May 5, 2024   6:31:06 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > .
 

U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
วันที่: 17/05/2006 @ 08:23:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

...

 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#1 วันที่: 17/05/2006 @ 08:24:09 : re: ***********ข่าว***********
...
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#2 วันที่: 17/05/2006 @ 08:25:17 : re: ***********ข่าว***********
..
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#3 วันที่: 17/05/2006 @ 08:25:51 : re: ***********ข่าว***********
..
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#4 วันที่: 17/05/2006 @ 08:26:29 : re: ***********ข่าว***********
คอลัมน์สภาแมงเม่า : นักลงทุน-นักวิเคราะห์
Source - ข่าวหุ้น Wednesday, 17 May 2006 04:41

คุณ พัฒนา จาก อ. ปากช่อง นครราชสีมา ถามมาว่า อยากทราบว่า นอกจากพึ่งพานักวิเคราะห์ และตัวเองแล้ว ยังมีช่องทางไหนอีกบ้างสำหรับได้ข้อมูลซื้อหุ้นแล้วกำไร เพราะได้ลองทำมาทั้งสองแบบแล้ว ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนชักเสียดายเงินที่จมไปกับหุ้นในตลาดมากพอสมควร ช่วยแนะนำที่แจ๋วจริงๆเถอะ จะเป็นพระคุณยิ่ง?
ผมคิดว่า คุณจะต้องความหวังสูงเกินไปมากกว่าครับ ข้อเท็จจริงคือ ในโลกนี้ นอกจากตัวเราเองแล้ว การหวังพึ่งพาผู้อื่น ล้วนเป็นความเสี่ยงทั้งสิ้น
ไม่อย่างนั้นพระพุทธองค์ท่านคงไม่บอกว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนหรอกครับ
ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของวอเรน บัฟเฟต ราชานักเล่นหุ้นชื่อดังอเมริกาตอนนี้ เขาว่าเอาไว้น่าสนใจครับว่า ตลาดหุ้นนั้น ดูเหมือนจะเป็นที่เดียวในโลก ที่เศรษฐีนั่งรถยนต์โรลส-รอยส์ เดินทางไปขอความเห็นและคำแนะนำจากคนซึ่งนั่งรถเมล์มาทำงาน
คนหลังนี่เขาหมายถึง นักวิเคราะห์ หรือนักวางกลยุทธ์ตลาดหุ้นนั่นแหละครับ
เรื่องนี้ ถือเป็นตลกร้ายอย่างหนึ่งในโลกทุนนิยมครับ ลองคิดดูเถอะ คุณเชื่อหรือว่านักวิเคราะห์ ซึ่งโดยฐานะที่แท้จริงคือ ลูกจ้างกินเงินเดอืนและค่าคอมมิสชั่นจากบริษัทหลีกทรัพย์ เที่ยวอวดภูมิรู้สารพัดในบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้น ทั้งปัจจัยพื้นฐานบริษัท แผนธุรกิจในอนาคต และสัญญาณทางเทคนิก ซึ่งก็เป็นความรู้สะสมจากข้อมูลเก่าที่มีอยู่ ซึ่งทำให้คนที่เป็นลูกค้า ส่วนใหญ่รวยกว่านักวิเคราะห์หลายเท่า ต้องมากราบกราน หรือ ขอคำแนะนำทั้งที่ก็ไม่สามารถรู้แน่ว่า จะสามารถร่ำรวยมากกว่าเดิมจากการเชื่อฟังคำแนะนำเหล่านั้นหรือไม่
เช่นเดียวกัน นักลงทุนบางคน อ่านหนังสือพิมพ์ทางด้านการเงิน หรืออ่านบทความทางการเงินหรือตลาดหุ้น (แบบดร.สมชายนี่แหละ) แล้วก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่า ข่าวสารที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งหมด ล้วนเป็นความจริงและจะต้องเกิดขึ้น
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ นักลงทุนต้องเตือนตัวเองก่อนเข้าสู่ตลาดเก็งกำไรในหุ้นหรือดัชนีหรือ ตราสารการเงินใดๆก็ตามว่า ไม่มีข้อมูลหรือความเห็นจากคนอื่น ที่ไม่ว่าจะเชี่ยวชาญแค่ไหน เป็นสัจจธรรมสัมบูรณ์ ที่หาความผิดไม่ได้เลย ความจริงแล้ว ข้อมูล ความเห็นหรือคำแนะนำทั้งหลาย ก็เป็นเพียงหนึ่งในข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่การตัดสินใจครับ
การตัดสินใจที่แท้จริง ต้องมาจากฐานความรู้และกระบวนการคิดที่รอบคอบแล้วของนักลงทุนเป็นสำคัญครับ
ตลาดหุ้นเป็นตลาดเก็งกำไร ที่นักลงทุนซึ่งเดินเข้ามา จะต้องเผชิญหน้ากับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ท่วมตลาด แต่ไม่มีข้อมูลใดที่สมบูรณ์พร้อมเสียจนกระทั่งเชื่อได้ทุกเรื่อง และก็ไม่มีข้อมูลใดเข้าข่ายอ่านแล้วรวย อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าในกรณีใดๆ
การคัดเลือกข้อมูล และการตัดสินใจจากประสบการณ์และความรู้ จึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และต้องการเวลาหรือ การเลือกที่ถูกต้องมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนในธุรกิจทั่วไปทั้งหลายนั่นแหละ คือ ตั้งอยู่บนพื้นฐานสำคัญ 2 ประการคือ ความเสี่ยง กับ ผลตอบแทน
นักลงทุนที่ฉลาด ย่อมไม่สามารถคิดแต่เรื่องผลตอบแทนโดยละเลยความเสี่ยงไปได้เลยเพราะจะตกเป็นเหยื่อความประมาท ในขณะที่นักลงทุนที่ไม่กล้าเสี่ยง ก็จะไม่มีโอกาสทำกำไรได้เลยเช่นกัน
ผมไม่มีคำแนะนำใดที่ดีกว่าคำว่า ต้องพึ่งตัวเองนั่นแหละครับ หากพึ่งตัวเองแล้วยังล้มเหลว คุณก้ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่เหมาะสำหรับตลาดหุ้น ต้องออกไปลงทุนทางด้านอื่นดีกว่าครับ
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#5 วันที่: 17/05/2006 @ 08:27:08 : re: ***********ข่าว***********
ลีสซิ่งถูกพิษดอกเบี้ย-น้ำมัน กำไรวูบยาวถึงไตรมาส2
Source - ข่าวหุ้น
Wednesday, 17 May 2006 04:41

งบหุ้นลีสซิ่งไตรมาสแรกระทม น้ำมันแพง ดอกเบี้ยสูงกดดัน มีโอกาสลามยาวไปถึงไตรมาส 2 แนะทุกราย ต้องเสริมกลยุทธ์ดันส่วนต่างดอกเบี้ยรับเพิ่ม โบรกเกอร์ชี้มีความเสี่ยงเอ็นพีแอลเพิ่ม ลูกค้าหมดกำลังส่ง ภาระสุมหนัก
หุ้นกลุ่มลีสซิ่ง กำไรไตรมาสแรกหาย ปัจจัยลบกระทบยอดปล่อยกู้ ทั้งราคาน้ำมันแพงและดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยรับปรับตัวลดลง และคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2ยังมีทิศทางเดียวกับไตรมาสแรก เนื่องจากน้ำมันพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการ และดอกเบี้ยในตลาดยังเพิ่มครึ่ง โดยคาดว่าดอกเบี้ยจะไปเริ่มชะลอตัวภายในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจกลับมากระเตื้องขึ้นได้
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่าช่วงนี้หุ้นลีสซิ่งยังไม่น่าลงทุน เพราะคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาทิศทางเดียวกับไตรมาสแรกที่ลดลง จากปัญหาราคาน้ำมันแพงดอกเบี้ยกู้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อย่างไรก็ดีครึ่งปีหลังสถานการณ์หุ้นกลุ่มนี้จะดีขึ้น จากการที่สถานการณ์ดอกเบี้ยในตลาดเริ่มนิ่ง และราคาน้ำมันน่าจะปรับลดลง
ไม่แนะนำลงทุนในช่วงนี้ เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกมากระตุ้นให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นและงบการเงินไตรมาส 2 คาดว่าจะออกมาในทิศทางเดียวกับไตรมาสแรก คือยังลดลงและมีโอกาสลงมากกว่า โดยน้ำมัน ดอกเบี้ยยังกดดันต่อแหล่งข่าว
นอกจากนี้เชื่อว่าบริษัทหลายแห่งจะปรับแผนดำเนินธุรกิจใหม่ โดยเน้นปล่อยกู้รถยนต์ที่ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยรับดีขึ้น แต่จุดนี้ต้องเพิ่มความระวังมากขึ้นรวมทั้งยังมีความเสี่ยงจากลูกค้าบางกลุ่มที่แบกรับภาระดอกเบี้ยหนัก ซึ่งมีความเสี่ยงของหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลมากขึ้น
โดยบริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPL ประกาศผลประกอบการกำไรสุทธิในไตรมาส 1/49 เท่ากับ 222 ล้านบาท ลดลง 6.43% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1ปีก่อน สาเหตุหลักของการปรับตัวลดลงของกำไรสุทธิเนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลง 6.61%% อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/48 ที่ผ่านมา กำไรสุทธิกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.73% จากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน....
ขณะที่บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 63.7 ล้านบาท ลดลง 39.06 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 104.5 ล้านบาท เนื่องมาจากรายได้รวมไตรมาส 1 ปี 49 จำนวน 537.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0 %จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนที่มีรายได้รวม 443.9 ล้านบาท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหารไตรมาส 1 ปี 49 จำนวน 428.0 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 39.96 % จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายขายและบริหารรวม 305.8ล้านบาท ซึ่งเกิดจากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง และสภาวะของเศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่สูงเป็นประวัติการณ์,ดอกเบี้ยขาขึ้น และอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น
ส่งผลให้บริษัทมีมาตรการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและการติดตามหนี้สิน จึงส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น แต่จะเป็นผลดีกับผลการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว
ด้านบริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ ECL มีกำไรลดลงเช่นกันโดยไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.87 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นกัน สอบทาน
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#6 วันที่: 17/05/2006 @ 08:27:53 : re: ***********ข่าว***********
SGFกำไร7ล.แต่มีหนี้500ล. - พัวพัน EWC กลางเดือนหน้าถึงคิวจ่ายคืน
Source - ข่าวหุ้น
Wednesday, 17 May 2006 04:42

เสียวไส้ สยามเจเนอรัล แฟคเตอริ่ง ไม่มีเงินใช้คืนหนี้ EWC ราว 500 ล้านบาทกำหนดครบดีลกลางเดือนมิถุนายนนี้ เพราะไตรมาสแรกกำไรแค่ 7 ล้านบาทบริษัทแจงถ้าไม่มีเงินจะใช้พอร์ตลูกค้าชำระแทนเงินสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทสยามเจเนอรัล แฟคเตอริ่ง จะครบกำหนดชำระหนี้ให้แก่บริษัทอีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน)หรือ EWCในวันที่ 15 มิถุนายน และ 16 มิถุนายนปีนี้จำนวนเงินกู้ 500 ล้านบาทในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 ฉบับ ฉบับแรกจำนวนเงิน284ล้านบาทฉบับที่สองจำนวนเงิน 216 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6% ต่อปีเท่ากัน
ทั้งนี้ ตามที่ SGF เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าจะชำระหนี้คืน EWC ด้วยเงินสด แต่หากไม่สามารถทำได้ จะคืนเงินด้วยวิธีโอนสิทธิเรียกร้องลูกหนี้ให้ EWC ดังนั้น ในกรณีนี้ SGFอาจจะมีความเสี่ยงหากโอนสิทธิเรียกร้อง เพราะลูกหนี้เช่าซื้อเป็นหัวใจของในการทำธุรกิจแฟคเตอริ่งที่ต้องหารายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อ ในขณะที่สินทรัพย์ของบริษัท ณ 31ธ.ค.48 อยู่ที่ 1,802.05 ล้านบาท ถือว่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับยอดหนี้เงินกู้จำนวน500ล้านบาท
โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา SGF ได้แจ้งตลาดฯว่าเมื่อครบกำหนดชำระเงิน SGF จะคืนเงินต้นตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ EWC ด้วยเงินสด แต่หากไม่สามารถคืนด้วยเงินสดไม่ว่าเพราะเหตุใด SGF จะโอนสิทธิเรียกร้อง ซึ่ง SGF มีอยู่เหนือลูกหนี้ให้ EWC ในจำนวนเงินเท่ากับเงินต้น
ทั้งนี้ EWC สัญญาว่าจะรับโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้ของSGF โดยไม่คัดค้านหรือปฏิเสธแต่อย่างใด และให้ถือว่าการโอนสิทธิเรียกร้องชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน
ส่วนสาเหตุที่ SGF กู้เงินจาก EWC แทนที่จะกู้จากแบงก์ น่าจะมาจากความสัมพันธ์ของ SGF กับนายวิชัย ทองแตง อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ SGF ซึ่งมีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มการเมืองได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ EWC ก็เป็นหุ้นที่ขึ้นชื่อในเรื่องพัวพันนักการเมืองเช่นกัน ดังนั้น ช่วงที่ SGF ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินก็คงไม่ยากเกินไปที่จะปล่อยกู้ให้คนกันเอง
แหล่งข่าวจาก SGF กล่าวว่า บริษัทจะครบกำหนดชำระเงินในกลางเดือน มิ.ย.ซึ่งจะต้องชำระคืนในครั้งเดียว ไม่ใช่ทยอยชำระเพราะเป็นการกู้ในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงินและการที่กู้เงินจาก EWC เพราะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่ากู้จากแบงก์
ล่าสุด SGF รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี49บริษัท มีกำไรสุทธิถึง 7.06ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 7.04 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากบริษัทมีรายได้จากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคลเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับสินเชื่อขยายตัวดี ในขณะที่ปีที่แล้วบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานถึง 13.50 ล้านบาทเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น บง.แอ๊ดวานซ์ ก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะล้มเลิกไป
สำหรับไตรมาสแรก รายได้จากการให้สินเชื่อสินค้าคงคลัง และสินเชื่อเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นถึง 227.50% การให้เช่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 37.26% เพราะขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นรายได้จากการโอนสิทธิเรียกร้องลดลง 14.30%
แหล่งข่าวจาก SGF กล่าวว่า สาเหตุที่รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มมาก เพราะบริษัทไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าลงทุนใน บง.แอ๊ดวานซ์ เนื่องจากรายการนี้ไม่เกิดขึ้นแต่ได้บันทึกรายจ่ายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล เติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งที่เพิ่งเริ่มดำเนินการเมื่อกลางปีที่ผ่านมาและถือว่ามีผลต่อการเพิ่มขึ้นของกำไรอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อส่วนบุคคลสูงกว่าการปล่อนสินเชื่อให้ลูกค้าแบบแฟคเตอริ่งหลายเท่า
_________________
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#7 วันที่: 17/05/2006 @ 08:28:37 : re: ***********ข่าว***********
ซีพีเอฟ เล็งขยายธุรกิจอาหารเพิ่ม พบส่งออกแย่ กำไรหด หลังบาทแข็ง
กลุ่ม ซีพีเอฟ ลุยธุรกิจอาหารในประเทศเพิ่ม เร่งเดินหน้าขยายสาขา ซีพี เฟรช มาร์ท รูปแบบแฟรนไชส์ พร้อมเทงบกว่า 2,000 ล้าน เดินเครื่องเพิ่มกำลังผลิตรองรับตลาด รองรับตลาดส่งออกทรุด กำไรหด หลังค่าบาทแข็ง

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทเตรียมงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท เป็นการใช้ลงทุนขยายกำลังผลิตสินค้าเพื่อรองรับการส่งออกและทำตลาดในประเทศ โดยงบประมาณจำนวน 4,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับพัฒนาระบบฟาร์ม ขยายโรงงานอาหารปลา ขยายโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์เพื่อการส่งออก ขยายศูนย์กระจายสินค้า และขยายจุดขายไก่ย่างห้าดาว ส่วนงบที่เหลืออีกประมาณ 2,000 ล้านบาท บริษัทจะนำไปจ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้าให้ เช่น การแปรรูปกุ้ง เป็นต้น


โดยล่าสุด มีแผนขยายร้านซีพี เฟรช มาร์ท ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายสินค้าปรุงสำเร็จของบริษัทในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยได้เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ผลเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นปีนี้ บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายสาขาร้านดังกล่าวเพิ่มจากปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่ประมาณ 150 สาขา แบ่งเป็นสาขาในต่างจังหวัด 120 สาขา และกรุงเทพฯ 30 สาขา โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้บริษัทจะสามารถเปิดได้ครบ 300 สาขา ภายใต้งบการลงทุนสาขาละ 8 แสนบาท ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปีน่าจะมีรายได้รวมเป็นไปตามเป้าที่ 130,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 110,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม การให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารเพิ่มครั้งนี้ ส่วงนหนึ่งเป็นผลจาก สถาพเศรษบกิจและภาวะเงินบาที่แข็งค่า กอรปกับต้นทุนการผลิตยังมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ ด้วยการขอปรับขึ้นราคาไก่ปรุงสุก เป็ด และกุ้ง ที่ทำการส่งออกไปทำตลาดต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่เพิ่มประมาณ 8%


จากสภาพที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้รับผลกระทบด้ายรายได้มากนัก แต่ยอมรับว่า ในส่วนของกำไร ขณะนี้จากการดำเนินธุรกิจเริ่มลดลง เพราะต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#8 วันที่: 17/05/2006 @ 08:29:16 : re: ***********ข่าว***********
ลลิลฯเจอพิษศก.
ฉุดกำลังซื้อบ้าน กระทบยอดขาย

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิลพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากผลกระทบด้านการเมือง อัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน ทำให้เกิดการชะลอตัวในการตัดสินใจซื้อ โดยมีรายได้จากการขาย578ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น250ล้านบาท และกำไรสุทธิ132ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้โครงการใหม่The Young Executive และ The Balcony Town Home ซึ่งมีการตอบรับและเข้าจองในอัตราที่ดี
สำหรับการเปิดโครงการทั้ง5โครงการ ยังคงดำเนินตามแผนงานเดิม ปัจจุบันมีการเปิดตัวไปแล้ว2โครงการ และอีก2เดือนจะเปิดตัวอีก1โครงการ สำหรับอีก2โครงการนั้นคาดว่าหลังเดือนมิถุนายนบริษัทเตรียมวางแผนเปิดตัวเป็นลำดับต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปทุกอย่างจะแน่ชัดขึ้น เนื่องจากกระทรวงการคลังออกมาตรการคลุมดอกเบี้ยในการซื้อบ้าน ด้านการเมืองก็มีความแน่ชัดมากขึ้นแล้ว รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวอยู่ที่70ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจนถึงสิ้นปี
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#9 วันที่: 17/05/2006 @ 08:30:10 : re: ***********ข่าว***********
ซื้อลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็ก แนะนำหุ้นบริษัทโรงกลั่นระยอง หรือ RRC
การเสนอขายหลักทรัพย์จำนวนหุ้นเที่เสนอขาย 1,397.5 ล้านหุ้น (ไม่รวมการจัดสรรส่วนเกิน 200 ล้านหุ้น) หุ้นสามัญเดิม 877.5 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 520 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนต่างประเทศ 50% ราคา 23 บาท/หุ้น เสนอขายนักลงทุนในประเทศ 50% ราคา 23 บาท/หุ้น การเสนอขายให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศ
บริษัทจะเสนอขายหุ้นไอพีโอโดยวิธีสุ่มเลือกแบบขั้นบันได ในราคาจองซื้อสูงสุดหุ้นละ 23 บาท ให้แก่นักลงทุนทั่วไปและรายย่อยในวันที่ 18-19 พฤษภาคมนี้ โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นกับผู้มีอุปการคุณซึ่งนักลงทุนทั่วไปสามารถจองหุ้นผ่านธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย และทหารไทย ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ทั้งนี้ บริษัทจะสรุปราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอในวันที่ 26 พ.ค. 2549 วัตถุประสงค์การเพิ่มทุน 1. เพิ่มกำลังกลั่น 65,000 บาร์เรล/วัน มูลค่าเงินลงทุน 522 ล้านดอลลาร์2. เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเงินทุนในการดำเนินงาน
โรงกลั่นคุณภาพชั้นเยี่ยมของไทยโรงกลั่นน้ำมันระยองเป็นโรงกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ที่ให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปที่มีคุณภาพสูงในสัดส่วนที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีกำลังการกลั่น 145,000 บาร์เรลต่อวัน ได้รับการสนับสนุนจาก ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งด้านการจัดหาน้ำมันดิบและการรับซื้อผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมด ที่สำคัญการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนขยายกำลังการกลั่นอีก 45% คาดเริ่มดำเนินการผลิตปลายปี 2551 อีกทั้งธุรกิจกลั่นน้ำมันอยู่ในช่วงมีค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากภาวะตึงตัวของอุปทาน และแนวโน้มราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง คาดกำไรจากดำเนินงานปี 2549 โต 24.7% ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ปันผลดี
แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมตามปัจจัยฟื้นฐาน 27-30 บาท


ที่มา..บล.โกลเบล็ก
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#10 วันที่: 17/05/2006 @ 08:30:52 : re: ***********ข่าว***********
SALEEฟันรายได้131ล.
ทุ่มงบขยายกำลังผลิตดันยอดสิ้นปีแตะ500ล.

นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 70-100 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักร 30-50 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์2เครื่อง ในไตรมาสที่ 2 และเครื่องจักรแบบ ILLIG เพิ่ม1เครื่อง ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หลังจากที่ได้ซื้อเครื่องจักรILLIG และSemi-Auto แล้วในช่วงสิ้นปี 2548 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 70-100ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะนำเงินทุนมาจากแหล่งใด
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส1ของปี2549ที่ผ่านมานี้ บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 131ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้ที่มาจากการฉีดพลาสติก 40ล้านบาท รายได้จากการขึ้นรูปพลาสติก 43ล้านบาท และธุรกิจพิมพ์ฉลากสินค้า 48ล้านบาท ประกอบกับบริษัทมีการบันทึกยอดขายจากการส่งออกชุดปิคนิคไปยังต่างประเทศ จำนวน 20ล้านบาท และจากการที่บริษัทย่อย คือ สาลี่พริ้นท์ติ้ง ซึ่งผลิตสติ๊กเกอร์คุณภาพสูง ได้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเพิ่มให้กับลูกค้ารายใหญ่ ประมาณ 20 ล้านบาท จึงทำให้รายได้ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นมาก
คาดว่าในปีนี้เราจะสามารถมียอดขายได้ 500ล้านบาทตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ จากปีก่อนที่เคยทำไว้ที่ 389ล้านบาท โดยจะรักษาระดับส่วนต่างของทุนหรือ gross marginให้อยู่ที่ระดับ 37-42%ให้ได้ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้อนทุนการผลิตที่ดี นายสาทิสกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นในการฉีดพลาสติก(Injection)เช่น SVI และชิ้นงานเพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิม รวมทั้งได้รับคำสั่งผลิตสำหรับสินค้าสติ๊กเกอร์บนสินค้าประเภทถุงน้ำยาชนิดเติม(Pouch)จากลูกค้าเดิมอีกประมาณ 20ล้านบาท ต่อไตรมาสประกอบกับไตรมาสนี้บริษัทจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ เนื่องจากได้เริ่มใช้ ห้องคลีนรูมซึ่งเป็นของบริษัทเองแล้ว จึงจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม 65% และบ.สาลี่พริ้นท์ติ้งจำกัด 35% ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่1.2-1.3เท่า จากเดิมอยู่ที่ 0.3-0.4 โดยมีสาเหตุมาจากการสร้างโรงงานใหม่ อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามรักษาระดับดังกล่าวไว้
_________________
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#11 วันที่: 17/05/2006 @ 08:43:59 : Re: re: ***********ข่าว***********
ดีค่า คุณ U .0008
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#12 วันที่: 17/05/2006 @ 08:55:27 : re: ***********ข่าว***********
...
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#13 วันที่: 17/05/2006 @ 09:02:37 : re: ***********ข่าว***********
http://www.thaihoon.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1785
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#14 วันที่: 17/05/2006 @ 09:12:47 : Re: re: ***********ข่าว***********
...
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#15 วันที่: 17/05/2006 @ 09:18:03 : re: ***********ข่าว***********
http://www.thaihoon.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1816
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#16 วันที่: 17/05/2006 @ 09:34:31 : re: ***********ข่าว***********
...
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#17 วันที่: 17/05/2006 @ 09:44:24 : Re: re: ***********ข่าว***********
[quote:825ca164ae=U">[quote:825ca164ae=...u...hoo...">ดีค่า คุณ U .0008[/quote:825ca164ae">ม๊อนนิง ดี ครับ

ลืมไป!...... ircp ขายที่เหลือหมดเมื่อวานแล้วครับ 18.10 ฟฟฟฟ3

งานนี้ต้อง ทำอะไรสักอย่าง ให้......กับ.......บ้าง แต่จะเก็บไว้ก่อน .0009[/quote:825ca164ae">

.000c ไม่มีค่ะ
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#18 วันที่: 17/05/2006 @ 12:14:18 : re: ***********ข่าว***********
ดอกอะไรง่ะสวยจังเลย อยากได้บ้าง บอกหน่อยว่าเธอชื่ออะไร
.0008
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#19 วันที่: 17/05/2006 @ 13:07:49 : re: ***********ข่าว***********
1. ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบาย ความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้ม อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น


2. ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด


3. ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง


4. ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้มีประโยชน์
ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น


5. ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน


6. ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร


7. ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ
มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น


8. ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน


9. ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก

10. ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย
ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม ที่ว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึกท้อแท้หมดหวัง [/color:b653d59cb6">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com