ด่านทดสอบ 800 จุดครั้งแรกยังไม่ผ่าน ต้องกลับมาตั้งหลักที่ใต้ระดับ 750 จุดกันใหม่
* เหตุปัจจัยที่ดัชนีวูบหายไป 36จุดในสัปดาห์ที่แล้ว มาจากเหตุปัจจัยภายนอก
ที่อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสหรัฐฯพุ่ง ตลาดหุ้นนิวยอร์ค แผ่อิทธิพลตื่นตระหนกไปทั่วโลก
* ผสมโรงเข้ากับการขายหุ้นใหญ่ในตลาดเอเซีย 2 ราย คือ แบงก์ ออฟ ไชน่า ในตลาดหุ้นฮ่องกง
และ ไทยเบฟ ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ จึงเกิดรายการโยกเงินจากเมืองไทยไปจับจองหุ้นระดับเฮฟวี่เวททั้งสองตัวนี้

* ส่วนปัจจัยภายในเรา ก็ยังมีรายการขายหุ้นทิ้ง ไปโยกซื้อหุ้นโรงกลั่นระยองRRC
ปรากฎว่า จองกันล้นหลามอีกเช่นเคย จากโควต้าที่มีให้นักลงทุนรายย่อย 479 ล้านหุ้น
ยอดจองทะลักมาถึง 600 ล้านหุ้น เอาราคาจอง 23 บาท คูณเข้าไป เงินสะพัดเฉฑาะหุ้นตัวนี้1.38 หมื่นล้านบาท

* ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เหมือนได้ลาภอันมิควรได้ ที่จู่ๆก็ได้หุ้นเฮฟวี่เวทระดับ 2 แสนล้านบาท เข้ามาเทรด
เปิดแชมเปญเลี้ยงฉลองกันใหญ่โต เพราะหุ้นไทยเบฟ กลายเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เข้ามาจดทะเบียนในรอบ 10 ปี

* ประเทศชาติต้องสูญเสียโอกาส เสริมรากฐานตลาดทุนให้แข็งแกร่ง
แทนที่จะได้หุ้นแม่เหล็กเพิ่ม ดูดซับเงินทุนจากภายนอกเพิ่มเข้ามา ก็กลับหลุดลอยข้ามหัวไปให้เพื่อนบ้าน
ที่ไม่สู้จะหวังดีกับความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยนัก

* เหมือนตีงูให้กากิน คำเปรียบเปรยนี้ อยากจะฝากบอกไปถึงมหาจำลอง ศรีเมืองนัก
ที่เอาธรรมมะเบี่ยงเบนมาขัดขวางการพัฒนาตลาดทุน และการทำมาหากินของชาวบ้าน
นี่ก็ถือเป็นการทำร้ายผลประโยชน์ส่วนรวมทางอ้อมเหมือนกันนะจะบอกให้

* แต่คนที่น่าตำหนิกว่า คือ ก.ล.ต.ที่ไม่มีความกล้าหาญในการตัดสินใจ
หวังว่า จะไปทบทวนหลักคิดในการปฏิบัติงานเรื่องกล้าหาญอย่างมีริยธรรม

* คำๆนี้แฝงนัยยะเป็นธรรมะ ผู้ตั้งตนในจริยธรรม ย่อมไม่มีความหวาดหวั่นต่อภยันตรายใดทั้งสิ้น
โดยเฉพาะภยันตรายที่มาจากกลุ่มชนที่ยืดถือธรรมมะจำแลง มีแต่ทิษฐิและโมหะคติเพียบ
* ตลาดทุนไทย ยิ่งสูญเสียหนักเข้าไปอีก เมื่อวันที่ไทยเบฟเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ราววันที่ 30 พ.ค.
จะเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไทย ที่ชื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง

* ดาวเขียว เชื่อในความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว พูดจริง ทำจริงของบิ๊กโต้งคนนี้
ขอจารึกผลงานเกือบ 6 ปีของกิตติรัตน์ล่วงหน้าไว้ณ ที่นี่เลยก็ได้ว่า เป็นคนมีไฟ มีพลังเหลือเฟือ
กอปรกับกึ๋นในการทำงานครบเครื่องสมบูรณ์แบบ

* จุดอ่อนมีอยู่บ้าง ที่บางครั้งก็เฮี้ยบหนัก ไม่ยอมยืดหยุ่นจนดูเหมือนเกือบจะทำตัวเป็นก.ล.ต.ซะเองเลย
แต่มองในภาพรวมแล้ว จุดดีมีมากกว่าจุดอ่อนหลายเท่าตัวนัก

* เติมคุณงามความดีให้อีกข้อยังได้เลยว่า สามารถจะยกย่องผู้จัดการตลาดฯคนนี้ในเรื่องมือสะอาดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
โดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเปลี่ยนใจในภายหลัง
* คนอย่างนี้ หายาก! หวังว่าจะได้เจอบิ๊กโต้งในการทำงานเพื่อส่วนรวมในหน้าที่อื่นต่อไปอีก

แต่ขอเตือนด้วยรักไว้สักนิดเถิดนะว่า ช่วงนี้ การเมืองมันตลบแตลงยิ่งนัก อย่าได้คิดเข้าข้องแวะในการเมืองตอนนี้เลย

* เห็นหุ้นปูนใหญ่ ลงมาเรี่ยระดับ 220 บาทกันใหม่อีกแล้ว ก็ควระจะหักห้ามใจไว้ก่อน ขอบอก!
เพราะมองทิศทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองแล้ว ภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ คงจะชะลอตัวไปอีกยาวพอสมควร

* ส่วนหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะตัวใหญ่อย่าง ปตท. พี่เทพ ไทยออยล์อ่อนตัวเมื่อไหร่
ก็เข้าเก็บได้โดยไม่ต้องห่วงกังวลด้านความเสี่ยงมากนัก เพราะยังไงๆ ราคาน้ำมัน ก็คงจะไม่หวนคืนอดีตสู่ราคาถูกอีกแล้ว

* หุ้นอีกตัวหนึ่ง ที่อยากแนะนำ แต่ไม่ใช่จะเข้าลงทุนจริงจังในตอนนี้ คือ AOT
เพราะเสี่ยกบ นอกจากจะเป็นผู้บริหารที่จริงจังเอาการงานแล้ว ยังมีลูกเล่นทางการเงินที่แพรวพราว
เรื่องปรับระบบแลนดิ้ง ฟีเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ประกาศไปแล้ว
ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องการปรับระบบบันทึกค่าเสื่อม ซึ่งจะทำให้AOT มีตัวเลขผลประกอบการที่สวยงามเลยทีเดียว