May 16, 2024   9:08:47 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 15/05/2006 @ 09:15:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เปิดใจพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา เคลียร์ข้อกล่าว ก๊วนนอมินี เจ๊แดง

ยังสลัดภาพไม่หลุดจากความเป็น ร่างทรง หรือนอมินี ให้กับของกลุ่มการเมือง
ที่แม้ทางกลุ่ม วงศ์สวัสดิ์ จะขายหุ้นที่ถือ 19% ของทุนจดทะเบียนในบริษัทแอสคอน คอนสสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)ออกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่ด้วยคอนเน็ทชั่นทางการเมืองของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ( กลุ่มวิไลลักษณ์ที่ถือหุ้นอยู่ 26.65% และกลุ่มตนุมัธยา 32.25% )
เลยกลายเป็นปมให้หลาย ๆคนที่สงสัยไม่เลิก โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านต้องจับตามองกันมากขึ้น
หลังจากที่บริษัทเบนเข็ม เข้ามารุกงานก่อสร้างในภาครัฐ

ฐานเศรษฐกิจ จึงถือโอกาสนี้ เปิดใจ พัฒนพงษ์ ตนุมัธยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ต่อประเด็นที่ยังคาใจหลายฝ่าย .

**ความสัมพันธ์กับทางกลุ่มการเมือง ก็ ยังเคารพนับถือกันดี
เป็นผู้ใหญ่ (เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือรู้จักกันในนาม เจ๊แดง )ที่เราเคารพนับถือ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดี
แม้ทางกลุ่มวงศ์สวัสดิ์จะขายหุ้นในสัดส่วน 19% ออกไป ( ให้กับกลุ่มวิไลลักษณ์ ) ก็ยังได้เจอะเจอและปรึกษาหารือกัน

อย่างที่ทราบดีว่าในช่วงก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผมกับทางกลุ่มวิไลลักษณ์ ซึ่งสนิทสนมเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
เพราะผมเป็นเพื่อนกับคุณวัฒน์ชัย ( ธวัชชัย วิไลลักษณ์ ) เรียนรุ่นเดียวกันตั้งแต่เรียน ม. 1. ที่เซ็นคาเบรียล
คบกันหลายสิบปี แต่ก็ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน จนกระทั่งเรามีความคิดนำบริษัทเข้าตลาด (21ธ.ค.48)
อันนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อกลางปี 2547 และผมก็ได้พบกับทางกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ ในช่วงนั้น
พอดีลธุรกิจลงตัวกันได้ก็ตกลงจะร่วมทุนกัน เป็นการลงทุนที่เรียกว่า venture capital เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงนะ

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 15/05/2006 @ 09:23:44 : re: " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
*กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ มีบทบาทก่อนหน้า

ไม่ได้เข้ามาบริหาร แต่ขอที่นั่งเป็นบอร์ดใหญ่ แต่โดยทางปฏิบัติแค่รับรู้เรื่องราว เรื่องสำคัญ
แต่พอเกิดเรื่องราวขึ้น มีการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ก็เลยขายหุ้นให้กับกลุ่มวิไลลักษณ์หมด

*ผู้ถือหุ้นใหญ่ ถูกมองเป็นนอมินีของวงศ์สวัสดิ์

ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้เป็น ทุกคนมีสิทธิ์จะคิดได้ แต่เราก็มีที่มาที่ไป
จริง ๆการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีบทบาทหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว อย่างที่ผมบอกเรามีที่มาที่ไป
จริง ๆผมยังงง ๆคำว่าร่างทรง อย่างคุณบุญคลี ( บุญคลี ปลั่งศิริ ) เป็นอะไรในชินคอรป จะเรียกว่าอะไร?
ผู้บริหารมืออาชีพ , ถือหุ้นแทน , หรือถือหุ้นด้วย หรือร่างทรง ,หรือนอมินี
จะเห็นว่าคุณบุญคลี ไม่ได้เป็นเจ้าของชินคอร์ป แต่ถือหุ้น
ผมเองก็เช่นกัน ผมมีเงินถือ ผมก็ถือ และมีหน้าที่ตามที่เขาตั้งให้เป็น ซีอีโอ

*การเบนเข็มมารับงานก่อสร้างภาครัฐมากขึ้น ความสัมพันธ์การเมืองเลยต้องแน่นขึ้น

มีก็ดี ไม่มีก็ได้ คือมันมีผลทั้ง 2 ด้าน มีก็กลายเป็นว่าข้าราชการก็ต้องระวังตัว
ต้องยอมรับว่าสมัยนี้จะไปสั่งการใครไม่ใช่ง่ายแล้ว เป็นสังคมเปิด ข่าวถูกขุดคุ้ยได้ง่ายดาย เกิดความระวังตัวในผู้ที่ปฏิบัติงาน
คนที่ปฏิบัติเองก็กลัว ยังไงก็ต้องทำให้มันถูกต้อง
และการมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง บางทีกลายเป็นข้อครหา เป็นอุปสรรคการทำธุรกิจด้วยซ้ำอย่างที่เราเจอมากับตัว
ส่วนข้อดีผมคิดว่าเขาจะเกรงใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเกรงหรือเปล่า ผมพูดในสมมุติฐานว่ามี แต่นี่ไม่มี เพราะกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ขายหุ้นออกไปแล้ว

และพูดตามตรง มี ..ไม่มี .. ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบราชการ
ถ้าทำถูกต้องก็ไม่ต้องกลัว ถ้ามีฮั้ว มีล๊อกสเปรค ก็ร้องเรียนกันไป
หรือคุณเสนอราคาสูง ผมเสนอราคาต่ำ ผมก็ได้มา คุณสมบัติผมไม่ถึง มันก็ไม่ได้

**การเมืองไม่ได้ช่วยเอื้อประโยชน์

ในชั่วโมงนี้ผมว่ายาก เหนื่อยนะ เขาระวังตัว ระวังกันทุกคน

*หลังเลือกตั้งมีรัฐบาลถาวรซิ !

(หัวเราะ).... ก็ต้องระวังตัวอีกแหละ ปัจจุบันสังคมเริ่มเปลี่ยน มีการเปิดข้อมูลเปิดเผยมากขึ้น
อย่างเรื่อง E- Auction เขาจะประกาศ TOR เขายังต้อง public hearing เลย
อย่างโครงการใหญ่ ๆเขายังต้องประกาศ 7 วัน 10 วัน จนกระทั่งไม่มีใครมาร้องเรียน
เดี๋ยวนี้ประกาศขึ้นweb กัน คุณก็ต้องเข้าไปดู ถ้าคุณสงสัย ถามมา เขาก็จะชี้แจง เหตุผล
อย่างงี้แล้วถามว่าง่ายมั้ย เหมือนสมัยก่อนมันไม่มี สมัยก่อนมันมีฮั้ว มีล๊อก มีเส้นสาย
แต่เมื่อยุคมันเปลี่ยนไป เขาก็พยายามให้มีล็อกให้เปิดเผยโปร่งใสที่สุด เพื่อจะได้ตอบคำถามได้เวลามีใครสงสัย
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#2 วันที่: 15/05/2006 @ 09:28:25 : re: " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
*บทบาทของกลุ่มวิไลลักษณ์ในแอสคอน

ก็ส่งคนมาเป็นบอร์ด มาเป็นซีเอฟโอ(ประธานกรรมการ : สมบัติ อุทัยสาง )
แอสคอน ไม่ได้เข้ามาบริหารโดยรวม แต่ส่งคนเข้ามาดูแลการเงิน
( ปัจจุบัน สมบัติ อุทัยสาง เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น อดีตที่ประธานกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างของท่าอากาศสุวรรณภูมิ )

*งานที่ได้รับจากสายสัมพันธ์ในกลุ่ม

ที่มีก็ไปรับงานก่อสร้าง ในกลุ่มในเครือเขา อย่างที่เขาไปทำโรงไฟฟ้าที่กัมพูชา ไปทำรีสอร์ตที่ระยอง เราก็ตามไปดู ตามไปทำ
ในเรื่องของงานก่อสร้าง อสังหา ฯเขาก็มาเรียกใช้เรา ส่วน เรื่องในอนาคต ก็ค่อยมาคุยกันว่าจะเอาอย่างไร
อย่าง strategic partner กลุ่มสามารถ ที่มีความสัมพันธ์การลงทุนในหลายประเทศเราก็จะตามเขาไป
เช่นเน็ตเวิร์คกลุ่มสามารถในกัมพูชาที่มีมาช้านาน เราก็ได้เข้าไป รับงานปรับปรุงถนนในกัมพูชา สัญญาระยะยาว 30 ปี
เฉลี่ยรายได้น่าจะได้ 300-400 ล้านบาท เป็นการปรับปรุงไปเรื่อย ๆ แต่โครงการนี้ยังไม่สรุป
แต่มีแนวโน้มเป็นบวกว่าน่าจะได้ และในอนาคตเราได้เล็งงานที่ประเทศเวียดนาม,ประเทศในตะวันออกกลาง
แต่จะเลือกประเทศที่ทางกลุ่มมีคอนเน็ตชั่นดีก่อน พูดง่าย ๆช่วยทำการค้าง่ายขึ้น
ประเภทให้หิ้วกระเป๋าเดินเข้าไปเราไม่เอา อย่างน้อย ต้องมีประโยชน์เราเลยขอไปด้วยกับธุรกิจเหนือชาวบ้านถึงจะไป
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 15/05/2006 @ 09:32:23 : re: " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
*ด้านต่างประเทศมีโอกาส จะรับรู้รายได้ปีนี้หรือไม่

น่าจะมีโอกาส,ถือเป็นของแถม แต่ไม่ได้อยู่ในแผนรายได้ปีนี้ของแอสคอนที่วางไว้ 1,200-1,500 ล้านบาท
จากมูลค่างานของบริษัทในมือทั้งปี3,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่บริษัทชนะประมูลสร้างบ้านธนารักษ์ จังหวัดนนทบุรี ราคาค่างาน 494 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวน่าจะรับรู้รายได้ได้ในปีนี้ประมาณ 15% ของรายได้รวม 1,200 ล้านบาทหรือประมาณ 150 ล้านบาท
ที่เหลือก็ยังมีงานในมือที่จะรับรู้รายได้ทั้งในโครงการอาคารสูง
(คอนโด) 2 โครงการ และโรงงานอีก 1 โครงการมูลค่าทั้ง 3 โครงการ 700- 800 ล้านบาท
นอกนั้นก็เป็นงานใหม่ที่จะหาเพิ่มได้ไม่ยาก

* ที่เล็ง ๆไว้งานภาครัฐที่จะเข้าไปรับงาน

ก็ยังเป็นถนน อุโมงค์รอดสะพาน อาคาร
ส่วนด้านเมกกะโปรเจ็ตต์ที่จะเข้าไปร่วมแต่การเมืองเมื่อเป็นอย่างนี้ รัฐบาลก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน
และหากเป็นไปได้ในระยะ2-3 ปี เราอยากปรับสัดส่วนงานรับเหมาภาครัฐ และเอกชนให้มาอยู่ระดับที่เท่ากันคือ 50 : 50
จากปัจจุบันที่สัดส่วนยังอยู่ระดับ 15: 85 หลังจากที่บริษัทเพิ่งชนะประมูลงานก่อสร้างในโครงการบ้านธนารักษ์ นนทบุรีเป็นโครงการแรก
โดยงานก่อสร้าง(เอกชน) ในปีนี้จะเน้นอาคารสูง คอนโดมิเนียม โดยจะโฟกัสเพิ่มขึ้นมาเป็น 40%
เช่นเดียวกับงานโรงงาน จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้เพียง 10% ก็จะเพิ่มเป็น 20-25% ขณะที่งานก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรจะลดน้อยลง
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#4 วันที่: 15/05/2006 @ 09:38:16 : re: " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
*ธุรกิจดั่งเดิมของกลุ่ม

เราทำเทรดดิ่ง ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็น3 บริษัท
ธุรกิจย่อยในกลุ่มไปคือ 1.แอสคอน คอมเพรสเซอร์ 2. แอสคอน โปรชีล และ 3. แอสคอน แมนนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งทำกันมานาน 15 ปีแล้ว
แต่ว่าในธุรกิจย่อย เราก็ทำก่อสร้าง รับเหมามาโดยตลอด เพียงแต่เราไม่เข้ามาทางฟิวส์ของอสังหาริมทรัพย์
เพิ่งมาทำธุรกิจอสังหา ฯ โดยตั้งแอสคอน ฯ ขึ้น เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
(ชื่อเดิม บ. เอเอสซี เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จดทะเบียนการค้า 10 เม.ย. 41 )
จากก่อนหน้าที่เราไม่สนใจเลย อีกอย่างอสังหา ฯก็เพิ่งกลบมาบูมอีกครั้งในปี 2544-2545 เพราะรัฐบาล
หลังจากที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นรัฐมนตรีการคลังก็ให้สิทธิพิเศษมากมาย ทั้งดอกเบี้ย ลดค่าธรรมเนียม ยกเว้นภาษี

ปีนี้เราวางเป้าหมายธุรกิจ ในเครือ 3 บริษัทว่าจะต้องมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% โดยรวม
ซึ่งเรากำลังโฟกัสว่าจะเน้นธุรกิจเทรดดิ้งมากขึ้น
จากเดิมที่มีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาทบวกลบนิด ๆ ว่าจะเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทได้หรือไม่ใน 2-3 ปี
โดยที่จะเน้นขยายไลน์โปรดักซ์ให้มากขึ้น จากเดิมที่มี 3-4 ตัวก็ จะเพิ่มเป็น 20 ตัว ,
การดันโปรดักซ์ของเราให้ขายได้ในตลาด โดยใช้จุดแข็งในอุตสาหกรรมที่ถนัด วางใจเรา

* ปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันกระทบธุรกิจ ?

หลัง 6 เดือนทางแอสคอน จะมีการรีวิวทิศทางและแผนการดำเนินใหม่ ว่าที่ผ่านมามัน good shape หรือดูดีหรือยัง
โดยจะดูจากปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโดยรวมเป็นหลัก
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#5 วันที่: 15/05/2006 @ 09:39:43 : re: " นอร์มินี่... เจ๊แดง...? "
*มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจาก 4 เดือนแรกของปี

มันก็ชะลอ แต่ยังมีการเติบโตในอัตราที่ลดลงแค่นั่นเอง และผมมองว่ายังเป็นอย่างงั้น
เพราะยังมีเงินต่างชาติไหลเข้าอยู่ ดอกเบี้ยบ้านเราก็ยังปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับเงินเฟ้อ เศรษฐกิจก็อาจชะลอตัวลงบ้างในภาคของค่าใช้จ่าย
แต่เงินต่างประเทศก็ไหลเข้ามา เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนตัว ดอกเบี้ยเฟดก็ไม่น่าจะขึ้นอีก
มันจึงมีมูทของเงินลงทุนเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตามคงต้องดูเป็นรายเซ็กเตอร์ อย่างส่งออก 4 เดือนไม่กระทบแน่
ถึงแม้จะมีปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ามา 2 เดือน แต่เพราะยังมีออเดอร์เก่าที่ต้องส่งมอบ
ต้องดูต่ออีก 3 เดือนข้างหน้าว่าค่าเงินจะกระทบส่งออกอย่างจริง ๆจัง ๆหรือไม่
ผู้ส่งออกก็ต้องปรับตัวในแง่การแข่งขัน ว่าจะหาทางลดต้นทุน หรือหาตลาดได้ไหม และจะแข่งขันประเทศต่าง ๆ ด้วยสินค้าอะไร
จีดีพีก็อย่างที่ประมาณกัน 4% การเมืองก็แบบนี้ แต่หลังเลือกตั้งน่าจะดีขึ้น แต่ต้องระมัดระวังกันอยู่


ที่มา ฐานเศรษกิจ [/color:f2f69d9522">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com