May 6, 2024   12:35:32 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ยังอยู่ในวังวน??
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 18/05/2006 @ 10:12:30
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ยังอยู่ในวังวน??



--------------------------------------------------------------------------------

ทิศทางของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นยังคงเป็นแนวโน้มของการปรับตัวที่ดำเนินต่อไป
โดยคาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวยังอยู่ในช่วง 740 - 780 จุด โดยหากดัชนีปรับต่ำกว่าระดับ 750 จะมีความเสี่ยงอ่อนตัวได้อีกประมาณ 30 จุด โดยตลาดอาจจะมีรอบใหม่สำหรับการเข้าลงทุนที่สำคัญคือบริเวณ 720
จุดสำหรับการลงทุนระยะสั้น ๆ ขณะที่ภาพการลงทุนในระยะก่อนมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ชัดเจนยังค่อนข้าง คลุมเครือ

ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ระดับ 762.36 เพิ่มขึ้น 0.49 จุดโดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 12,150 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นมี 184 หลักทรัพย์ ลดลงมี 153 หลักทรัพย์ อีก 117 หลักทรัพย์ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีสูงสุดระหว่างวัน 765.86 เพิ่มขึ้น 3.99 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 760.68 ลดลง 1.19 จุด
ภาพที่เกิดขึ้นยังเป็นการปะทะกันระหว่างการซื้อเล่นตีกลับทางเทคนิค กับแรงขายเพื่อเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น

ข้อสังเกตทางเทคนิคสำหรับแนวโน้มตลาดระยะสั้น ตลาดได้ใช้ ตัวช่วย คือแนวรับบริเวณดัชนี 751 จุดเป็นจุดตีกลับทางเทคนิคระหว่างวันทำการ โดยมีเป้าหมายการตีกลับกรณีดีที่สุดคือไม่เกินดัชนี 782 จุดซึ่งเปิด Gap
แต่เชื่อว่าตลาดระยะสั้นไม่น่าจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยหนีได้ง่าย เพียงแต่เป็นการสร้าง ความต้องการซื้อ เพื่อรับของที่รอขายอีกครั้ง ดังนั้นหากดัชนีระยะสั้นในวันนี้ไม่สามารถยืนเหนือ 765 จุดได้ และมีการทำจุดต่ำ ๆ กว่า 760 เตรียมเงินสดรอรอบการลงทุนใหม่บริเวณต่ำกว่า 740 จุดได้แบบเนียน ๆ ประเภทดื่มชาดี ๆ ซดร้อน ๆ รับประกันปากพังอะไรทำนองนั้น

สิ่งที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดคือ แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่สัมพันธ์กับค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด
โดยค่าเงินบาทในช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 38.37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ชั่วระยะเวลาเพียงสองวันทำการค่าเงินบาทกลับแข็งค่ามาที่ระดับ 37.815 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงไตรมาสที่หนึ่ง
ค่าเงินบาทได้มีการแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐกว่า 8% ดังนั้นการเฝ้าระมัดระวังว่ามี บางคนกำลังทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับค่าเงินบาท และมีความสัมพันธ์กับกระแสเงินในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ก็น่าจะมีความสัมพันธ์ที่น่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะ เม็ดเงินไหลเข้าและไหลออกนั้น มีความสัมพันธ์กับอัตราแลกเปลี่ยน มูลค่าสินค้าส่งออกที่ขายเป็นเงินตราต่างประเทศ และเงินทุนที่ถูกนำเข้าหรือดึงออกไปอย่างใกล้ชิด

ค่าเงินที่บาทที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้น นอกเหนือจากดอกเบี้ยสกุลเงินบาทที่สูงกว่าดอกเบี้ยของต่างประเทศแล้ว ส่วนหนึ่งในทางทฤษฎีเราควรจะมียอดดุลการค้าและยอดการส่งออกที่ดีขึ้น และมีเงินทุนไหลเข้าในภาคเงินลงทุนโดยตรง และเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือได้ดุลด้านบริการและบริจาคเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเหตุผลนี้ คงมีอย่างเดียว คือ การเข้ามาเก็งกำไรของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ และกลุ่มนักลงทุนประเภทที่ย้ายเงินเข้าออกข้ามประเทศได้โดยไม่ติดเงื่อนไขจากทางการมากนักอะไรทำนองนั้น

หันมาดูด้านกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น ภาพที่เกิดขึ้นยังเป็นเพียงการ วิ่งไล่จับกัน ของนักลงทุนประเภทมีทักษะในการซื้อขายหุ้นเร็วเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่หุ้นหลักกลุ่มสถาบันยังคงมีการทำจุดต่ำใหม่ต่อเนื่องจากวันก่อน แต่ราคาหุ้นที่มาอยู่ในตำแหน่งที่ เสี่ยงซื้อเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มมาร์เก็ตแคป
นอกจากนั้นเป็นหุ้นประเภทมีนักปั้นมืออาชีพเข้ามาช่วยทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป
แต่ที่นักลงทุนควรระมัดระวังคือ ผลประกอบการของบริษัทที่ประกาศออกมาในไตรมาสที่
1 เป็นสัญญาณเตือนภัยอย่างดีว่า อย่ามองอะไรดีเกินไป เพราะกำไรของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลงในแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นั่นเป็นผลมาจากพิษเงินเฟ้อในลักษณะ ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รายได้ที่เท่าเดิม กำไรที่ลดลง ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นตามมือ คิดดูเอาเอง ในขณะที่การเมืองยังคงอึมครึมไปจนเกือบถึงไตรมาสที่ 3 ส่วน กกต.ก็ไปทำหน้าที่ขายกระเบื้องตราช้างเพราะเป็นกระเบื้องอย่างหนาและทนดี เอาแต่จะลากตั้งอย่างเดียว

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจประเภท ฟ้าแลบ (ฉาบฉวย) เช่น TOP TFD SCC JAS KEST ASP
เป็นต้น

ที่มา / นสพ.ทันหุ้น ( กราบขอบพระคุณในข้อมูลครับผม)

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com