April 30, 2024   1:29:38 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > STEC-ITDลิงโลด วันนี้ศูนย์ราชการเข้า
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 09/05/2006 @ 07:33:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ซิโน-ไทย ควงอิตาเลียนไทยจ่อเซ็นก่อสร้างศูนย์ราชการ มูลค่า 1.4 พันล้านบาทฟาดกำไร 7% และ 2% ตามลำดับ วันนี้วาระเข้าครม.เชื่อผ่านฉลุยหวั่นผู้รับเหมาขึ้นราคาก่อสร้าง

วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือครม.จะพิจารณาอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ โดยดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอวาระดังกล่าว

ทั้งนี้เชื่อว่าครม.จะมีมติให้ก่อสร้างศุนย์ราชการฯ เนื่องจากโครงการนี้ล่าช้ามาแล้วกว่า 2 เดือน นับจากประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างเมื่อ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา และหากปล่อยให้ล่าช้าออกไปอีกเกิน 31 พ.ค. บริษัทผู้ชนะจะสามารถขอเปลี่ยนแปลงราคาก่อสร้างได้ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

โดยการพิจารณาอนุมัติก่อสร้างศูนย์ราชการจะส่งผลดีกับหุ้นซิโนไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เพราะบริษัททั้ง 2 แห่งเป็นผู้ได้รับคัดเลือกให้ก่อสร้างโครงกาดังกล่าว
นายวิมล จันทร์จิราวุฒิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์หรือธพส.กล่าวว่าหลังโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพ ถนนแจ้งวัฒนะ มูลค่า 1.4 พันล้านบาทเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว หลังจากนั้นราว 3 วัน จะเซ็นสัญญากับ STEC จำนวน 3สัญญา และ ITD จำนวน 1 สัญญา รวมเป็น 4 สัญญา

ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อชำระค่าเช่าพื้นที่ในโครงการศูนย์ราชการฯ ตามสัญญาเช่าที่กรมธนารักษ์ทำไว้กับบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์จำกัด (ธพส.) เป็นระยะเวลา 30 ปี คือตั้งแต่ปี 2551-2581 วงเงิน 8.2 หมื่นล้านบาท
ถ้าครม.อนุมัติในการประชุมก็จะสามารถทำสัญญากับ 2 บริษัทได้ทันที โดยไม่เกิน 3-5 วันเพื่อเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ภายในปี 51นายวิมลกล่าว
ทั้งนี้คาดว่าบมจ. ซิโน-ไทย จะมีกำไรขั้นต้นประมาณ 5-7% จากมูลค่างาน 3 สัญญาในโครงการนี้ โดยราคาที่เสนอบริษัทได้คำนวณค่าวัสดุก่อสร้างสูงกว่าราคาปัจจุบัน 1-2%จากที่คาดว่าแนวโน้มราคาคอนกรีตจะปรับขึ้นเร็วๆ นี้ เนื่องจากงานนี้ไม่มีค่าK(เงินชดเชยจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการก่อสร้าง) ส่วนบมจ.อิตาเลียนไทย คาดว่าจะมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)จากโครงการนี้ประมาณ 2% เนื่องจากไม่มีค่า K

สำหรับบริษัทซิโน-ไทย เป็นผู้ชนะการประมูลงานก่อสร้างอาคาร A อาคารจอดรถ AและลานรอบอาคารA ในราคา 3,395 ล้านบาท บมจ.อิตาเลียนไทย เป็นผู้ชนะการประมูลงานก่อสร้างอาคาร B พร้อมลานรอบอาคาร B ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงที่สุดจากที่เปิดประมูลทั้งสิ้น 4 โครงการ ในราคา 6,877 ล้านบาท โดยมีธนาคารพาณิชย์การันตีการก่อสร้างของโครงการศูนย์ราชการให้กับบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น และบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ อาทิ แบงก์ทหารไทย และธนาคารกสิกรไทย

โดยธพส.ยัง.มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีก 2 งวดที่เหลือ ในราวไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ปีนี้วงเงิน 8.2 พันล้านบาท อายุ 15-20 ปี และอีกงวดในไตรมาสที่ 4 ปีหน้า ออกหุ้นกู้วงเงิน 5.5 พันล้านบาท อายุ 18 ปี เพื่อนำมาก่อสร้างโครงการที่เหลือทั้ง 29 หน่วยงานโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาดอกเบี้ยให้รัฐมีต้นทุนที่น้อยที่สุด

สำหรับโครงการศูนย์ราชการ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 297 ไร่ ในที่ราชพัสดุ ถนนแจ้งวัฒนะเป็นที่ตั้งของ 29 หน่วยงาน รวมพื้นก่อสร้างอาคารรวม 9.5 แสนตารางเมตร งบก่อสร้างโครงการทั้งสิ้น 1.9 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่ใช้สอย 4.84 แสนตารางเมตรพื้นที่ใช้งานร่วม ห้องประชุม ห้องอาหาร 4.9 หมื่นตารางเมตร พื้นที่ธุรกิจ ร้านค้า นันทนการและห้องพัก 2.7 หมื่นตารางเมตร และพื้นที่จอดรถรองรับได้ 1 หมื่นคัน

ดร.ทนง พิทยะ รักษาการรมว.คลัง กล่าวว่าโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการแห่งใหม่ไม่ถือว่าเป็นภาระต่อหนี้สาธารณะตามกฎหมายไทยแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้การระดมทุนจากระบบสถาบันการเงิน โดยวิธีการซีเคียวริไทเซชั่นหรือการแปลงหลักทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่ดำเนินการ
โดยเอสพีวีที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) แต่หากพิจารณาตามกรอบของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แล้วไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าจะนับเป็นหนี้สาธารณะหรือไม่ เพราะตามกรอบไอเอ็มเอฟได้กำหนดกรอบการเป็นหนี้สาธารณะค่อนข้างกว้าง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้หารือกับอัยการสูงสุดแล้วไม่ถือว่าโครงการศูนย์ราชการแห่งใหม่จะสร้างภาระให้กับหนี้สาธารณะแต่อย่างใดตามกฎหมายหนี้สาธารณะของไทย อย่างไรก็ตามโครงการศูนย์ราชการแห่งใหม่ มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่น้อยมากหากเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่น ๆ จึงไม่ถือว่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนของเอกชนอื่นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เกิดจากความไม่แน่ใจขณะนี้

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:307a043ecf">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com