May 5, 2024   10:48:59 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ชัยวิกรัย" วางขุมกำลัง "ปั้น" (หุ้น) EPCO
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 20/05/2006 @ 16:49:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

น่าจับตาไม่น้อย สำหรับการหวนกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (อีกครั้ง) ของ หุ้น โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) ที่กำลังแฝงไปด้วยความร้อนแรง...จากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ไม่ธรรมดา



แม้วันนี้ผู้กุมหุ้นใหญ่ของ โรงพิมพ์ตะวันออก คือ กลุ่มชินสุภัคกุล และ บ.เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งแต่ครั้งร่วมก่อตั้งบริษัท โดย เอสแพ็ค ถือหุ้น EPCO ทั้งสิ้น 345.34 ล้านหุ้น สัดส่วน 22.23 % ส่วนกลุ่มชินสุภัคกุล เข้าถือหุ้นอีกจำนวน 114.98 ล้านหุ้น สัดส่วน 7.44% มีต้นทุนการซื้อหุ้น 0.50 บาท ขณะที่กลุ่มผู้จัดการ ถือหุ้นนี้เพียง 0.75% เท่านั้น

แต่ความน่าสนใจของบริษัทแห่งนี้ กลับโฟกัสไปที่ ตระกูลชัยวิกรัย กลุ่มทุน บ. ฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ คอร์ปอเรชั่น ที่เข้ามาถือหุ้นนี้อย่างเปิดเผยจำนวน 146.96 ล้านหุ้น หรือ 12.30% ผ่าน ยุพิน ชัยวิกรัย โสพิน ชัยวิกรัย และ กิตติศักดิ์ ชัยวิกรัย ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์

ทั้งนี้ กลุ่มชัยวิกรัย เพิ่งจะประสบความสำเร็จ กับการเข้าถือหุ้น (ร้อน) อย่าง ไทยฮีทเอ็กซ์เช้นจ์ (THECO) อีกบริษัทที่เพิ่งจะออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการ เมื่อไม่นานมานี้ โดยเขามีต้นทุนเพียง 1 บาท แต่ราคาปัจจุบัน วิ่งเกือบ 2 บาท

ที่น่าจับตาอีกรายคือ การเข้ามาถือหุ้น EPCO ของกองทุน Asia Specail Situation MT 1 Limited ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาสดๆ ร้อนเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2549 และเข้ามาถือหุ้นนี้มาถึง 20.58% จึงทำให้ถูกมองว่า...จงใจตั้งขึ้นมาเพื่อการเข้าถือหุ้นนี้โดยเฉพาะหรือไม่

ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก เปิดเผยว่า ในการกลับมาเทรดของ EPCO ครั้งนี้ ตามหลักแล้วกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่จะขายหุ้นได้รายละ 25% ของจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ ซึ่งจากหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด 1,580 ล้านหุ้น ในจำนวนนี้อยู่ในมือผู้ถือหุ้นรายใหม่ 927 ล้านหุ้น ตามเกณฑ์จะสามารถขายหุ้นได้ 231 ล้านหุ้น

แต่สำหรับกลุ่มชินสุภัคกุล และ เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ ได้ยืนยันว่าจะขอไซเลนท์พีเรียดตัวเองทั้งหมด 100% ทำให้จำนวนหุ้นของผู้ถือใหม่ที่มีสิทธินำออกมาขายในตลาดมีเพียงแค่ 157 ล้านหุ้นเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นที่อยู่ในมือของผู้ถือหุ้นรายย่อยแล้ว หุ้นของบริษัทจะมีจำนวนหุ้นหมุนเวียนในการซื้อขาย(ฟรีโฟลต) ประมาณ 50%

ยุทธ บอกว่า การถือครองหุ้นนี้ของเขาและ เอสแพ็ค ตั้งใจลงทุนระยะยาว โดย เอสแพ็คใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 180 ล้านบาท หรือ ต้นทุนหุ้นละ 50 สตางค์

เชื่อว่าไม่เกิน 6 ปีจะคืนทุนจากการรับปันผลได้ทั้งหมด โดยปีนี้ทาง เอส.แพ็ค น่าจะรับรู้กำไรจากการลงทุนใน EPCO ประมาณ 25 ล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ถือหุ้นรายอื่น อย่าง กลุ่มชัยวิกรัย นั้น ไม่ได้ไซเลนท์พีเรียดตัวเอง 100% ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะนำหุ้นออกขายได้ไม่เกิน 25% ซึ่งไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้ว่าการเข้ามาถือหุ้นของ กลุ่มชัยวิกรัย นั้น จะเป็นการถือหุ้นระยะยาว

ท่ามกลางการจับตามองว่ากลุ่มนี้เคยผ่าน หุ้นร้อน จะมาปั้นหุ้น EPCO ให้เป็นเหมือนดั่ง THECO หรือไม่ ยุทธ บอกว่า ก็อาจจะเป็นไปได้ เนื่องจาก เป็นคนอยู่ในวงการหุ้น และกลุ่มนี้มีพรรคพวกค่อนข้างเยอะ ผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายรายใน EPCO ก็อาจเป็นกลุ่มเดียวกัน

เขาอยู่ในวงการ ก็คงมีฝีมือมั๊งครับ เพื่อนๆ ที่เข้ามาร่วมกับกลุ่มชัยวิกรัยค่อนข้างเยอะ ไม่รวมของเขา ที่โชว์อยู่ก็ประมาณ 12% นี่คือ เฉพาะที่โชว์อยู่นะครับ

อย่างไรก็ตาม ยุทธ ยืนยันว่า ตนเองรู้จักแต่ไม่สนิทกับกลุ่มนี้ และไม่เป็นห่วงถ้ากลุ่มชัยวิกรัย จะเข้ามาสร้างความหวือหวาให้กับหุ้น

ผมไม่เป็นห่วงเพราะบริษัทมีมาตรฐานที่ดี เราลงทุนระยะยาว และหุ้นตัวนี้ก็มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เฉพาะปันผลก็พอสำหรับพื้นฐาน ผมมีนโยบายจ่ายปันผลเยอะๆ

สำหรับกองทุน Asia Specail Situation MT 1 Limited ขอยืนยันว่าเป็นกองทุนที่เข้ามาเพื่อลงทุนจริง ไม่ใช่นอมินีของใคร เป็นกองทุนจากฮ่องกง มีสำหนักงานใหญ่อยู่อังกฤษ

ยุทธ บอกว่า ความน่าสนใจของหุ้น EPCO ก็คือ บริษัทมีการเติบโตที่ดี ปีละ 10% จากลูกค้าเดิม ส่วนลูกค้าใหม่ล่าสุดได้รับความไว้วางใจจาก กองทุนบำเหน็จบำนาญ กับยูนิเซฟ ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าใหม่ อีก 2-3 ราย เช่น อาร์เอส ทีวีบูรพา และนิตยสารของกลุ่มเนชั่นฯ อีก 3 ฉบับ

อีกทั้งยังจะขยายตลาดไปสู่ ต่างประเทศ เพื่อจะมาเสริม กำลังการผลิตที่เหลืออยู่กว่า 25% ให้เต็ม ที่ผ่านมาได้เจรจากับประเทศญี่ปุ่น และรับการตอบรับอย่างดี บริษัทตั้งใจที่จะขยายสิ่งพิมพ์ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 5% เป็น 25% ภายใน 3 ปี

ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับ เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ สั่งซื้อสินค้า ทำให้มีอำนาจต่อรองเพิ่ม ลดต้นทุนได้มาก

ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท กับ ธนาคารกรุงไทย ผ่อนเดือนละ 4 ล้านบาท แต่บริษัทที่เงินสดที่อยู่ในธนาคารมากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเตรียมไว้จ่ายปันผล โดยไตรมาส 1/2549 บริษัทสามารถรักษากำไรขั้นต้นได้ถึง 29% ท่ามกลางภาวะน้ำมันแพง ขณะที่ต้นทุนค่ากระดาษก็ลดลง เนื่องจากได้เพิ่มราคาสินค้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลจากการเลือกตั้งบ่อยครั้งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่มากขึ้นกว่าเป้าหมาย

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 22/05/2006 @ 08:31:36 : Re: ชัยวิกรัย" วางขุมกำลัง "ปั้น" (หุ้น) EPCO
[quote:95730cbbe7=อาฟง">
ผมไม่เป็นห่วงเพราะบริษัทมีมาตรฐานที่ดี เราลงทุนระยะยาว และหุ้นตัวนี้ก็มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เฉพาะปันผลก็พอสำหรับพื้นฐาน ผมมีนโยบายจ่ายปันผลเยอะๆ
[/quote:95730cbbe7">

.0008 [b:95730cbbe7">ใคร ๆ หลายคนลงทุนยาวไปแล้วแหละ....ติดหุ้นไง..[/color:95730cbbe7">[/b:95730cbbe7"> .0008
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com