ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิ.ย.ต่ำสุดรอบ 50 เดือนเจอพิษปัญหาการเมืองวุ่นไม่จบ-ราคาน้ำมันปรับขึ้นไม่หยุด ส่งผลการตัดสินใจซื้อสินค้าคงทนลดฮวบอย่างชัดเจน แถมเป็นการปรับลดลงทุกรายการดัชนีที่มีการสำรวจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ลดลงจากเดือนพฤษภาคม โดยเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 75.2 ขณะที่เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 75.5 ถือว่าต่ำสุดรอบ 50 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2545
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาส ในการหางานเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 76.3 ขณะที่เดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 76.4 ต่ำสุดรอบ 50 เดือนเช่นกัน ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 91.3 ขณะที่เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 92.6
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลงทุกรายการ แต่เป็นการลดลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากช่วงเดือนมิถุนายน มีปัจจัยบวกหลายด้าน เช่น งานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและฟุตบอลโลก 2006 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่าช่วงปกติ
ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ได้ประกาศตัวเลขการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจไตรมาสแรกอยู่ที่ 6% รวมถึงการส่งออกเดือนพฤษภาคม ที่ยังขยายตัวระดับสูง และความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากเกินไปคลี่คลายลง ขณะที่รัฐบาลยังดำเนินนโยบายการเงินการคลัง เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลงไม่มาก
สำหรับปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่น ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิถุนายนลดลงเช่น สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบ 5 พรรคการเมืองรวมถึงพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ปัญหาราคาน้ำมันการปรับประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ลดลงจาก 4.5-5.5%เหลือ4.2-4.9%
พร้อมกันนี้ธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร(อาร์พี)ระยะ 14 วัน อีก0.25% โดยปรับจาก 4.75% เป็น 5% และการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้น รวมทั้งความกังวลของผู้บริโภคถึงปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเกิดขึ้น และผู้บริโภคยังมีความวิตกต่อภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามต้องดูดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนกรกฎาคมเพราะเป็นช่วงที่ราคาขายปลีกน้ำมันทะลุ 30 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องรวมถึงความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง และความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรนายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯยังคาดการณ์ว่าการบริโภค จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ และหากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีผู้บริโภคจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นช่วงไตรมาส 4 ปีนี้หรือต้นปี 2550แต่จากความกังวลทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมัน การเมือง ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร
จึงเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3-4โดยรวมขณะนี้ต้องยอมรับว่าการลงทุนมีการชะลอตัวลง แต่ภาคการส่งออกยังเป็นตัวสำคัญที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจลดลงไม่มาก จึงเชื่อว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะอยู่ที่ 3.8-4.3%
ทั้งนี้จากผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งการเมือง ราคาน้ำมัน ทำให้ผลการสำรวจภาวะการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนมิถุนายนโดยเฉพาะการซื้อรถยนต์คันใหม่ในปัจจุบันเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างมากถึง 94.5% ขณะที่การซื้อบ้านหลังใหม่ไม่เหมาะสมถึง 39.6% ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวปัจจุบันไม่เหมาะสมถึง 61.9% การลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอีในปัจจุบันไม่เหมาะสมถึง 42.4% แน่นอนที่สุดผลกระทบดังกล่าว ในกลุ่มสินค้าประเภทคงทน ทั้งบ้าน รถยนต์ ผู้บริโภคจะมีการชะลอตัวลงแต่ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีอัตราการเติบโตและการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการชุมนุมนั้น มองว่าคงไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนและบริโภคมากนักเพราะเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัวลงไปมากแล้ว แต่สิ่งที่กระทบในอนาคตคือการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และเชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวจะเห็นเป็นรูปธรรมช่วงครึ่งแรกปี 2550

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3