วานนี้นักวิเคราะห์ทั่วสารทิศมีมติเป็น เอกฉันท์ ว่า ดัชนีทะยานขึ้นอย่างดูดับตับไหม้เป็นเพราะ
สถานการณ์ทางการเมือง คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
จนอะไรต่อมิอะไรแจ่มแจ้งแดงแจ๋อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 5 เดือน แรงซื้อเลยไหลพรั่งพรูเข้ามามากเป็นพิเศษ

*ด้วยเหตุนี่ถึงทำให้หุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน สื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ทะยานขึ้นแดนบวกอย่างพร้อมอกพร้อมใจ
เพราะเป็นธรรมเนียมปฎิบัติมาตั้งแต่ไหนแต่ไรว่า ต้องเข้าซื้อหุ้นบลูชิพเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น
ถึงจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำนะจะบอกให้

*เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะทุ่มเงินเข้ามาในหุ้นกลุ่มบลูชิพแบบไม่อั้น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิไปกว่า 1.37 พันล้านบาท จนดัชนีทะยานขึ้นมาปิด 782.91 จุด บวก 14.69 จุด
และมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าทดสอบแนวต้าน 800 จุดอีกด้วยนะค่ะ

*เพียงแต่สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษในวันนี้ คือ ศาลปกครองจะตัดสิน ITV เรื่องค่าสัญญาสัมปทาน
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน เดี๊ยนเลยไม่อยากให้นักลงทุนทุ่มเงินหมดหน้าตักเหมือนเช่นวานนี้...
ยิ่งหุ้นตัวนี้มีชนักติดหลังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง

*กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้จึงต้องยึดหลัก ช้าๆได้พล้าเล่มงาม
เพราะเดี๊ยนไม่อยากปักใจเชื่อ ตลาดหุ้นบ้านเราจะโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทาง
ประกอบกับอดีตที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า กลยุทธ์ขุดบ่อล่อปลา มักถูกนำมาใช้ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน ยิ่งไม่ควรไว้ใจอะไรง่ายๆ เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ PICNI เจอสารพันปัญหารุมเร้ารอบด้าน อาทิ
ปัญหาหนี้ที่เจ้าหนี้ต่างๆ เข้าคิวฟ้องร้องไม่ว่างเว้น ปัญหาการเพิ่มทุมไม่สำเร็จ
และผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ราคาหุ้นกลับทะยานขึ้นมาปิดที่ 0.76 บาท บวกไป0.09 บาท
หรือขึ้นไปกว่า 13% มันสมเหตุสมผลหรือไม่...เรื่องนี้อย่าให้ตัวอีฉันพูดเลยจะดีกว่า เพราะคุณแม่ขอร้อง...งงง

*คล้ายคลึงกับกรณีของ IEC สวยแต่รูป จูบไม่หอมแบบนี้ โมนิก้า ไม่ขอเอามาทำ...หรอกค่ะ
เพราะสถานภาพของหุ้นไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร รวมทั้งถูกตั้งข้อหาว่าเป็นหุ้นปั่น เดี๊ยนถึงไม่อย่าเหลียวมองให้เปลื้องสายตา
แต่เผอิญวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 4.80บาท บวกไป 0.66 บาท หรือขึ้นไปกว่า 15% ค่อนข้างเว่อร์เกินไปสำหรับหุ้นที่ยังไม่สตอรีใหม่ๆเช่นนี้

*วันชัย จิราธิวัฒน์ รู้จักหุ้น CENTEL ดีที่สุด เลือกขายได้ถูกจังหวะเด๊ พอคุณพี่ขายทิ้งหุ้นก็ร่วงทันที
รายย่อยเห็นอย่างนี้อย่าเพิ่งต๊กกะใจนะคะ เพราะหุ้นตัวนี้ยังมีเรื่องให้เล่นอีกเพียบ
ค่อยๆ ทยอยออกมาช่วงจังหวะที่ลงแรง ๆ ก็ซื้อเก็บไว้ รับรองได้ผลดีแน่ค่ะ

*ADVANC ราคาวิ่งฉิว เพราะคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากค่าเชื่อมโยงเครือข่ายประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี
คิดเป็นมูลค่า 6.38 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นเลยบวกไป 6.50 บาทปิดที่ 99.50 บาท
แต่เดี๊ยนยังงงอยู่ว่าเงินต่างชาติที่ซื้อหุ้นวานนี้เป็นเม็ดเงินฝรั่งจริงหรือป่าว หรือว่ามีใครต้องการสร้างกระแสกันแน่ค่ะ

*แม้ว่าราคาน้ำมันล่วงหน้าในตลาดโลกจะปรับตัวลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว
หลังจากผู้นำอิหร่านส่งจดหมายลับถึงประธานาธิบดีอเมริกาเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น
แต่หุ้น PTT และ PTTEP ยังแรงแบบยั้งไม่อยู่ล่าสุดขึ้นไปปิดที่ 266 บาทเพิ่มขึ้น 4 บาทและ126 บาทเพิ่มขึ้น 1 บาท
แต่เดี๊ยนอยากให้ระวังไว้บ้างนะคะ เพราะถ้าต่างชาติทิ้งเมื่อไหร่ก็เป็นอันเสร็จแน่ เพราะหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นมาพอสมควรแล้วค่ะ

*พอวอลุ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท หุ้นโบรกเกอร์ก็รีบมาในทันที แต่คราวนี้ PHATRAมาแรงสุด ตามมาด้วย KEST และ ASP
ปกติ 2 ตัวหลังจะขับเคี่ยวกันมาตลอด แต่วานนี้ภัทรขอเสียบขึ้นแท่นบ้าง หลังจากน้ำตาตกมาหลายรอบแล้ว
มันก็ต้องมีดีบ้างใช่มั๊ยคะคุณพี่สุวิทย์

*หุ้นแบงก์นอนหลับทับสิทธิมาหลายวัน จนเดี๊ยนคิดว่าจะตายคาโลง หักปากกาเซียนหุ้นทุกสำนักซะแล้ว
แต่สุดท้ายก็วิ่งให้ชื่นใจทั้ง BBL KBANK และ SCB ดูไปต่างชาติไม่ได้สนใจประเด็นสงครามราคาดอกเบี้ย
คิดว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เลยเข้ามาลุยต่อ เอ๊!หรือว่าเห็นตลาดบ้านเราผันผวน ทั้งตลาดหุ้นและตลาดเงิน เลยเข้ามาให้ป่วน!

*หุ้น THAI หลังจากมีข่าวเสื่อมเสียเรื่องพนักงานต้อนรับจนทำให้องค์กรมัวหมองไปนี๊ด กลุ่มแมงโม้เลยต้องบินว่อนเพื่อเรียกเรตติ้งกลับมา
คาดว่าปีนี้จะมีกำไรเกิน 1 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่นนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ
เพราะฝ่ายการตลาดได้เตรียมกลยุทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวไว้เพียบ แต่ล่าสุดราคาหุ้น THAI ยังคงติดหนึบที่เดิมที่ 47บาท ไม่ไปไหนค่ะ