อาฟง
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 | #1  วันที่: 24/05/2006 @ 23:12:41 : re: ตลท. รับ STHAI-W1 เข้าเทรด 26 พ.ค.นี้ STHAI : สรุปข้อสนเทศ : STHAI-W1
- สรุปข้อสนเทศ -
ลักษณะ เงื่อนไข และสาระสำคัญใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ
บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) (STHAI-W1)
วันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2549
(เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2549)
ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน
ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์
จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ
194,999,961 หน่วย โดยจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ
วันที่ 27 เมษายน 2549 ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิในราคา 0 บาท
จำนวนหุ้นที่รองรับการใช้สิทธิ 194,999,961 หุ้น
ผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน)
สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ
ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ 1 หุ้น โดยมีราคาใช้สิทธิหุ้นละ
2 บาท (เว้นแต่จะมีการปรับสิทธิตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนข้อ 1.4)
ชนิดของใบสำคัญแสดงสิทธิ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ และสามารถโอนเปลี่ยนมือได้
อายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ
3 (สาม) ปี นับแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 15 พฤษภาคม 2549 (วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
วันที่ 14 พฤษภาคม 2552)
ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0 บาทต่อหุ้น
การกระจายการถือใบสำคัญแสดงสิทธิ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2549
จำนวนราย จำนวน % ของใบสำคัญแสดง
ใบสำคัญแสดงสิทธิ สิทธิที่จดทะเบียนใน
ครั้งนี้
1. ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็น
1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ - - -
1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร 11 44,198,337 22.67
รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และบุคคลที่มี
ความสัมพันธ์
1.3 ผู้ถือหุ้นที่ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ > 5 % 3 82,570,449 42.34
โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
1.4 ผู้มีอำนาจควบคุม - - -
1.5 ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่มีข้อตกลงในการ - - -
ห้ามขายใบสำคัญแสดงสิทธิภายในเวลาที่กำหนด
2. ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิรายย่อยที่ถือไม่ต่ำกว่า 381 68,229,162 34.99
1 หน่วยการซื้อขาย
3. ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิต่ำกว่า 1 หน่วย 59 2,013 0.0010
การซื้อขาย
รวมผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งสิ้น 454 194,999,961 100.00
หมายเหตุ : กำหนดให้ 1 หน่วยการซื้อขาย เท่ากับ 100 หลักทรัพย์
ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิรายใหญ่ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2549
ชื่อ จำนวนใบสำคัญ ร้อยละของใบสำคัญ
แสดงสิทธิ แสดงสิทธิที่ยื่นจดทะเบียนในครั้งนี้
1. บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) 55,056,125 28.23
2. Mr. Lin Fu Lai 22,603,701 11.59
3. Miss. Deong Chew Ming, Esther 21,439,875 10.99
4. นายชลิต เจษฎาวิสุทธิ์ 7,268,640 3.73
5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 7,058,284 3.62
6. นายปอก้วน กิตติศรีไสว 6,729,450 3.45
7. บริษัท ไทยฮั้วโฮลดิ้ง จำกัด 6,074,449 3.12
8. นายสมภาพ เลิศรวีวงศ์ 5,096,974 2.61
9. นางลิวกึก กิตติศรีไสว 5,022,947 2.58
10. นายวิญญู เจษฎาวิสุทธิ์ 4,999,999 2.56
11. นายวิทูร เจษฎาวิสุทธิ์ 4,999,999 2.56
รวม 146,350,443 75.04
นายทะเบียนใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผู้รับชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญตามสิทธิ บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน)
ของใบสำคัญแสดงสิทธิ
การใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ
ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทได้ ในวันทำการวันสุดท้ายของ
เดือนมีนาคม, มิถุนายน, กันยายน, ธันวาคม ตามที่ระบุในใบสำคัญแสดงสิทธิจนสิ้นอายุใบสำคัญแสดงสิทธิ
โดยวันใช้สิทธิครั้งแรกตรงกับวันที่ 29 กันยายน 2549 และวันสุดท้ายของการใช้สิทธิ คือ วันที่ 14
พฤษภาคม 2552 ทั้งนี้ ในวันกำหนดการใช้สิทธิ บริษัทจะทำการรวบรวมรายชื่อของผู้ถือใบสำคัญ
แสดงสิทธิที่แสดงความจำนงขอใช้สิทธิ โดยบริษัทจะออกใบหุ้นสามัญให้และจดแจ้งเป็นผู้ถือหุ้น
ของบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ตามวิธีที่ระบุไว้
ในกรณีที่วันกำหนดการใช้สิทธิตรงกับวันหยุดทำการของธนาคารพาณิชย์ให้เลื่อนเป็นวันเปิด
ทำการถัดไป
วิธีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ
1. ระยะเวลาการแจ้งความจำนงการใช้สิทธิ
ผู้ถือใบสำคัญแสดสิทธิ ซึ่งประสงค์จะใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จะต้องแจ้ง
ความจำนงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ระหว่างเวลาทำการตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 16.00 น.
ภายใน 3 (สาม) วันทำการก่อนวันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละครั้ง สำหรับการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายกำหนด
ให้แสดงความจำนงในการใช้สิทธิในช่วงระยะเวลา 15 (สิบห้า) วัน ก่อนถึงวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
บริษัทจะไม่มีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนใบสำคัญแสดงสิทธิ ยกเว้นการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
จะมีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนใบสำคัญแสดงสิทธิ 21 (ยี่สิบเอ็ด) วัน ก่อนวันกำหนดการใช้สิทธิ
ครั้งสุดท้าย และจะทำการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขอพักการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (หรือการ
ขึ้นเครื่องหมาย SP) 21 (ยี่สิบเอ็ด) วัน ก่อนวันกำหนดการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายด้วยในกรณีที่การปิดสมุด
ทะเบียนพักการโอนใบสำคัญแสดงสิทธิตรงกับวันห
2000
ยุดทำการของธนาคารพาณิชย์ ให้เลื่อนเป็นวันเปิด
ทำการถัดไป
ทั้งนี้บริษัทจะแจ้งข่าวเกี่ยวกับระยะเวลาการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิ อัตราการใช้สิทธิ ราคา
ที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ พร้อมทั้งสถานที่ที่ใช้สิทธิ โดยผ่านสื่ออิเล็คโทรนิค (SETSMART) ให้ผู้ถือ
ใบสำคัญแสดงสิทธิทราบอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนระยะเวลาการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิแต่ละครั้ง
สำหรับการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย บริษัทจะส่งจดหมายลงทะเบียนถึงผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิตามรายชื่อ
ที่ปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ ณ วันปิดสมุดทะเบียนครั้งสุดท้าย และจะแจ้งข่าว
เกี่ยวกับการใช้สิทธิ โดยผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้ถือ
ใบสำคัญแสดงสิทธิทราบอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนระยะเวลาแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
2. วิธีการ สถานที่ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ
(ก) ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิสามารถรับใบแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ที่บริษัท
เท่านั้น ในระหว่างระยะเวลายื่นความจำนงในการใช้สิทธิ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้
บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน)
238/9 อาคารไตรภาคี ชั้น 2 ถนนรัชดาภิเษก
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10320
โทรศัพท์ (02) 274-0951 โทรสาร (02) 274-0950
(ข) ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ประสงค์จะใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ จะต้องส่งเอกสารดังต่อไปนี้
ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่
1. ใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญที่ได้กรอกข้อความถูกต้องชัดเจน และ
ครบถ้วนแล้วทุกรายการ (ใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญสามารถติดต่อขอรับได้ที่บริษัท
ตามสถานที่ติดต่อในข้อ ก)
2. ใบสำคัญแสดงสิทธิหรือใบแทนใบสำคัญแสดงสิทธิที่ระบุว่าผู้ถือนั้นมีสิทธิใน
ใบสำคัญแสดงสิทธิตามจำนวนที่ระบุอยู่ในใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ
3. ชำระเงินตามจำนวนที่ระบุในใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ โดย
ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ประสงค์จะใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจะต้องชำระเงินเป็นเช็ค ดร๊าฟท์ ตั๋วแลกเงิน
ธนาคาร หรือคำสั่งจ่ายเงินธนาคารที่สามารถเรียกเก็บได้ในกรุงเทพมหานคร โดยขีดคร่อมสั่งจ่ายตาม
ชื่อบัญชีและตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งความจำนงขอใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ
4. หลักฐานประกอบการใช้สิทธิ
(1) บุคคลสัญชาติไทย สำเนาบัตรประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
(2) บุคคลต่างด้าว สำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
(3) นิติบุคคลในประเทศ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
และเอกสารหลักฐานของผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อตาม (1)
หรือ (2) พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
(4) นิติบุคคลต่างประเทศ สำเนาเอกสารการจดทะเบียนรับรองโดย Notary Public
(ย้อนหลังไม่เกิน 1 ปี) พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง และ
เอกสารหลักฐานของผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อตาม (1) หรือ
(2) พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
3. เงื่อนไขอื่นที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้สิทธิ
(ก) จำนวนหน่วยของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ขอใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจะต้องเป็นจำนวนเต็มเท่านั้น
โดยอัตราการใช้สิทธิเท่ากับใบสำคัญแสดงสิทธิหนึ่งหน่วยต่อหนึ่งหุ้นสามัญ เว้นแต่จะมีการปรับสิทธิ
(ข) หากบริษัทได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ / ใบแทนใบสำคัญแสดงสิทธิหรือจำนวนเงินที่บริษัท
ได้รับไม่ครบตามจำนวนที่ระบุในใบแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ หรือบริษัทตรวจสอบได้
ว่าข้อความที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิกรอกลงในใบแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญนั้นไม่
ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง หรือเอกสารไม่ครบถ้วนถูกต้องตามข้อบังคับและกฎหมายต่างๆ ผู้ถือใบสำคัญ
แสดงสิทธิจะต้องทำการแก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดของการใช้สิทธิในครั้งนั้นๆ หากผู้ถือ
ใบสำคัญแสดงสิทธิไม่ทำการแก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะถือว่าการแจ้งความจำนง
ในการใช้สิทธิในครั้งนั้นสิ้นสภาพลงโดยไม่มีการใช้สิทธิและจะส่งเงินที่บริษัทได้รับไว้ พร้อมกับใบสำคัญ
แสดงสิทธิหรือใบแทนใบสำคัญแสดงสิทธิคืนให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ตอบรับภายใน 14 วันนับจากวันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละครั้งโดยไม่มีดอกเบี้ย
ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิชำระจำนวนเงินในการใช้สิทธิไม่ครบถ้วน บริษัทมีสิทธิที่
จะดำเนินการประการใดประการหนึ่งต่อไปนี้แล้วแต่บริษัทจะเห็นสมควร
1. ถือว่าการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิในครั้งนั้นสิ้นสภาพลงโดยไม่มีการใช้สิทธิหรือ
2. ถือว่าจำนวนหุ้นสามัญที่จองซื้อมีจำนวนเท่ากับจำนวนที่พึงจะได้รับตามจำนวนเงินในการ
ใช้สิทธิซึ่งบริษัทได้รับชำระไว้จริงตามราคาการใช้สิทธิในขณะนั้นหรือ
3. ให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิชำระเงินเพิ่มเติมตามจำนวนที่ประสงค์จะใช้สิทธิให้ครบถ้วน
ภายในระยะเวลาแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิในครั้งนั้น หากบริษัทไม่ได้รับเงินครบตามจำนวนใน
การใช้สิทธิภายในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะถือว่าการแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิในครั้งนั้นสิ้นสภาพ
ลงโดยไม่มีการใช้สิทธิ
ในกรณีที่เป็นการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย บริษัทจะดำเนินการประการใดประการหนึ่งตามข้อ 2
หรือข้อ 3 ข้างต้น
ในกรณีตามข้อ 1 และ 3 บริษัทจะส่งเงินที่ได้รับไว้โดยไม่มีดอกเบี้ยและใบสำคัญแสดงสิทธิ
ซึ่งบริษัทถือว่าไม่มีการใช้สิทธิดังกล่าว ภายใน 14 วันนับแต่วันกำหนดการใช้สิทธิ หรือในกรณีตามข้อ 2
บริษัทจะส่งใบสำคัญแสดงสิทธิส่วนที่เหลือในกรณีที่บริษัทถือว่ามีการใช้สิทธิเพียงบางส่วน คืนให้กับ
ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายใน 14 วันนับแต่วันกำหนดการใช้สิทธิใน
แต่ละครั้ง อย่างไรก็ดีใบสำคัญแสดงสิทธิที่ยังไม่มีการใช้สิทธิดังกล่าว ยังมีผลใช้ได้ต่อไปจนถึงวันกำหนด
การใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
(ค) เมื่อผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ประสงค์จะใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการแจ้ง
ความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ กล่าวคือ ได้ส่งมอบทั้งใบสำคัญแสดงสิทธิหรือใบแทนใบสำคัญ
แสดงสิทธิ ใบแจ้งความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ และชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญถูกต้องและ
ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะไม่สามารถเพิกถอนการใช้สิทธิได้ เว้นแต่จะได้รับหนังสือ
ยินยอมจากบริษัท
(ง) เมื่อพ้นกำหนดวันใช้สิทธิครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิยังมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข
ของการใช้สิทธิที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน ให้ถือว่าใบสำคัญแสดงสิทธินั้นๆ สิ้นสภาพลงโดยไม่มีการใช้สิทธิ
และผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะใช้สิทธิไม่ได้อีกต่อไป
(จ) จำนวนหุ้นสามัญที่จะออกเมื่อมีการใช้สิทธิ จะคำนวณโดยการนำจำนวนเงินในการใช้สิทธิ
ซึ่งผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิได้ชำระตามที่กล่าวข้างต้น หารด้วยราคาการใช้สิทธิในขณะที่มีการใช้สิทธินั้น
โดยบริษัทจะออกหุ้นสามัญเป็นจำนวนเต็มไม่เกินจำนวนหน่วยของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ขอใช้สิทธิคูณ
ด้วยอัตราการใช้สิทธิภายหลังจากการปรับอัตราการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน หากมีการ
ปรับราคาการใช้สิทธิและ/หรืออัตราการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนแล้ว ทำให้มีเศษเหลืออยู่
จากการคำนวณดังกล่าว บริษัทจะไม่นำเศษดังกล่าวมาคิดคำนวณและจะชำระเงินที่เหลือจากการใช้สิทธิ
ดังกล่าวคืนให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิภายใน 14 วันนับแต่วันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละครั้ง
(ฉ) การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วภายหลังจากวันกำหนดการใช้สิทธิแต่ละครั้ง บริษัท
จะยื่นขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วของบริษัท ต่อกระทรวงพาณิชย์ตามจำนวนหุ้นสามัญที่
ออกใหม่สำหรับการใช้สิทธิในครั้งนั้น ภายใน 14 วันนับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบตาม
จำนวนที่มีการใช้สิทธิในแต่ละครั้งและบริษัทจะดำเนินการจดทะเบียนผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ได้ใช้
สิทธิเข้าเป็นผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นสามัญที่คำนวณได้จากการ
ใช้สิทธิในครั้งนั้น ภายใน 14 วันนับตั้งแต่วันที่บริษัทได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วของบริษัท
ต่อกระทรวงพาณิชย์ตามจำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่สำหรับการใช้สิทธิแต่ละครั้ง
(ช) บริษัทจะส่งมอบใบหุ้นสามัญที่ระบุชื่อของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิภายในเวลา 15 วันทำการ
นับจากวันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละครั้ง และจะส่งคืนใบสำคัญแสดงสิทธิหรือใบแทนใบสำคัญ
แสดงสิทธิส่วนที่ยังมิได้ใช้สิทธิ (ถ้ามี) และเช็คขีดคร่อมเฉพาะสั่งจ่ายเงินตามจำนวนเงินที่เหลือจากการ
ใช้สิทธิ ให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับตามที่อยู่ที่ปรากฎอยู่ในใบแจ้ง
ความจำนงการใช้สิทธิ ภายใน 14 วันนับแต่วันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละครั้งโดยไม่มีดอกเบี้ย โดย
บริษัทจะไม่รับผิดชอบในความสูญหายหรือเสียหายอย่างใดที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการส่งใบหุ้นสามัญ
ใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือเช็คทางไปรษณีย์ดังกล่าว
(ซ) บริษัทอาจตกลงกับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิล่วงหน้าเพื่อให้บริษัทเก็บใบหุ้นสามัญ ใบสำ
2000
คัญ
แสดงสิทธิหรือใบแทนใบสำคัญแสดงสิทธิ เช็ค หรือเอกสารอื่นๆ ไว้ที่บริษัทเพื่อให้ผู้ถือใบสำคัญแสดง
สิทธิที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมารับไปด้วยตนเองได้ หรือผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิอาจเลือกใช้บริการระบบ
ซื้อขายแบบไร้ใบหุ้น (Scripless System) โดยให้บริษัทส่งใบหุ้นสามัญหรือใบสำคัญแสดงสิทธิเข้า
ฝากไว้กับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิต้องระบุชื่อ
และบัญชีของบริษัทสมาชิกของบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยถูกต้องในแบบ
แสดงความจำนงการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ และบริษัทจะส่งมอบหุ้นสามัญผ่านบัญชีฝากหลักทรัพย์
ภายใน 7 วัน ทำการนับจากวันใช้สิทธิแต่ละครั้ง
(ฌ) ให้คณะกรรมการดำเนินงานหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท เป็น
ผู้พิจารณา ข้อกำหนด เงื่อนไขอื่นและรายละเอียดอื่นๆ หรือเหตุให้ต้องออกหุ้นใหม่ตลอดจนการ
เปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิทั้งด้านราคาและอัตราการใช้สิทธิตามวิธีการคำนวณที่เหมาะสม เมื่อมีเหตุการณ์
ตามที่ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกำหนด เช่น เมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทอันเป็นผลมาจากการรวมหุ้นหรือแบ่งแยกหุ้น หรือเมื่อ
บริษัทจ่ายเงินปันผลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้น หรือกรณีอื่นใดที่ทำให้
ผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ ที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะได้รับเมื่อมีการใช้สิทธิด้อยไปกว่าเดิม เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีกรณีที่จำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการดำเนินงานจะนำเสนอเพื่อขอ
มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามกฎระเบียบต่อไป
การเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิ
1. บริษัทต้องดำเนินการปรับราคาการใช้สิทธิ และอัตราการใช้สิทธิตลอดอายุใบสำคัญแสดงสิทธิ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) เมื่อบริษัทเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัท อันเป็นผลมาจากการรวม
หรือการแบ่งแยกหุ้นสามัญที่ออกแล้วของบริษัท ซึ่งการเปลี่ยนราคาใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิ จะมี
ผลบังคับทันที เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัท
1. ราคาการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Price 1 = Price 0 x Par 1 / Par 0
2. อัตราการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ratio 1 = Ratio 0 x Par 0 / Par 1
โดยที่
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Price 0 คือ ราคาการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Ratio 1 คือ อัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Ratio 0 คือ อัตราการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Par 1 คือ มูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญหลังการเปลี่ยนแปลง
Par 0 คือ มูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญก่อนการเปลี่ยนแปลง
(ข) เมื่อบริษัทจ่ายเงินปันผลเป็นเงินเกินกว่าอัตราร้อยละ 90 (เก้าสิบ) ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี
เงินได้ของบริษัท ตลอดอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ การเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้
สิทธิจะมีผลบังคับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย XD)
1. ราคาการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Price 1 = Price 0 x [MP - (D - R)"> / MP
2. อัตราการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ratio 1 = Ratio 0 x MP / [MP - (D - R)">
โดยที่
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Price 0 คือ ราคาการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Ratio 1 คือ อัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Ratio 0 คือ อัตราการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
MP คือ ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท
D คือ เงินปันผลต่อหุ้นที่จ่ายจริงแก่ผู้ถือหุ้น
R คือ เงินปันผลต่อหุ้นที่จ่าย หากนำกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ใน
อัตราร้อยละ 90 (เก้าสิบ) มาคำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิ
ได้รับเงินปันผล
(ค) เมื่อบริษัทจ่ายเงินปันผลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท การ
เปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิ และอัตราการใช้สิทธิจะมีผลบังคับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะ
ไม่มีสิทธิรับหุ้นปันผล (วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย XD)
1. ราคาการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Price 1 = Price 0 x A / (A + B)
2. อัตราการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ratio 1 = Ratio 0 x (A + B) / A
โดยที่
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Price 0 คือ ราคาการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Ratio 1 คือ อัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Ratio 0 คือ อัตราการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
A คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ได้เรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว ณ วันก่อนปิดสมุดทะเบียน
ผู้ถือหุ้น เพื่อสิทธิในการรับหุ้นปันผล
B คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ในรูปแบบของหุ้นสามัญปันผล
(ง) เมื่อบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญ (Common Stock) ที่ออกใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ
ประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด โดยราคาเฉลี่ยต่อหุ้นของหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่ำกว่าร้อยละ
90 (เก้าสิบ) ของ ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท การเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้
สิทธิจะมีผลบังคับทันที ตั้งแต่วันแรกที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะไม่ได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่
(วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย XR) สำหรับกรณีที่เป็นการเสนอขายให้แก่
ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Issue) และ/หรือ วันแรกของการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่แก่ประชาชนทั่วไป
และ/หรือ การเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ตามแต่กรณี
1. ราคาการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Price 1 = Price 0 x [(A x MP) + BX"> / [MP x (A + B)">
2. อัตราการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ratio 1 = Ratio 0 x [MP x (A + B)"> / [(A x MP) + BX">
โดยที่
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Price 0 คือ ราคาการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Ratio 1 คือ อัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Ratio 0 คือ อัตราการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
MP คือ ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท
A คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ได้เรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว ณ วันก่อนปิดสมุดทะเบียน
ผู้ถือหุ้นเพื่อการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ และ/หรือ ก่อนวันแรกของ
การเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่แก่ประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคล
ในวงจำกัด
B คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่จากการเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ
เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด
BX คือ จำนวนเงินที่จะได้รับทั้งสิ้น หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ของหุ้นสามัญที่
ออกนั้นทั้งการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ เสนอขายประชาชน
ทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด
(จ) เมื่อบริษัทเสนอขายหลักทรัพย์ออกใหม่ใดๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ เสนอขายประชาชน
ทั่วไป และ/หรือ เสนอขายบุคคลในวงจำกัด โดยที่หลักทรัพย์นั้นมีสิทธิที่จะแปลงสภาพ / เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญ
ได้ หรือให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ
โดยที่ราคาเฉลี่ยต่อหุ้นของหุ้นสามัญที่จะออกใหม่เพื่อรองรับสิทธิดังกล่าว ต่ำกว่าร้อยละ 90 (เก้าสิบ) ของ
ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท การเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิ และอัตราการใช้สิทธิจะมีผลบังคับ
ทันทีตั้งแต่วันแรกที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่ได้รับสิทธิในการจองซื้อหลัก
2000
ทรัพย์ออกใหม่ใดๆ ที่มีสิทธิแปลงสภาพ/
เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญ หรือให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (วันแรกที่ขึ้นเครื่องหมาย XR) กรณีที่เป็นการ
เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ วันแรกของการเสนอขายหลักทรัพย์ออกใหม่ใดๆ ที่มีสิทธิที่จะแปลง
สภาพ / เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้หรือให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ กรณีเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป
และ/หรือ เสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด ตามแต่กรณี
1. ราคาการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Price 1 = Price 0 x [(A x MP) + BX"> / [MP x (A + B)">
2. อัตราการใช้สิทธิจะเปลี่ยนแปลงตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ratio 1 = Ratio 0 x [MP x (A + B)"> / [(A x MP) + BX">
โดยที่
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Price 0 คือ ราคาการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
Ratio 1 คือ อัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง
Ratio 0 คือ อัตราการใช้สิทธิเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลง
MP คือ ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท
A คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ได้เรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว ณ วันก่อนปิดสมุดทะเบียน
ผู้ถือหุ้นเพื่อการจองซื้อหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ที่มีสิทธิที่จะแปลงสภาพ /
เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้หรือให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ และ/หรือ
ก่อนวันแรกของการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ที่มีสิทธิที่จะแปลงสภาพ
หรือเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้ หรือให้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญต่อ
ประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด
B คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ออกใหม่ เพื่อรองรับการใช้สิทธิของหลักทรัพย์ใดๆ
ที่มีสิทธิที่จะแปลงสภาพหรือเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้ หรือให้สิทธิใน
การจองซื้อหุ้นสามัญตามที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ เสนอขาย
ต่อประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด
BX คือ จำนวนเงินที่จะได้รับทั้งสิ้น หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการออกหลักทรัพย์
ใดๆ ที่มีสิทธิที่จะแปลงสภาพ / เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้ หรือให้สิทธิใน
การจองซื้อหุ้นสามัญ สำหรับการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ
เสนอขายประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลในวงจำกัด รวมกับเงินที่จะได้
รับจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ
คำนิยาม ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท เท่ากับราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญ
ในตลาดหลักทรัพย์ 5 (ห้า) วันทำการติดต่อกันก่อนวันที่ใช้ในการคำนวณ (ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเท่ากับมูลค่า
การซื้อขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายทั้งหมด)
(ฉ) ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใดๆ อันทำให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิเสียสิทธิและผลประโยชน์อันพึงได้
โดยที่เหตุการณ์ใดๆ นั้นไม่ได้กำหนดอยู่ในข้อ ก) ถึงข้อ จ) ให้บริษัทพิจารณาเพื่อกำหนดการเปลี่ยนแปลงราคา
การใช้สิทธิ และ/หรือ อัตราการใช้สิทธิใหม่ โดยไม่ทำให้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิด้อยไปกว่าเดิม
โดยให้ถือว่าผลการพิจารณานั้นเป็นที่สุด และจะแจ้งให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบภายในระยะเวลา 15 (สิบห้า)
วัน นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
2. การคำนวณเปลี่ยนราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิตามข้อ ก) ถึงข้อ ฉ) เป็นอิสระต่อกัน และ
จะคำนวณการเปลี่ยนแปลงตามลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังของการเปรียบเทียบกับราคาตลาดของหุ้นสามัญ
ของบริษัท สำหรับในกรณีที่มีเหตุการณ์ต่างๆ จะเกิดขึ้นพร้อมกันให้คำนวณการเปลี่ยนแปลงเรียงลำดับ
ดังนี้ คือ ก) ข) ค) ง) จ) ฉ) โดยในแต่ละลำดับครั้งที่มีการคำนวณการเปลี่ยนแปลงให้คงสภาพของราคา
การใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิเป็นทศนิยม 3 (สาม) ตำแหน่ง
3. การคำนวณการเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิตามข้อ ก) ถึงข้อ ฉ) จะไม่มี
การเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ราคาการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นและอัตราการใช้สิทธิลดลง เว้นแต่กรณีการรวมหุ้น
4. ในกรณีที่หุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิของการแสดงความจำนงการ
ใช้สิทธิในแต่ละครั้ง (ไม่มีการตัดทศนิยมของราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิใหม่หลังการเปลี่ยนแปลง)
คำนวณได้ออกมาเป็นเศษของหุ้นให้ตัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง
5. ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาการใช้สิทธิจนเป็นผลทำให้ราคาการใช้สิทธิใหม่ที่คำนวณตาม
สูตรมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญ (Par Value) ของบริษัทนั้น ในกรณีที่บริษัทมีกำไรสะสม
ให้ใช้มูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทเป็นราคาการใช้สิทธิใหม่ และในกรณีดังกล่าวให้ยังคงใช้
อัตราการใช้สิทธิตามสูตร ข้อ ก) ข) ค) ง) จ) และ ฉ) ต่อไปแล้วแต่กรณี ในกรณีที่บริษัทมีผลขาดทุนสะสม
ให้ใช้ราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิตามสูตรที่กำหนดในข้อ ก) ข) ค) ง) จ) และ ฉ) ตามแต่กรณี
6. หากมีเหตุให้ต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิบริษัทจะแจ้งผลการเปลี่ยนแปลงให้ผู้ถือ
ใบสำคัญแสดงสิทธิทราบผ่านข่าวตลาดหลักทรัพย์ (SET SMART) ทันที
การออกและส่งมอบหุ้นสามัญออกใหม่
1. หากผู้ถือหุ้นเดิมมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อยู่แล้วกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์
บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะดำเนินการโอนใบสำคัญแสดงสิทธิเข้าบัญชีซื้อขาย
หลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นทันทีโดยระบบซื้อขายแบบไร้ใบหุ้น (Scripless System) เพื่อให้ผู้ได้รับจัดสรร
ใบสำคัญแสดงสิทธิสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญครั้งแรกได้ทัน หรือขายใบสำคัญแสดงสิทธิในตลาด
หลักทรัพย์ฯ ได้ทันทีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้ใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทสามารถทำการซื้อขาย
ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ซึ่งจะแตกต่างกับกรณีที่ผู้ได้รับการจัดสรรเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิจะไม่สามารถ
ขายใบสำคัญแสดงสิทธิในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จนกว่าจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ
2. หากผู้ถือหุ้นเดิมไม่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อยู่กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์
บริษัทจะออกและส่งมอบใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของ
บริษัท โดยจะออกและส่งมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับการจัดสรรภายใน 21 วัน หลังจากการปิดสมุดทะเบียนพักการ
โอนหุ้นของบริษัทเพื่อสิทธิในการรับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ เพื่อให้ผู้ถือใบสำคัญ
แสดงสิทธิสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญครั้งแรกได้ทัน หรือสามารถขายใบสำคัญแสดงสิทธิในตลาด
หลักทรัพย์ฯ ได้ทันทีที่ได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ และตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้ใบสำคัญแสดงสิทธิ
ของบริษัทสามารถทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้
ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดให้มีหุ้นสามัญเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ
บริษัทจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิตามรายละเอียดดังนี้
1. ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดให้มีหุ้นสามัญ เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิได้
อย่างเพียงพอ บริษัทจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่ได้แสดงความจำนงในการใช้สิทธิ
ภายในรอบระยะเวลาการแสดงความจำนงในการใช้สิทธิ โดยบริษัทจะชำระค่าเสียหายให้เป็นเช็คขีดคร่อม
สั่งจ่ายเฉพาะ และจะจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับภายใน 15 (สิบห้า) วัน นับจากวันปิดสมุดทะเบียน
ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิข้างต้น หรือบริษัทอาจตกลงกับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมารับ
ไปด้วยตนเองก็ได้
2. การคำนวณค่าเสียหายที่บริษัทจะชดใช้ให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิตามข้อ 1 ข้างต้น มีสูตรการ
คำนวณ ดังนี้ ค่าเสียหายต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 (หนึ่ง) หน่วย เท่ากับ B x (MP - Price 1)
โดยที่
B คือ จำนวนหุ้นสามัญที่ไม่สามารถจัดให้มี และ/หรือ เพิ่มขึ้นได้ตามอัตราการใช้สิทธิ
ของใบสำคัญแสดงสิทธิที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นต่อ 1 (หนึ่ง) หน่วย
MP คือ ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัท 5 (ห้า) วันทำการติดต่อกัน
ก่อนวันกำหนดการใช้สิทธิในแต่ละรอบ ซึ่งผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิมาแสดง
ความจำนงใช้สิทธิ (ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักเท่ากับมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งหมด
ของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายทั้งหมด)
Price 1 คือ ราคาการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือราคาการใช้สิทธิตามใบสำคัญ
แสดงสิทธิที่ได้เปลี่ยนแปลงแล้ว ตามห
6d3
ัวข้อเงื่อนไขการปรับสิทธิ
อนึ่ง ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิชาวต่างประเทศที่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ แต่ไม่สามารถ
จองซื้อได้เนื่องมาจากอัตราส่วนการถือหุ้นของคนที่มิใช่สัญชาติไทยในขณะนั้นเกินกว่าจำนวนที่ระบุไว้ใน
ข้อบังคับของบริษัท ในกรณีเช่นนี้ บริษัทจะไม่ชดใช้ค่าเสียหาย หรือดำเนินการอื่นใดให้แก่ผู้ถือใบสำคัญ
แสดงสิทธิ ชาวต่างประเทศ และผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิคนที่มิใช่สัญชาติไทยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
หรือเรียกร้องให้บริษัทชดใช้ใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี ใบสำคัญแสดงสิทธิยังมีผลใช้ต่อไปจนถึงวันสิ้นสุดการ
ใช้สิทธิ หาก ณ วันใช้สิทธิครั้งสุดท้ายผู้ถือใบสำคัญแสดงที่มิใช่สัญชาติไทยยังไม่สามารถใช้สิทธิได้ เนื่องจาก
อัตราส่วนการถือหุ้นของคนที่มิใช่สัญชาติไทยในขณะนั้นเกินกว่าจำนวนที่ระบุไว้ในข้อบังคับของบริษัท ให้
ถือว่าใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวหมดอายุลง โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่มิใช่สัญชาติไทยดังกล่าวไม่มี
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ต่อบริษัท และบริษัทจะไม่ดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
ข้อจำกัดในการโอนใบสำคัญแสดงสิทธิ
ไม่มีข้อจำกัดในการโอนใดๆ ยกเว้นข้อจำกัดการโอนอันสืบเนื่องมาจากข้อบังคับของบริษัทว่าด้วย
เรื่องอัตราส่วนการถือหุ้นของบุคคลที่มิใช่สัญชาติไทย ที่จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลที่มิใช่
สัญชาติไทย มากกว่าร้อยละ 49 ของหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท
ระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น ไม่มี
อื่นๆ ที่สำคัญ ไม่มี
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิส จำกัด
จัดทำโดย บริษัท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิส จำกัด |
