May 15, 2024   2:42:27 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้น-บาทสยองเบียร์ช้าง ฝรั่งโยกเงินไปสิงคโปร์
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 16/05/2006 @ 07:46:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นไทยเริ่มสยอง ฝรั่งปล่อยของโยกเงินไปสิงคโปร์ ซื้อเบียร์ช้างและเตรียมลุยโรงกลั่นระยอง ต้นปีซื้อสุทธิกว่าแสนล้านบาทเริ่มทิ้งช่วงมีนาฯขายสุทธิ300ล้านบาท แค่ครึ่งเดือนพฤษภาคมขายถึง 732ล้านบาท วานนี้วันเดียวต่างชาติขายสุทธิ 3.7 พันล้าน ทุบดัชนีดิ่ง 16 จุด กดดันค่าบาทอ่อนทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์

ต่างชาติโยกเงินออกจากตลาดหุ้นไทย ส่งผลดัชนีตลาดวานนี้ร่วงลงต่ำสุดเกือบ20จุด หุ้นพลังงานแบงก์ ปรับตัวลงยกแผง สอดคล้องกับค่าเงินบาทวานนี้อ่อนค่าลงเป็นครั้งแรกรอบ 1 เดือนมาอยู่ที่ 38 บาท สาเหตุหลักต่างชาติทิ้งหุ้นเอาเงินบาทมาซื้อดอลลาร์ตุนไว้ซื้อหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ที่เตรียมซื้อขายตลาดหุ้นสิงคโปร์ปลายเดือนพฤษภาคม และจะขายหุ้นแก่นักลงทุนราววันที่ 19 เดือนนี้เช่นกัน

ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวลดลงต่ำสุดถึง 18 จุด ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นไปสูงสุด 775.40จุด และปรับลงต่ำสุด 763.69 จุด ก่อนจะปิดตลาดที่ 765.97 จุด ลดลง 16.53 จุด หรือ2.11% มูลค่าการซื้อขาย 19,265.74 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต่างชาติได้เทขายหุ้นเพื่อเตรียมจะนำเงินมาซื้อหุ้นเบียร์ช้างที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ วันที่ 30 พ.ค.นี้ หลังจากขายหุ้นแล้วก็นำเงินบาทมาซื้อดอลลาร์เก็บไว้ ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลงมาอยู่ที่ 38บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ลดลงถึง 1% ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 37บาทกว่า

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นบริษัทโรงกลั่นระยอง หรือ RRC ที่จะกระจายหุ้นในวันที่ 18-19พ.ค.นี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นในวันที่ 5 มิ.ย.นักลงทุนบางส่วนจึงได้ปรับพอร์ตการลงทุน ขายหุ้นนำเงินมารอซื้อไอพีโอของ RRC ด้วยเช่นกันจึงยิ่งเป็นแรงกดดันดัชนี ในขณะที่ข่าวดีในประเทศช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะมาดันให้ดัชนีปรับขึ้นไปได้

โดยวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,741.62 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 3,321.65 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 419.95 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต้ต้นปีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 100,000 ล้านบาท และเริ่มขายในเดือนมีนาคม โดยมียอดขายสุทธิทั้งเดือนประมาณ 300 ล้านบาท ก่อนจะมาขายหนักในเดือนพฤษภาคม แค่ครึ่งเดือน(2พ.ค.-15 พ.ค.)ต่างชาติขายสุทธิ 732.32 ล้านบาท

โดยหุ้นที่ซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกวานนี้ เป็นหุ้นบลูชิพ และราคาปรับลดลงทุกตัวได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 254 บาทลดลง 6 บาท 2.TPI ปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.15 บาท 3.PTTEP ปิดที่ 121 บาท ลดลง 4 บาท 4.BBL ปิดที่ 113 บาท ลดลง 4 บาท และ 5.SCC ปิดที่ 226 บาท ลดลง 8 บาท
นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยมีสาเหตุมาจากการปรับลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวลดลงถึง260จุด เพียงแค่ 2 วันของสัปดาห์ที่ผ่านมา จากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาไม่ค่อยดีส่งผลให้ตลาดหุ้นในแถบเอเชียปรับตัวลงตาม

นายอนิรุธ พิมพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์การเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า สาเหตุที่ค่าเงินบาทผันผวน เพราะมีการเทขายเงินบาทเพื่อไปซื้อดอลลาร์สิงคโปร์ เตรียมไว้สำหรับซื้อหุ้น บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ประกอบกับมีการเก็งกำไรค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินอ่อนลง สวนกับค่าเงินในภูมิภาคที่ยังแข็งค่า เช่น ดอลลาร์สิงคโปร์ และเยน

สำหรับค่าเงินบาทวานนี้ เปิดตลาดก็อ่อนค่าที่ 37.90 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะปิดตลาดที่ 38.18 บาท อ่อนค่าลง 0.30 บาท จากวันก่อนหน้า ในขณะที่ค่าเงินเยนก็อ่อนค่าเช่นกัน เฉลี่ยวานนี้อยู่ที่ประมาณ 110.06 เยนต่อดอลลาร์

นายพงศ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เงินบาทอ่อนค่าน่าจะเป็นเพียงระยะสั้น มีสาเหตุมาจากเบียร์ช้างจะเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ แต่หลังจากการซื้อขายแล้ว เงินที่ได้จากการขายหุ้นของเบียร์ช้างประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท น่าจะไหลกลับเข้ามาในไทยเพราะบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ในไทย ดังนั้น ค่าบาทจะกลับมาแข็งค่าอีก

ส่วนสาเหตุที่ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวลดลง น่าจะมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ปรับลดลงเช่นกัน ดังนั้น ในจังหวะนี้ นักลงทุนควรเข้าไปเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพราะคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะดีดตัวกลับมาในระยะสั้น อาจปรับขึ้นไปถึง 800 จุด

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.ซิกโก้กล่าวว่า ตลาดหุ้นในเอเชียได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพราะค่าเงินเยนแข็งเร็วมากนักลงทุนจึงเทขายหุ้น เพื่อมาเก็งค่าเงิน ดังนั้น ทิศทางค่าเงินในเอเชียก็จะแข็งด้วยเช่นกันรวมถึงค่าบาท แต่การแข็งของค่าบาทยิ่งซ้ำเติมภาคการส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ดังนั้น นักลงทุนจึงมองไม่เห็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นด้วย

สำหรับสัปดาห์นี้ คาดว่าตลาดหุ้นมีแนวรับที่ 750 จุด แนวต้านที่ 780 จุด เพราะสัปดาห์ที่แล้วตลาดได้ปรับขึ้นไปมาก และต้นสัปดาห์นี้ตลาดได้รับแรงกระแทกจากตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน จึงไม่น่าจะปรับขึ้นไปมาก

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ บล.พัฒนสินกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ในขณะที่ปัจจัยบวกภายในประเทศยังไม่มี และแม้จะมีการประกาศวันเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่ได้สะท้อนมายังตลาดหุ้น นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนได้ขายหุ้นเพื่อเตรียมเงินไว้ซื้อหุ้นบริษัทไทยเบฟเวอเรจ และ RRC

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:1d85acd68f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com