May 6, 2024   3:04:50 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 27 หุ้น" ถูกเหลือเชื่อ! P/Eต่ำ..มีปันผล..เงินสดเยอะ
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 02/07/2006 @ 13:04:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับจังหวะตลาดหุ้นตกเรี่ยพื้น (ทั้งกระดาน) เฟ้นหุ้นคุณภาพดี..ราคาถูก พบเพียง 27 หุ้นแกร่ง ที่ฝ่า 5 เกณฑ์คัดสรร ได้แก่ 1) P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า 2) กิจการมีกำไร 3) P/E ต่ำกว่า 7 เท่า 4) มีประวัติจ่ายปันผล และ 5) มีเงินสดมากกว่า 10% ของมาร์เก็ตแคป



เกณฑ์ที่ถูกตั้งขึ้นในการกลั่นกรองหุ้น โดยมี ธงนำ ว่า จะต้องหาหุ้นที่มี ราคา ต่ำกว่า คุณภาพ (มากๆ) ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็น หุ้นบลูชิพ..เกรด A ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ เหตุนี้..หุ้นคุณภาพอย่าง PTT, PTTEP, TOP, SCC, KBANK, BBL และ SCB จึงไม่ติดเข้ามาในกลุ่ม

สำหรับเกณฑ์การสำรวจครั้งนี้จะวัด(กรอง)จาก ราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV) ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งมีหุ้นในข่ายนี้มากกว่า 220 บริษัท

เมื่อ กรองข้อมูล ในขั้นต่อไป ด้วยวิธีกำหนดระดับ พี/อี เรโช ต่ำกว่า 7 เท่า เพื่อให้สะท้อนถึงช่วงราคาที่(ยัง)เหมาะสมต่อการซื้อลงทุน ตลอดจนต้องเป็นหุ้นที่ มีกำไร และมีความสามารถในการจ่าย เงินปันผล ให้แก่ผู้ถือหุ้นอีกเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้นยังได้สำรวจข้อมูลเชิงลึกทางการเงินในเรื่องของ สภาพคล่อง ของบริษัท โดยการนำ เงินสด+เงินลงทุนชั่วคราว แล้วนำผลลัพธ์มาเทียบ (หาร) กับ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) โดยสเปคของระดับสภาพคล่องที่เหมาะสมยามนี้คือ...ต้องสูงเกินกว่า 10% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคป

ตลอดกระบวนการทั้งหมด ก็เพื่อให้ได้ หุ้นคุณภาพ ที่ผ่านการกลั่นข้อมูลอย่างเข้มข้นที่สุด ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีหลักทรัพย์ที่ สอบผ่านเกณฑ์เพียง 27 บริษัท เท่านั้น

ถึงแม้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ที่ผ่านการคัดสรรมา จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2549 ที่ลดลงไป แต่เมื่อเทียบกับระดับราคาที่เป็น ราคายุติธรรม ก็ถือว่าราคาของหุ้นกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลดลงมารับข่าว(ลบ)แล้ว

เริ่มตั้งแต่ ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) เป็นหุ้นที่มีราคาปิด ต่ำกว่า มูลค่าทางบัญชีมากที่สุด (0.34 เท่า) ขณะเดียวกันฐานะของบริษัทแห่งนี้ยังถือว่ามี สภาพคล่อง หรือ เงินสด ในอัตรามากถึง 90.78% ของมาร์เก็ตแคป

...นับว่า THIP มีสัดส่วนสภาพคล่องสูงสุดในบรรดา 27 หุ้นขุนพลที่น่าลงทุนในภาวะที่ดัชนี SET ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

และแม้ผลงานไตรมาส 1/2549 ของ THIP จะมีกำไรลดลงไปจาก 12.3 ล้านบาท เหลือเพียง 4.3 ล้านบาท แต่บริษัทแห่งนี้ก็ยังมีแนวโน้มจ่ายปันผลในระดับที่น่าพอใจ ถึงขนาดในปี 2547 ซึ่งบริษัทประสบผลขาดทุน ก็ยังยอมจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเช่นกัน

สหยูเนี่ยน (SUC) หลายปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิ และจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้กลับมารุ่งจากการ ร่วมลงทุน ในธุรกิจพลังงานที่ประเทศจีน

จนสามารถสร้างผลกำไรไตรมาสแรกได้ถึง 451.89 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 48.32 ล้านบาท

ส่งผลให้ราคา SUC ค่อยขยับขึ้นจากต้นปีจาก 16.50 บาท มาแถวๆ 22.60 บาท เกณฑ์สภาพคล่องเมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปก็มีถึง 26.51% แต่ถึงวันนี้ P/BV ของหุ้น SUC ก็ยังคงอยู่ที่ 0.50 เท่า และมี พี/อี เรโช เพียง 5.38 เท่า...แค่นั้น

ด้านราคาหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ค่อนข้างลดระดับลงค่อนข้างมากไปตามสภาวะอุตสาหกรรมภาพรวม ซึ่งผู้ประกอบการส่วนมากจะชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ออกไป ซึ่งส่งผลทำให้แนวโน้มของกำไรปี 2549 อาจจะลดลง

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ (บางตัว) ก็เริ่มเข้าระยะที่น่าลงทุน ไล่ตั้งแต่ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) ซึ่งราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี...ต่ำกว่าเท่าตัว ราคาล่าสุดลงมาแถวๆ 3.48 บาท แต่ราคา Book Value กลับมีค่าถึงหุ้นละ 7.60 บาท

ยิ่งเมื่อเช็คจาก พี/อี เรโช ของบริษัทที่ประมาณ 2.65 เท่า บวกกับบริษัทยังคงมี สภาพคล่อง ในอัตราที่น่าวางใจ คิดเป็น 11.84% ของมาร์เก็ตแคป จึงน่าจะช่วยบรรเทาความกังวลของผู้ลงทุนไปได้ระดับหนึ่ง

ถัดมาเป็น แสนสิริ (SIRI) ที่ P/BV อยู่ที่ระดับ 0.53 เท่า และมีค่า พี/อี เรโช เพียง 4.61 เท่า ขณะที่สภาพคล่อง (เงินสด+เงินลงทุนชั่วคราว) ก็ยังมีอยู่ถึง 21.87% ของมูลค่าหลักทรัพย์

นอกจากนี้ยังมี เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ (KC) โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ยูนิเวนเจอร์ (UV) และ พรีบิลท์ (PREB) ที่ปัจจุบันราคาหุ้นปรับลดลงมาค่อนข้างมากเช่นกัน ขณะที่ พี/อี เรโช ก็ยังต่ำกว่า 7 เท่า ทางด้านตัวเลขไตรมาสแรกที่ผ่านมาก็ยังคงเป็น บวก ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดีของภาวะการจ่ายปันผล

สำรวจต่อไปพบว่า หุ้นส่วนใหญ่ที่มีราคาต่ำกว่า Book Value ค่อนข้างจะเป็นหุ้นขนาดเล็กถึงกลางที่มีการเทรดค่อนข้างต่ำ แม้ราคาจะช้าแต่ชัวร์ จากแนวโน้มของกำไรและความต่อเนื่องของเงินปันผล ...ตั้งแต่ บ.อุตสาหกรรมถังโลหะไทย (TMD) ซึ่งมี P/BV เหลือเพียง 0.58 เท่า และค่า พี/อี เรโช 6.82 เท่า หุ้น TMD ถือว่าเป็นหุ้นที่สามารถรักษาระดับของผลกำไรได้ค่อนข้างดีต่อเนื่อง จึงเหมาะกับนักลงทุนประเภท แวลู อินเวสเตอร์

ถัดมาเป็น จีเอฟพีที (GFPT) ในอุตสาหกรรมอาหาร (ไก่) ที่ค่อยๆ ถูกกระแสความผันผวนของตลาดหุ้น กดอัตรา P/BV ลงมาที่ 0.55 เท่า ขณะที่ไตรมาสแรกก็ยังต้องขาดทุนจากการ ปลดระวาง ของพ่อ-แม่ พันธุ์ไก่ และจากการแคบลงของกำไรขั้นต้นจาก 15.9% เหลือ 11.55%

โดยราคาปิด GFPT เคลื่อนอยู่บริเวณ 14.60 บาท ...ถึงแม้ว่าทิศทางกำไรปี 2549 ของบริษัทจะลดลงจากปีก่อน...แต่มูลค่าหุ้นตาม Book Value ก็ยังมีอยู่ถึงหุ้นละ 26.74 บาท โดยมี พี/อี เรโช 4.5 เท่า ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะอ้างอิงราคายุติธรรมของ GFPT ไว้ที่ 7 เท่า (ประมาณ 15.39 บาท)

ข้ามมาที่ จรุงไทยไวร์แอนด์เคเบิ้ล (CTW) อีกบริษัทย่อยของอิตาเลียนไทย (ITD) ที่กำไรของบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับคำสั่งซื้อจากโครงการใหม่ของลูกค้า และมีการส่งมอบสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 187.1 ล้านบาท ทะยานขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่คว้ากำไรไป 115.5 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นมักเคลื่อนอยู่ในช่วงแคบๆประมาณ 7 บาท ...แต่ P/BV ของ CTW ในปัจจุบันก็ยังน่าสนใจเพราะมีอยู่เพียง 0.7 เท่า และมีสัดส่วนสภาพคล่องเทียบกับมูลค่าหุ้นถึง 25.65%

ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K) ของตระกูลขอไพบูลย์ หมายเลข 1 ตลาดแบตเตอรี่ของไทย เริ่มได้รับผลกระทบจากอาการชะงักของอุตสาหกรรมรถยนต์ แม้ตัวเลขไตรมาสแรกจะมีกำไรโตขึ้น 38.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 53.23 ล้านบาท

ระดับราคาหุ้นของ BAT-3K จึงค่อยปรับลงจน P/BV ต่ำลงเหลือ 0.72 เท่า ที่ พี/อี เรโช 5.33 เท่า ด้วยหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.5 เท่า และมีสภาพคล่องต่อมูลค่าหุ้นอยู่ถึง 25.48% จึงส่งผลให้ราคาหุ้นตัวนี้เริ่มเข้าสู่ระยะที่น่าสนใจทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีหุ้นของ แพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) ที่มีระดับ พี/อี เรโช เพียง 5.74 เท่า และ P/BV 0.84 เท่า โดยยังมีกำไรต่อเนื่อง และอัตราเงินปันผล 10.24% จึงน่าถึงเวลาตุน PRANDA เข้าพอร์ตอีกรอบหนึ่ง

ปิดท้ายที่ อาร์ ซี แอล (RCL) ที่ถือเป็นหุ้นเดินเรือเพียงแห่งเดียวที่เข้าเกณฑ์น่าสะสม หลังจากราคาหล่นลงมาจากต้นปี 2549 ที่ 27 บาท เหลือประมาณ 19.6 บาทต่อหุ้น ที่ระดับ พี/อี เรโช เพียง 3.01 เท่า ส่วน P/BV อยู่ที่ 0.89 เท่า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าค่าระวางเรือเริ่มเข้าสู่ช่วงผงกหัวขึ้นแล้ว และมีแนวโน้มกลับมาสู่ขาขึ้นอีกครั้งในปี 2550

***********************************************
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek [/color:f678033c1c">

 กลับขึ้นบน
mr.w
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 490
#1 วันที่: 25/07/2006 @ 21:05:39 : re: 27 หุ้น" ถูกเหลือเชื่อ! P/Eต่ำ..มีปันผล..เงินสดเยอะ
ขอบคุณนะครับ

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com