????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 01/06/2006 @ 07:58:40 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต หุ้นดีๆ มีให้เล่นตั้งเป็นร้อยตัว ไม่เล่น ใครคิดว่า ต่ำแล้วขอให้ฟังเป็นอุทาหรณ์เห็นว่า ลงมาเยอะแล้ว เอาซะหน่อย แต่พอซื้อไป ได้ไม่คุ้มเสีย เงินที่เสียไปแล้วบ่นเท่าไร เงินก็ไม่กลับมา เห็นใจ แต่ทำไงได้ เตือนกันก็แล้วความอยากลอง อยากเสี่ยงมันเป็นความโลภประเภทหนึ่ง
การลงความเห็นของเหล่าบรรดาผู้สอบบัญชี ในงบการเงินประจำไตรมาส 1/2549ที่มีต่อ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือPICNI ,บริษัท อีสเทิร์นไวส์ จำกัด(มหาชน)หรือEWC และบริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด(มหาชน)หรือPOWER ถือเป็นบทสรุปที่เป็นจุดจบของหุ้นเก็งกำไรอย่างเห็นได้ชัด
โดยทั้ง 3 บริษัทนี้มีปัญหาเหมือนกันหลายอย่าง อาทิ ความเห็นด้านงบการเงินจากผู้ตรวจสอบบัญชี การนำเงินไปลงทุนแบบไม่ถูกวัตถุประสงค์ ความไม่โปร่งใสในการทำธุรกรรมทางการเงิน
จากความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้น หรือกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความพัวพันในลักษณะทั้งทางตรงและทางอ้อม คงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ทำไม PICNI-EWC-POWER จึงมีปัญหาที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้
ทั้งนี้คงไม่น่าแปลกอะไร!! ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนที่สาหัสสากรรจ์ โดยเฉพาะในกรณีของหุ้น PICNI ที่จะสอนให้นักลงทุนรายย่อยได้นำสิ่งที่ประสบพบเจอมาใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับการลงทุนครั้งต่อไป
เหมือนอย่างมีคำพูดที่เคยเตือนไว้ว่า หุ้นดีๆ มีให้เล่นตั้งเป็นร้อยตัว ไม่เล่น ใครคิดว่า ต่ำแล้วขอให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ เห็นว่า ลงมาเยอะแล้ว เอาซะหน่อย แต่พอซื้อไป ได้ไม่คุ้มเสีย เงินที่เสียไปแล้วบ่นเท่าไร เงินก็ไม่กลับมาเห็นใจ แต่ทำไงได้ เตือนกันก็แล้วความอยากลอง อยากเสี่ยง มันเป็นความโลภประเภทหนึ่ง
-แฝดสามแต่คนละฝา
การติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ลงทุนที่เข้าไปฟื้นฟูกิจการของบริษัทจดทะเบียนในหมวดฟื้นฟูกิจการ (รีแฮปโก้)นั้นถือเป็นสิ่งที่มีการจับตาของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับตลาดทุนอย่างสำนักงานก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ(ตลท.) รวมถึงนักลงทุนทั่วไปที่สนใจเข้าลงทุน
โดยเฉพาะพฤติกรรมของบริษัทจดทะเบียนอย่าง บมจ.ปิคนิคคอร์ปอเรชั่น(PICNI) ,บมจ.อีสเทิร์นไวส์ (EWC) และบมจ.เพาเวอร์-พี (POWER) จะถูกจับตามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงที่ถึงกำหนดการส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1/2549 ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ความไม่ชอบมาพากลของบริษัทเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่มีการคาดการณ์กันไว้ตั้งแต่ต้น แต่ยังไม่ได้มีการฟันธงลงไป เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จนล่าสุดพฤติกรรมต่างๆก็ปรากฏให้เห็นจากงบการเงินในไตรมาส 1/2549 ไล่เรียงมาตั้งแต่PICNI-EWC-POWER
ทั้งนี้ความเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชี จะมีทั้งไม่อาจสรุปผลการสอบทานงบการเงิน และการไม่แสดงความเชื่อมั่นต่องบการเงิน เนื่องจากอาจทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทเหล่านี้ที่ปรากฎในงบการเงินอาจไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ
นอกจากนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯและสำนักงานก.ล.ต. ยังมีการขอข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่ผู้ตรวจสอบบัญชีไม่สามารถที่จะลงลึกไปถึงรายละเอียดได้ ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวจะเน้นหนักไปในด้านการใช้เงินที่ผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบุคคลที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน การลงทุนที่ขยายตัวมากเกินไป รวมถึงส่วนผู้ถือหุ้นของทั้ง 3 บริษัท มีความสัมพันธ์กันทั้งทางตรงและทางอ้อม
-นักลงทุนต้องดูแลตัวเอง
ถ้าหากเอ่ยชื่อหุ้นPICNI-EWC- POWER นักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่ที่ชอบเก็งกำไร คงจะรู้สึกซึ้งถึงพิษสงของหุ้นเหล่านี้เป็นอย่างดี เพราะความเคลื่อนไหวที่หวือหวาเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนขาดทุนย่อยยับมานักต่อนักแล้ว
ลำพังการพึ่งพาอาศัยมาตรการดูแลของหน่วยงานอย่างก.ล.ต. และตลท. ที่มีหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้โดยเฉพาะงบการเงินนั้น คงจะเป็นไปได้ที่จะเข้ามาดูแลและควบคุมก่อนที่จะมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น
แต่สิ่งที่จะทำให้นักลงทุนรอดพ้นจากการเป็นเหยื่อของการเก็งกำไรคือการสร้างภูมิคุ้มกันทางปัญญาให้เกิดขึ้นในตัวนักลงทุนเอง การหาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวน(ไฟลิ่ง) ที่มีเปิดเผยจากสำนักงานก.ล.ต. ก็ถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ทราบถึงประวัติของกลุ่มผู้บริหารประวัติของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ว่าเป็นใครมาจากไหน และรวมถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทนั้นได้ผ่านอะไรมาบ้าง
นอกจากเหนือจากข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเบื้องต้นแล้ว การอ่านข้อมูลจากสื่อพร้อมกับการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคำพูดของผู้บริหารท่านนั้นๆ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เพราะโดยมากข่าวสารจากผู้บริหารจะเป็นสิ่งที่ทำให้ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงการอาศัยข่าวเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุน ถือเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับการลงทุนที่ถูกต้อง
การดูถึงบุคลิกลักษณะทางวาจา และท่าทางของผู้บริหารก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่ามีความจริงใจต่อนักลงทุนแค่ไหน ทั้งนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นของตนเองอย่างเป็นประจำ อย่างนี้ถือว่าคงไม่เหมาะสม แทนที่จะเอาเวลาดังกล่าวไปคิดหรือบริหารธุรกิจของบริษัทให้เติบโต อย่างไรก็ตามการเทขายหุ้นของผู้บริหาร รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
สำหรับสิ่งที่สำคัญสุดที่จะวิเคราะห์ว่าบริษัทนี้มีโปร่งใสมากน้อยเพียงใด คงต้องไม่พ้นการอาศัยดูงบการเงินของบริษัทเป็นหลัก คงจะเป็นเรื่องยากที่จะให้นักลงทุนเข้าไปแกะงบการเงินหรือหาข้อมูลของบริษัทที่จะเข้าลงทุนก่อน และคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะทำเนื่องจากจะไม่ทันกาล
หลักเบื้องต้นง่ายในการดูว่าบริษัทที่ดีจะมีลักษณะควรที่จะดูแหล่งที่มาของรายได้ย้อนหลัง 3-5 ปีที่ผ่านมา ว่าเป็นรายได้ประจำหรือไม่ ถ้าเป็นรายได้จากรายการพิเศษที่ไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก คงต้องใช้วิจารณาญาณเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังต้องดูว่าค่าใช้จ่ายของบริษัทจะถูกไหลออกไปทางใดบ้าง และให้สังเกตพฤติกรรมการลงทุนของผู้บริหารว่ามีทิศทางที่จะลงทุนแบบสะเปะสะปะหรือไม่ รวมถึงความสมเหตุสมผลของการลงทุน โดยการลงทุนเหล่านั้น ต้องไม่เป็นการลงทุนกับกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์หรือมีรายการที่เกี่ยวโยงกันมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตามการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง ถือเป็นประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเอง นอกเหนือจากสามารถเข้าใจในตัวธุรกิจแล้ว การซักถามข้อมูลจากปากผู้บริหารเอง เพื่อคลายข้อสงสัยที่มีอยู่ และที่สำคัญการเข้าร่วมประชุมสามารถทำให้รับรู้ หรือมีสิทธิคัดค้านในการลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้น เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากล
ทั้งนี้ไม่อยากจะให้นักลงทุนดูแค่กำไรบรรทัดสุดท้าย เพราะจะทำให้ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของบริษัทได้อย่างแท้จริง
ถ้าบอกกล่าวกันถึงขนาดนี้แล้วยังอยากที่จะเข้าไปลงทุนอีกอันนี้ ต่อให้ใครก็คงจะช่วยไม่ได้
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:d091577f70">
|
