?สาธิต วรรณศิลปิน? ในฐานะปฏิคม สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
กล่าวในงานสัมมนา 3 กรรมการนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯเจาะทิศทางหุ้น ที่งาน มันนี่เอ็กซ์โประบุว่า
แม้ปัจจุบันค่า P/E ตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 10 เท่า แต่หากพิจารณาค่า P/E ของ SET 50 ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มที่นักลงทุนนิยมซื้อขาย
จะมี P/E สูงถึง 14-15 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับภูมิภาค

ดังนั้น แม้ดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่า 780 จุด แต่จะมีความผันผวนมาก
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย จึงแนะให้เลือกเล่นหุ้นรายตัว
โดยแนะหุ้นขนาดเล็กและกลาง ที่มีอัตราการโตของกำไรดีเช่น MLINK, MPT, VNG และ KPN

ขณะที่ ?สุชีล นารูลา? กรรมการสมาคมนักวิเคราะห์ กล่าวว่า มีแนวโน้มที่เงินทุนต่างประเทศ จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยลดลง
เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเหลือ Up Side น้อยแล้ว หรือโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้มีไม่มาก

ทั้งนี้ เพราะค่าเงินบาทได้ชะลอการแข็งค่าหลังจากที่ผ่านมาค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 10%
จากระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์ มาสู่ระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ดังนั้น โอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศจึงลดลงตามไปด้วย
จึงทำให้เม็ดเงินอาจไหลไปลงทุนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค

บล.ไทยพาณิชย์มองว่าปีนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะโตขึ้น 3%
บนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
และค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์

แต่หากราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
และค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 38 บาท กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะโตเพียง 0.9%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนใหญ่ลงทุนในออฟฟิศ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดี

และราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำมีค่า P/E เพียง 8-9 เท่า
ขณะที่อัตราผลตอบแทน เงินปันผลอยู่ในระดับสูง


ที่มา **เงาหุ้น ( อินเด็กซ์ 51 ) [/color:b9bd896fb2">