May 5, 2024   10:12:23 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สัญญาณ (ร้าย) "ตลาดหุ้นไทย
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 20/05/2006 @ 16:47:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับสัญญาณ (ร้าย) ตลาดหุ้น หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 กำไรร่วง ยกแผง เจาะรายกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ เดินเรือ วัสดุก่อสร้าง สื่อสาร และ รับสร้างบ้าน ขาลงมาเยือน ด้าน พลังงาน ปตท.โชว์กำไรลด..หุ้น โรงพยาบาล เซอร์ไพรส์ที่สุด กำไรโตขึ้นเกือบทั้งกลุ่ม


ภายหลังบริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2549 ออกมา ปรากฏว่าบริษัทส่วนใหญ่กำไรลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัท ขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ที่มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี

สำรวจหุ้น 50 บริษัท ที่อยู่ใน SET 50 พบว่ามีกำไรสุทธิรวมกัน 112,944 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 678 ล้านบาท หรือ 0.60% โดยหุ้นที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 10 อันดับแรก เป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจถึง 6 บริษัท ได้แก่ PTT, PTTEP, THAI, KTB, PTTCH และ TOP เป็นหุ้นบิ๊กแคปภาคเอกชน เพียง 4 บริษัท ได้แก่ SCC, ADVANC, BBL และ SCB

แต่เมื่อแยกหุ้นบิ๊กแคปออกมาเป็น 2 กอง โดยส่วนแรก 35 หุ้นบิ๊กแคปภาคเอกชน ที่อยู่ใน SET 50 และ 18 หุ้นรัฐวิสาหกิจ (ทั้งหมด) ที่อยู่ในตลาด พบข้อมูลที่น่าสนใจ คือ พลังการทำกำไรของหุ้นบิ๊กแคปภาคเอกชน ถดถอย ลงอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นรัฐวิสาหกิจ ที่ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง

โดย 35 หุ้นบิ๊กแคป ภาคเอกชน มีกำไรสุทธิรวมกัน 47,632 ล้านบาท ลดลง 5,847 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีกำไร 53,479 ล้านบาท เท่ากับลดลงไป 11%

นำโดย SCC ลดลง 4.5%, ADVANC ลดลง 5.2%, BBL ลดลง 13.6%, SCB ลดลง 14.5%, KBANK ลดลง 6% และ SHIN ลดลง 10.2%

ตรงกันข้ามกับ 18 หุ้นรัฐวิสาหกิจ มีกำไรสุทธิรวมกัน 65,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,241 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีกำไร 60,632 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.6%

เฉพาะเครือ ปตท.กลุ่มเดียว 7 บริษัท PTT, PTTEP, PTTCH, TOP, TPI, BCP และ ATC มีกำไรสุทธิรวมกัน 43,285 ล้านบาท เกือบๆ จะเท่ากับ 35 หุ้นบิ๊กแคปภาคเอกชนที่ทำกำไรสุทธิรวมกัน 47,632 ล้านบาท แต่หากดูเฉพาะหุ้นแม่ปตท. (PTT) เพียงตัวเดียว มีกำไรสุทธิ 23,722 ล้านบาท ลดลง 8.7%

สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าผิดหวังมากที่สุด คือ BANPU มีกำไรลดลง 53% ตรงกันข้ามกับหุ้น GLOW ที่ทำกำไรโตขึ้น 58%

ส่วนหุ้นรัฐวิสาหกิจที่ กำไรเริ่มถดถอย นอกจากหุ้น ปตท.แล้ว มีอยู่ 4 บริษัทที่น่าจับตา ได้แก่ RATCH กำไรลดลง 10% SCIB ลดลง 24% ATC กำไรลดลงมากที่สุด 87% ขณะที่ KTC เริ่มเข้าสู่วงจรขาลง..กำไรไตรมาสแรกหายไปแล้ว 19%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเจาะรายกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จะมีกำไรลดลงเกือบยกแผง ยกเว้น KTB และ BAY เพียง 2 ธนาคารที่ดีขึ้น

สวนทางกับหุ้น ธนาคารใหม่ 3 ราย ที่กำลังดีวันดีคืน TCAP, KK และ TISCO กำไรโตขึ้นทั้งหมด แต่ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ KK กำไรขยายตัว 26%

อีกฝากของหุ้นในกลุ่ม สื่อสาร โดยเฉพาะหุ้นในเครือ ชินคอร์ป กำไรร่วงลงทั้งหมด ทั้ง ADVANC และ SHIN ขณะที่ SATTEL ถึงขั้น ขาดทุน แม้แต่หุ้น UCOM ก็มีกำไรลดลง 44% มีเพียง TRUE เท่านั้นที่กำลังดีขึ้นอย่างเงียบๆ

สำหรับหุ้นกลุ่ม บันเทิง เห็นได้ชัดว่า เจ้าของสถานี กำไรโตขึ้น BEC สามารถสร้างกำไรในไตรมาสแรกปี 2549 ได้ 436 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อน 49% และสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 184% ฟื้นตัวขึ้น ชัดเจน สอดคล้องกับ MCOT ที่สามารถประคองกำไรเพิ่มขึ้นได้ 25% แต่กำไรที่โตมากกลับมาจาก ธุรกิจวิทยุ

แต่หุ้น ค่ายผู้ผลิต เพลง และรายการโทรทัศน์ เริ่มส่งสัญญาณไม่ดีให้เห็น เริ่มจาก WORK แม้รายได้จะโตขึ้น 25% แต่กำไรลดลง 1.1% แสดงว่าเริ่มมีปัญหาในการควบคุม ต้นทุน ด้าน RS ก็มีกำไรบางเฉียบเพียง 7.8 ล้านบาทเช่นเดิม แต่ที่แย่ที่สุดกลับเป็นค่าย อากู๋แกรมมี่ กำไรร่วง อย่างน่าใจหายทั้ง 2 ตัว

โดย GRAMMY เหลือกำไรไม่ถึง 1 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีรายได้มากกว่าปีก่อน 13% แต่ธุรกิจวิทยุ และการลงทุนใหม่ๆ เริ่มสร้างปัญหาต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่บานปลาย ในส่วนของ GMMM กำไรหายไป 88% เหลือ 5.1 ล้านบาท..ทั้งปีนี้คาดว่าฟื้นตัวยาก

กลุ่มที่สร้าง เซอร์ไพรส์ กลับเป็น กลุ่มโรงพยาบาล ที่ดีขึ้นเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ ผู้นำ อย่าง BGH เจ้าของ รพ.กรุงเทพ และ รพ.สมิติเวช กำไรเพิ่มขึ้น 38% BH กำไรเพิ่มขึ้น 17% KH กำไรเพิ่มขึ้น 42% RAM กำไรมากกว่าปีที่แล้ว 55% ขณะที่ VIBHA มีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ถ้าวัดกันเป็นรายกลุ่ม กลุ่มเดินเรือ น่าผิดหวังที่สุด ทั้ง 3 ผู้นำกำไรร่วงยับ..ตัวแรก TTA กำไรหายไป 57% PSL ลดลง 51% ส่วน RCL กำไรวูบน้อยที่สุด 37%

มาฟากของ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ น่าหนักใจก็ประเภทสร้างบ้าน (ราคาแพง) ขาย สัญญาณ ขาลง มาเยือนแล้ว เพราะพี่ใหญ่ของกลุ่ม LH กำไรหายไป 33% รับเหมาก่อสร้าง ต้นทุนพุ่งฉุดกำไรร่วงเป็นแถว เริ่มจาก ผู้นำ อย่าง ITD กำไรหายไป 28% STEC ลดลง 49% ด้าน CK มีกำไร 811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 386% แต่ถ้าดูไส้ในเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุน ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ส่วนพวกที่ เก็บค่าเช่า-ค่าบริหาร ดีเป็นรายตัว CPN แรงสุดกำไรโตแกร่ง 25% MBK กำไรพุ่งพรวด 66% แต่ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโรงแรม TICON ไตรมาสนี้น่าผิดหวัง กำไรหายไป 40%

ส่วนประเภท นิคมอุตสาหกรรม ยังไปได้ดี AMATA กำไรยังโต 27% ROJANA กำไรโตขึ้นอย่างโดดเด่น 77% ด้าน HEMRAJ ก็เพิ่มขึ้น 98% ทั้งนี้กำไรที่โตมากแท้จริงแล้วมาจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 86.4 ล้านบาท ต่างหาก

ฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2549 ดีขึ้น คือ กลุ่มโรงกลั่น (พลังงาน) ที่คาดว่าค่าการกลั่นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะทรงตัวระดับสูง หุ้นเด่นได้แก่ PTT และ TOP ยังน่าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว

กลุ่มเหล็ก..ในไตรมาส 2 ราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้นจากไตรมาส 1 ประมาณ 20% แนะนำให้ ซื้อเก็งกำไร ในหุ้น SSI และ TMT กลุ่มธุรกิจเกษตร..ราคาไก่ และกุ้ง มีแนวโน้มดีขึ้น หุ้นเด่นในกลุ่ม ได้แก่ CPF ส่วน กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม คาดว่า ROJANA จะมีรายได้ และกำไรขยายตัวก้าวกระโดดในปีนี้

นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยแห่งนี้ยังแนะนำหุ้นบิ๊กแคป เมื่อราคาอ่อนตัวยังสามารถทยอยซื้อได้ คือ BBL, KBANK และ BEC


กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:d3f74e977f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com