**รีบาวน์มาเน้นขายออก**



--------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้แรงขายฝรั่งยังคงคุกรุ่นอยู่ครับ เมื่อวานนี้ก็ขายออกมาอีกเกือบ5พันล้านบาท รวมยอดขายออกมาในช่วง2สัปดาห์นี้ ขายออกมาแล้วเกือบ3หมื่นล้านบาท...แต่ก็อย่าเพิ่งคิดในแง่ดีตอนนี้นะครับว่า ฝรั่งขายตั้งเกือบ3หมื่นล้านบาทแล้วเดี๋ยวคงกลับมาซื้อบ้างแหละ....อย่าครับอย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีตอนนี้ ...น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวางครับ
ทีแรกเมื่อวานนี้ มองยังไงก็น่าจะมีรีบาวน์ครับ หลังจากที่เมือวานนี้SETยันเขต720จุดได้ แล้วมีรีบาวน์ท้ายตลาดไปปิดแถว727จุดได้ แต่เปิดตลาดเช้ามาSETขึ้นยืนแดนบวกได้แป๊ป...เดียว...ประมาณว่าตดยังไม่หายเหม็นเลย SETก็เจอแรงเทขายร่วงแดนลบอีกครั้ง...แถมเป็นแรงขายแบบpanic ตกอกตกใจอีกครั้ง ส่งผลให้SETปิดที่714.10-13.11จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย1.64หมื่นล้านบาท ฝรั่งยังขายออกมาอีก4148.31ล้านบาท กองทุนซื้อ1281.56 ล้านบาท รายย่อยซื้อ2866.75 ล้านบาท
ว่ากันว่าฝรั่งเอาข้ออ้าง กลัวเรื่องหวัดนกระบาดมาถล่มขายหุ้นย่านเอเชีย หลังมีข่าวว่าไข้หวัดนกประทุรอบใหม่ในอินโดนีเซีย มีรายงานระบุว่า เป็นไปได้ที่จะเกิดการติดเชื้อไข้หวัดนกจากคนสู่คนหลังจากมีชาวอินโดนีเซียเสียชีวิต 6 คน ส่งผลให้มีแรงเทขายเงินสกุลเอเชียรวมทั้งหุ้นในย่านภูมิภาคเอเชียด้วยอีกวัน
แนวโน้มค่าเงินบาทและภูมิภาคเอเชียน่าจะยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ จากที่กองทุนต่างๆหันไปถือครองเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น ดูจากค่าเงินเหรียญสหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินยูโรและเยน ตอนนี้ก็เลยเริ่มมีข้อสมมติฐานใหม่ขึ้นมาว่า การที่ฝรั่งขายหุ้นย่านเอเชียแล้วไปถือครองดอลลาร์อาจจะเป็นไปได้ที่พวกกองทุนฝรั่งต่างๆมองว่าสหรัฐมีโอกาสที่จะบุกอิหร่าน..หลังจากข้อขัดแย้งกรณีนิวเครียร์กับอิหร่านยังหาทางออกไม่ได้..ส่วนจะจริงไม่จริงไม่รู้ครับ...เป็นเพียงข้อสันนิฐานในยามที่ฝรั่งเทขายออกมาหนักๆอย่างที่เห็น
แต่อย่างไรเสีย ก็ยังอยากให้ท่านนักลงทุนทำตัวเบาไว้ก่อน..แล้วนั่งดูฝรั่งทุบหุ้นไทยไปพลางๆ อย่าเพิ่งรีบเข้าไปช้อนตอนนี้ เดี๋ยวจะช้อนหักกันไปหมดก่อน...ส่วนท่านที่ยังไม่ได้ขายชั่วโมงนี้ ต้องตัดสินใจแล้วครับว่า ตัวไหนตัดได้ก็ต้องตัด...โดยเฉพาะตัวที่เล่นกันขึ้นมาสูงๆแล้วนั่นแหละครับ แต่ตัวไหนที่ราคาดร็อบลงมาแต่ยังพอพื้นฐานรองรับ มีปันผลให้ในอัตราน่าพอใจ...จะถือเอาไว้ก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ที่แน่ๆควรจะมีการขายออกเพื่อลดพอร์ตลงบ้าง





TTA ซื้อเล่นรอบใหม่ คาดครึ่งปีหลังMMLหนุนกำไร

ธุรกิจเรือเทกองยังในปี 49-50 บางส่วนของกองเรือจะได้รับผลกระทบจากอัตราค่าระวางที่ต่ำลงตามแนวโน้มตลาด เนื่องจากความกังวลถึงอุปทานเรือใหม่ที่จะออกสู่ตลาดมากขึ้นในอนาคต โดยที่เรือเก่าๆ ในกองเรือโลกก็ยังไม่ปลดระวาง(ซึ่งคาดว่า 1-2 ปี ปริมาณกองเรือจะค่อย ๆ ลดลงจากการปลดระวางเรือเก่า) กดดันให้ค่าระวางเรืออ่อนตัวลง ซึ่งกระทบต่อกองเรือที่ยังไม่ได้ทำสัญญาระยะยาวไว้ (กลุ่มที่อิงกับ spot rate) อย่างไรก็ตามคาดว่าความต้องการใช้เรือยังคาดว่าอยู่ในระดับสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
TTA กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจโดยลงทุนใน บจ. เมอร์เมด มาริไทม์ (MML) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านเทคนิคติดตั้งโครงสร้างใต้ทะเล และให้บริการขุดเจาะปิโตรเลียมในและนอกชายฝั่งทะเล ซึ่งมีธุรกิจเรือขุดเจาะเป็นตัวผลักดันใน MML โดยได้ทำสัญญากับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เช่าใช้บริการเรือไปจนถึงปี 50 และ 52 ซึ่งจะทำให้มีความมั่นคงของรายได้ระยะยาว
เราคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ TTA ได้สูงมากเนื่องจากปริมาณความต้องการแหล่งพลังงานใหม่ยังมีค่อนข้างสูง โดยมีสัญญาเช่าระยะยาวถึงสิ้นปี 52 ซึ่งความต้องการใช้เรือขุดเจาะปิโตรเลียมทุกประเภทในตลาดยังมีสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านขุดเจาะเพิ่มอัตราการให้บริการไปได้ถึงปี 52 นอกจากนี้ อัตราค่าบริการาของ Mermaid ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจากระดับ4-4.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/วัน เป็น 5-5.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/วัน ภายในปี 52 ขณะที่เรือขุดเจาะปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติที่ Mermaid ดำเนินการมีอยู่เพียง 22 ลำทั่วโลก
TTAประกาศผลดำเนินงานไตรมาส2/49ออกมามีผลกำไรสุทธิ 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2549 เท่ากับ 1,051.78 ล้านบาท โดยรวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 487.20 ล้านบาทแล้ว

ซึ่งผลกำไรที่ลดลงมีสาเหตุหลักจากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวลดลง อัตราค่าระวางเรือโดยเฉลี่ย รวมอัตราค่าระวางเรือที่บริษัทฯ เช่ามาเสริมกองเรือเพิ่มเติม ลดลงร้อยละ 31.37 จาก 15,703 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 2548 เป็น10,777 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 2549 จำนวนวันเดินเรือในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 2549 เท่ากับ 4,149 วัน เทียบกับ 4,230 วัน ในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 2548


ประเมินกำไรสุทธิปี2549ไว้ที่ 3,560 ล้านบาทหรือคิดเป็นกำไร5.53บาทต่อหุ้น ประเมินPERปี2549ที่5เท่า จะได้ราคาเหมาะสมที่ 27.5บาท และจากนโยบายปันผล25%จากกำไรสุทธิจึงประเมินว่าTTAจะปันผลรวมปีนี้ประมาณ1.25-1.50บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น อัตราผลตอบแทนประมาณ6.4%-7.6% (ยังเหลือปันงวดครึ่งปีหลังอีก0.6-0.85บาท)ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
จึงแนะนำซื้อเล่นรอบหลังจากที่ได้แนะนำให้ซื้อเล่นรอบไปแล้วจากเขต19บาทไปขายแถว21บาท ดังนั้นในจังหวะที่ราคาหุ้นย่อลงมาแถวเขต19.50-19บาทจึงเป็นจังหวะที่น่าเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบ

มุมมองทางเทคนิค-ล่าสุดราคาหุ้นTTAปรับลดลงมาใกล้เขตsupportแถว18.40-18.20บาท ล่าสุดราคาหุ้นเปิดGAPทิ้งไว้จากการขึ้นเครื่องหมายXD จึงจะเป็นจังหวะของการเข้าไปซื้อเพื่อเล่นรีบาวน์ โดยจะมีแนวต้านเป้าหมายทำรอบด่านแรกแถว19.70-20 บาท หากผ่านได้มีโอกาสเล่นได้ไกลถึง 21บาท แต่หากราคาหุ้นถอยต่ำกว่าเขต18.20บาทแนะนำ ขายออกเพื่อลดความเสี่ยง

ที่มา / นสพ.ทันหุ้น ( ขอบพระคุณในข้อมูลครับผม )

คิก คิก ท่าน หลอด ล้าง พอร์ต หมด รึยัง ครับ คิก คิก

ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3 ฟฟฟฟ3