April 30, 2024   4:52:13 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วันนี้คดีITVไม่จบ ฝ่ายแพ้ยื่นอุทธรณ์
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 09/05/2006 @ 07:41:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

คดีไอทีวียังไม่จบ แม้วันนี้ศาลปกครองตัดสินให้ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใดชนะ ข้างที่แพ้จะเรื่องให้ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด นักกฎหมายแนะ จับตาผลตัดสินปิดช่องอุทธรณ์ ด้านโบรกฯไม่เชียร์ซื้อ แม้ชนะให้ราคาแค่ 10-14 บาท กรณีแพ้ราคาร่วงหลุดหลุ่ย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ค.) ศาลปกครองนัดฟังคำพิพากษาคดีระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) กรณีที่ สปน.ยื่นคำร้องให้เพิกถอนคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ กรณีที่อนุญาโตฯ ตัดสินให้ไอทีวีชำระค่าสัมปทานลดลงจากปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท มาเป็นการจ่ายปีละ 230 ล้านบาท

แหล่งข่าวภายใน สปน. กล่าวว่า หากศาลปกครองตัดสินให้ สปน. เป็นฝ่ายแพ้คดีไอทีวี สปน. จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาคดีอีกครั้ง และเชื่อว่าไอทีวีได้เตรียมต่อสู้ด้วยแนวทางนี้เช่นกันหากไอทีวีแพ้คดี

โดย สปน. เห็นว่าช่องทางต่อสู้ให้ชนะยังมีอยู่ ในประเด็นที่ว่าการตัดสินของอนุญาโตตุลาการไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการ และเกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ โดยเฉพาะคำชี้ขาดที่ให้เปลี่ยนแปลงสัดส่วนการนำเสนอข่าวสารและสาระบันเทิง เป็น 50:50 จากเดิมระบุให้มีเนื้อหาข่าวสาร 70% บันเทิง30%

เราคิดว่ายังมีโอกาสชนะคดี โดยดูตามกฎหมาย คุยกับทางอัยการ และดูสถานการณ์การเมืองประกอบด้วย ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มั่นใจว่าสถานการณ์การเมืองปัจจุบันจะเอื้อต่อเราหรือเป็นผลเสียต่อเรามากกว่ากันหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. เป็นโมฆะ ยังไงก็ต้องรอฟังคำตัดสินจากศาล แหล่งข่าว กล่าว

ก่อนหน้านี้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหารไอทีวี ระบุว่าหากไอทีวีถูกตัดสินให้แพ้คดี จะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาคดี ส่วนการดำเนินธุรกิจนั้นไอทีวีได้เตรียมแผนงานรองรับไว้หากแพ้คดีแล้ว เนื่องจากต้องกลับมาจ่ายสัมปทาน 1,000 ล้านบาทต่อปี และยังต้องจ่ายสัมปทานย้อนหลังให้รัฐอีก 1,490 ล้านบาท

ทั้งนี้หลังการตัดสินของศาลปกครอง ไอทีวีมีแผนจะล้างขาดทุนสะสม 3.5 พันล้านบาทเพื่อนำเงินมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น โดยอาจใช้การลดทุนซึ่งทำได้เร็วกว่าการนำกำไรมาล้างขาดทุนสะสม

แหล่งข่าวนักวิชาการด้านกฎหมาย กล่าวว่า การตัดสินของศาลปกครองในวันนี้ต้องจับตามองว่าศาลปกครองวันนี้จะระบุด้วยหรือไม่ว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดแล้ว เนื่องจากเหตุในการให้ยื่นอุทธรณ์มีน้อย และคำชี้ขาดของศาลปกครองไม่ใช่เรื่องที่จะมาอุทธรณ์กันได้ เพราะไม่ใช่ขั้นตอนที่สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกับการอุทธรณ์ต่อศาลฏีกาเช่นคดีทั่วไป ดังนั้นไม่ว่าคำตัดสินในวันนี้จะเป็นเช่นไร จะเป็นการยุติข้อพิพาทระหว่างไอทีวีและ สปน.

ทั้งนี้โดยหลักการแล้ว คำตัดสินของอนุญาโตตุลาการถือเป็นที่สุด แต่การที่คู่กรณียังยื่นต่อศาลปกครองถือเป็นการให้ศาลปกครองชี้ขาดการบังคับตามคำตัดสินของอนุญาโตฯเท่านั้น โดยไม่เข้าไปพิจารณาเนื้อหาของคดีใหม่ ศาลปกครองอาจไม่มีสิทธิแก้ไขคำตัดสินหรือถ้าจะแก้ไขก็ต้องมีเป็นคำสั่งว่าจะให้ใครเป็นผู้แก้ไขคำตัดสินนั้น เช่น ให้อนุญาโตฯ เป็นผู้ดำเนินการ โดยทั้งหมดนี้ศาลปกครองต้องดูด้วยว่าศาลปกครองมีอำนาจแค่ไหน

วานนี้ (8 พ.ค.) หุ้นไอทีวีปิดที่ 9.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 4.469%มูลค่าการซื้อขาย 131.532 ล้านบาท โดยช่วงเช้าปรับขึ้นแรงถึง 6.15% ราคาอยู่ที่ 9.50บาท ขึ้นสูงสุด 9.55 บาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถึงแม้ว่าคำตัดสินของศาลปกครองในวันนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ก็ไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นไอทีวี เนื่องจากเชื่อว่าถ้าฝ่ายไหนแพ้ ฝ่ายนั้นจะต้องยื่นเรื่องอุทธรณ์สู่การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาอีก จึงไม่ถือว่าการตัดสินวันนี้เป็นข้อยุติ หุ้นไอทีวีจึงยังมีความเสี่ยงในการเข้าลงทุน

ทั้งนี้หากศาลปกครองตัดสินให้ไอทีวีชนะคดี กิมเอ็งให้ราคาเป้าหมายที่ 14.50 บาทโดยบริษัทจะคงสัดส่วนรายการบันเทิง 70% ซึ่งมีผลดีต่อการหารายได้โฆษณา แต่หากแพ้คดีให้ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท และจัดสัดส่วนรายการสาระให้เป็น 70% ในช่วงไพรม์ไทม์

ถึงแม้ผู้บริหารไอทีวีจะบอกว่ามีแผนธุรกิจรองรับการหารายได้เพิ่มหากบริษัทแพ้คดีแต่ค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายถึงพันล้านบาทต่อปี ก็ถือว่ายากมากที่จะทำรายได้มากเพียงพอเพื่อจ่ายสัมปทาน นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน กล่าวว่า ไม่ว่าไอทีวีจะแพ้หรือชนะคดี ก็ไม่แนะนำให้ ซื้อ เนื่องจากพื้นฐานหุ้นยังมีความเสี่ยง เพราะเชื่อว่า สปน. จะต้องยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุดให้ตัดสินคดีอีกครั้ง โอกาสที่จะไอทีวีจะแพ้จึงยังมี

เกียรตินาคินให้ราคาพื้นฐานกรณีชนะคดีที่ 10.33 บาท โดยคาดว่าไอทีวีจะมีรายได้ในปี 49 ที่ 2,532 ล้านบาท จ่ายค่าสัมปทานย้อนหลัง 230 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.5ของรายได้ คาดกำไรสุทธิ 835.74 ล้านบาท แต่หากแพ้คดี ให้ราคาพื้นฐาน 4.37 บาทโดยบริษัทจะต้องกลับมาจ่ายค่าสัมปทาน 1 พันล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 44 ของรายได้ และจ่ายสัมปทานย้อนหลัง 1,490 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำให้นักลงทุน ชะลอการลงทุน ในหุ้น ITV จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการตัดสินการจ่ายค่าสัมปทานเพราะมีความเสี่ยงมาก โดยหากไอทีวีชนะคดีให้ราคาเหมาะสมที่ 14.1 บาท ส่วนกรณีแพ้คดีให้ราคาเหมาะสม 1.5 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาหุ้นและกำไรสุทธิของไอทีวีอยู่ในภาวะที่คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากยังรอความชัดเจนการตัดสินของศาลปกครอง โดยโอกาสที่ไอทีวีจะชนะอยู่ที่ 50:50 ความเสึ่ยงจึงสูงกว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ แนะนำให้ ถือ

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:45b7d09fb6">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com