**ฝรั่งเทต่อ**



--------------------------------------------------------------------------------



ตลาดวานนี้ก็ยังคงลงต่ออีกวัน เนื่องจากยังคงหาปัจจัยหนุนไม่เจอ ส่งผลให้SETปิดที่ 761.87 จุด-4.10 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ระดับ 19,262 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่ปรับขึ้นในแดนบวก 115 หลักทรัพย์ ปรับลงในแดนลบ 257หลักทรัพย์ ทรงตัว86 หลักทรัพย์ ต่างชาติขาย 3404.04 ล้านบาท กองทุนซื้อ 591.32ล้านบาท รายย่อยซื้อ 2809.72 ล้านบาท
หลายคนยังงงไม่หายว่าทำไมตลาดหุ้นไทยร่วงแรงขนาดนั้น หากจะให้ลองไล่ให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ หัวทิ่มหัวตำอย่างที่เห็นก็พอจะไล่คร่าวๆได้ดังต่อไปนี้
1.ฝรั่งก็หยุดซื้อ เริ่มมีรินขายออกมาบ้างแล้ว (แถมเมื่อวานนี้ก็ยังขายน้ำบาน)
2.ค่าบาทเริ่มอ่อน เป็นไปตามสูตรที่เคยเล่าให้ฟังว่า ?เงินบาทแข็งหุ้นไทยขึ้น เงินบาทอ่อนหุ้นตก? จะเห็นว่าค่าเงินบาทก็ชักจะเริ่มอ่อน หลังจากมาแตะกรอบแนวต้านใหญ่แถว37.40บาทต่อดอลลาร์ หากฝรั่งยังคงเล่นตามพฤติกรรมเดิมๆนั้นก็คาดว่าต่อไปนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนลงไปอีกราว6เดือน เป้าหมายแถวๆ41.50บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้นในช่วงนี้จะต้องระวังเรื่องการเก็งกำไรระหว่าง2ตลาด ตามที่เคยได้เตือนเอาไว้ว่า ฝรั่งอาจจะขายหุ้นบ้านเราแล้วเอาไป ช้อนเงินดอลลาร์เพื่อทำกำไร2เด้ง
3.ดอกเบี้ยก็แพง มีแววว่าFEDยังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังจากขึ้นบ้าเลือดมา16ครั้ง ขึ้นมาแตะ5%แล้ว ไทยก็คงขึ้นดอกเบี้ยตาม ซึ่งตอนนี้แบงก์ไทยให้อัตราดอกเบี้ยปาเข้าไปถึง5-6%
4.ทองคำก็ยังแพงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมาที่718ออนซ์ต่อดอลลาร์ ส่วนราคาขายทองแท่งในไทยปาเข้าไปเกิน13,000ต่อ1บาททองคำเข้าไปแล้ว เท่าที่มองดูโอกาสไปที่750ออนซ์ต่อดอลลาร์ หรือราวๆ15,000บาทต่อ1บาททองคำนั้นคงไม่ไกลเกินเอื้อม
5.น้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มถอยลง ล่าสุดลงต่ำกว่า70ดอลลาร์ ซึ่งตรงนี้แม้ว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่ทว่าเป็นผลเสียหายต่อดัชนีหุ้นไทย เพราะราคาหุ้นน้ำมันอย่างPTT PTTEP TOPจะตก แล้วฉุดเอาSETร่วงตามไปด้วย
6.อันนี้ของแถมคือมีแรงขายเพื่อหาเงินไปจองซื้อหุ้นRRCหรือโรงกลั่นระยองในวันที่18พ.ค.นี้ รวมทั้งการเปิดขายหุ้น IPO กลุ่มธนาคารของจีน, หุ้นไทยเบฟฯ ในตลาดสิงคโปร์ด้วยครับ
แนวโน้มตลาดวันนี้-SETเผชิญกับแรงขายต่อเนื่องและลงทดสอบแนวรับเขต 750 จุด ซึ่งเป็นเขต ที่มีการรีบาวน์ด่านแรก ประเมินว่าSETรีบาวน์ขึ้นมาด่านแรกจะจอแนวต้านเขต 765-770จุด ซึ่งหากยังไม่สามารถเล่นเขตดังกล่าวได้ ให้ถือเป็นจังหวะ ตัดขายหุ้นออก เพื่อรอดูสถานการณ์
โดยเราให้น้ำหนักในระยะกลางในทางอ่อนตัวลง ระยะสั้นอาจมีรีบาวน์รายวันบ้างไม่ผ่าน 770 จุด ขายหุ้นออก กลยุทธ์สำหรับนักเก็งกำไร คือเปลี่ยนมาเล่นสั้น เข้าไวออกไว หรือถือดูอาการหุ้นได้ไม่เกิน 3 -7วัน สำหรับท่านที่เล่นระยะกลาง มีเขตพิจารณาซื้อที่ 750 จุด และ 737 จุดซึ่งเป็นซัพพอร์ตระยะกลาง เพื่อการตัดสินใจที่ดีกว่า โทรมาปรึกษาบลป.ต้นธาร 02-736-1830



อนาคตสดใส จากสนามบินใหม่
บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS)ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินดอนเมือง และจะย้ายไปสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 2H49
ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/49 ออกมามีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.30 บาท เพิ่มขึ้น 9% yoy ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานไตรมาสแรกที่เติบโต 9.1% yoy เป็น 1,089 ล้านลิตร ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากประมาณ 5.5%
แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจะยังมีการเติบโตได้แม้ว่าการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิอาจจะต้องเลื่อนออกไปอีกจากกลางปีนี้เป็นปลายปีหรืออย่างช้าถึงต้นปีหน้า แต่จะเริ่มมีการตัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหลังเสร็จสิ้นการทดสอบในโครงการต่างๆ (ระบบคลังน้ำมัน ท่อส่งน้ำมัน และ Intoplane) ประมาณสิ้น 2Q49 ซึ่งอาจจะทำให้เกิด Mismatch กันระหว่างกระแสรายได้กับค่าใช้จ่ายในปี 49 ในขณะที่การโตอย่างมีนัยสำคัญจะเกิดตั้งแต่ปี 2550

เราคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในปีนี้ได้ 0.65 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลรวม 6.4% ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER 9.4 เท่า, P/BV ที่ประมาณ 2 เท่าและมี upside อยู่ 27.5% จากราคาที่เหมาะสมสำหรับปี 49 ที่ 13 บาท ตามวิธี PE Ratio (อิง P/E 12 เท่า) และจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ ประกอบกับหลังจากสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้บริการ จะส่งผลให้รายได้บริษัทฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญกว่า 15% จึงแนะนำซื้อลงทุน

ที่มา APEX-BIZNEWS

มุมมองทางเทคนิคราคาหุ้นBAFSในช่วงเกือบปีที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายค่อนข้างที่จะเบาบางมาก ส่วนราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง8-10บาท แต่ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นสามารถขึ้นผ่านเขต10บาทขึ้นมาด้วยวอลุมการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยราคาหุ้นจะมีแนวต้านด่านสำคัญของรอบอยู่ที่11.70บาท ล่าสุดราคาหุ้นกำลังปรับฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยจะมีแนวรับอยู่ที่9.90-9.70บาท แนะนำตั้งซื้อแถวเขตแนวรับ โดยมีแนวต้านเป้าหมายด่านสำคัญที่11.70บาท ซึ่งหากรอบนี้ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นผ่านเขตดังกล่าวได้ มีโอกาสเหวี่ยงตัวไปได้ถึงเขต13บาท

ที่มา / นสพ.ทันหุ้น

.0008 นึกว่า ท่านอาเทอร์ เทท้ายครัว ซะอีกเรยรีบมาอ่าน .0008