฟันด์ ต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่นายศุภวุฒิกล่าว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่นักลงทุนต่างประเทศสอบถามมากที่สุดในการเดินทางไปโรดโชว์สิงคโปร์ครั้งนี้คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศไทยว่า จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.หรือไม่ การเมืองจะยืดเยื้อต่อไปอีกนานแค่ไหน หากยืดเยื้อความยืดหยุ่นของนโยบายการคลังมีมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การส่งเสริมการลงทุนของ BOI เป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่นักลงทุนได้รับคำตอบน่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ สำหรับประเด็นทางการเมืองภายในประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจ ทางผู้จัดงานจะให้ตัวแทนจากภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้ตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง ส่วนบริษัทจดทะเบียนและรัฐวิสาหกิจจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท สำหรับเป้าหมายในการเดินทางโรดโชว์สิงคโปร์ครั้งนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจ และการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนแก่นักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่สถานการณ์ในประเทศมีความไม่แน่นอนสูงเช่นปัจจุบันโดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนหลังจากเดินทางไปโรดโชว์สำเร็จ และบริษัทจดทะเบียนที่เดินทางเข้าร่วมโรดโชว์ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายของภาครัฐจึงน่าจะให้ข้อมูลแก่นักลงทุนต่างประเทศได้ดี

ที่มา นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ[/color:fb2ba42688">

Choose your poison: Politics or oil? ----- clsa 14 ก.ค. .000A

.000A .000A .000A