May 4, 2024   7:45:56 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > TOPปันผล3.50บาท
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 14/03/2006 @ 07:43:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ไทยออยล์ ประกาศจ่ายเงินปันผล 3.50 บาทต่อหุ้น จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทในเครือทั้ง 5 บริษัท เผยแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ดีต่อเนื่อง เพราะความต้องการปิโตรเคมีและธุรกิจพลังงานยังขยายตัว พร้อมเดินหน้าประมูลผลิตไฟฟ้า (ไอพีพี)รอบใหม่ 730 เมกะวัตต์ มั่นใจแข่งขันค่าไฟฟ้าได้ เพราะต้นทุนต่ำ[/color:556c2890fd">

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทในเครือในปี 2548 มีรายได้จากการขาย 249,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปี 2547 (184,801 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิในปี 2548 จำนวน 18,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,680 ล้านบาท หรือร้อยละ 24 จากปี 2547 (15,073 ล้านบาท) ส่วน EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และรายจ่ายตัดบัญชี) ของบริษัทและบริษัทในเครือเพิ่มขึ้น 3,509 ล้านบาท หรือร้อยละ 14 จากปี 2547 (25,494 ล้านบาท)

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจของบริษัท ซึ่งสนับสนุนโดยกำลังการผลิตในภูมิภาคที่ยังมีอยู่จำกัด รวมทั้งผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทในเครือทั้ง 5 บริษัท ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทและบริษัทในเครือดีขึ้น โดยเฉพาะผลประกอบการจาก บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงขึ้นหลังจากเปลี่ยนสารเร่งปฏิกิริยาตั้งแต่ต้นปี 2548 ประกอบกับราคาของสารพาราไซลีน (PX) ปรับตัวสูงขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีน ในขณะที่ บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) (TLB) มีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปีปัจจุบัน จากการที่ผลต่างของราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและน้ำมันเตา ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยที่อุปทานน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานในภูมิภาคยังอยู่ในภาวะตึงตัว

โดย จากผลประกอบการดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเห็นชอบให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 เพื่อขออนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 30 มีนาคม 2549 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม โดยจะได้ขออนุมัติในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2548 ซึ่งกำหนดจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2549

กรรมการอำนวยการ บมจ.ไทยออยล์ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจน้ำมัน คาดว่าความต้องการน้ำมันดิบตลาดโลกจะขยายตัวในระดับ 1.8-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนความต้องการน้ำมันในภูมิภาคนี้คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่ากำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการใช้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นในภูมิภาคจะคงอยู่ในระดับสูง และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นในประเทศแถบตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับปี 2548 เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบสำรองและกำลังการกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปสำรองมีน้อย ประกอบกับการขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้าง ทำให้การสร้างโรงกลั่นใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอาจไม่ทันที่จะรองรับความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปของภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุปสงค์จากประเทศจีน รวมทั้งปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงมีผลต่อราคาน้ำมันเป็นระยะๆ ตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์


สำหรับภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าอุปสงค์ของสารพาราไซลีน (PX) ในภูมิภาคจะเติบโตประมาณ ร้อยละ 6 โดยส่วนใหญ่เป็นความต้องการจากจีนและภายในประเทศ ในขณะที่กำลังการผลิต PX ก็จะเติบโตเพียงร้อยละ 2 และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะคงอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 85 ซึ่งจะทำให้ กำไรต่อหน่วยคงไม่ลดต่ำลงเช่นในอดีต และคาดว่าในปี 2550 คาดว่าประเทศไทยจะต้องนำเข้า PX กว่า 400,000 ตันต่อปี จากการเริ่มดำเนินการผลิตของโรงงานผลิต PTA ของบริษัท TUNTEX, SMPC และอินโดรามา
ด้านภาพรวมของธุรกิจการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน คาดว่าความต้องการน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้นในจีนและอินเดีย ส่วนกำลังการผลิตอยู่ในภาวะตึงตัวจากการปิดตัวของโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานบางแห่งในเอเชีย รวมทั้งการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น จำนวน 6 แห่ง ในญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และไทยในปีนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานยังคงมีราคาอยู่ในระดับสูง

ส่วนภาพรวมธุรกิจการผลิตไฟฟ้า บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) เริ่มเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเต็มกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ แต่ในไตรมาสที่ 3 ในต้นปี 2549 หม้อแปลงไฟฟ้าตัวหนึ่งเกิดการขัดข้อง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลงครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี IPT ได้จัดให้ประกันความเสียหายทั้งในส่วนทรัพย์สินและความเสียหายจากการขาดรายได้ไว้แล้ว จึงทำให้ IPT ได้รับค่าชดเชยความเสียหายดังกล่าว โดยคาดว่าได้รับผลกระทบเพียงบางส่วน ประมาณ 260 ล้านบาท ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทเพียง 62 ล้านบาท เท่านั้น คาดว่าโรงไฟฟ้า IPT จะสามารถกลับมาเดินเครื่องเต็มที่ได้อีกครั้งประมาณเดือน กันยายน 2549

ส่วนการประมูลการผลิตไฟฟ้า (ไอพีพี) รอบใหม่ ไทยออยล์ก็มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 730 เมกะวัตต์ ได้จัดเตรียมที่ดินกว่า 90 ไร่ ซึ่งเพียงพอสำหรับสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 700 MW อีก 2 โรง ในอนาคต ซึ่งบริษัทมีข้อได้เปรียบในด้านของระบบสาธารณูปโภคอื่น ได้แก่ ท่อส่งน้ำดิบ ท่อก๊าซธรรมชาติ และระบบเชื้อเพลิงสำรอง เพราะตั้งอยู่ใกล้โรงกลั่นทำให้มีต้นทุนถูกกว่า สำหรับความพร้อมในด้านสายส่งไฟฟ้า บริษัทมีเสาและสายส่ง 230 KV จำนวน 4 วงจร วงจรละ 800 MW (รวม 3200 MW) ต่อเชื่อมกับระบบไฟฟ้าของ กฟผ.ไว้พร้อมแล้ว นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า SPP ของไทยออยล์ยังสามารถเป็น Back up power และ Back start power ให้กับโรงไฟฟ้าใหม่ด้วย

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com