May 4, 2024   1:11:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "ปิคนิค" ไม่มีเจ้ามือ..มีแต่ "เจ้าหนี้"
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 12/03/2006 @ 11:37:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับตาภาคต่อ ตระกูลลาภวิสุทธิสิน หลังกลับเข้ามามีอำนาจในบริษัท ที่พร้อมจะพัดควันจางๆ ของ ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ให้คุกรุ่นลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง


น่าจับตาสำหรับความเคลื่อนไหว บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ที่วันนี้ดูเหมือนว่า ตัวจริง ตระกูลลาภวิสุทธิสิน จะหวนคืนบรรลังก์ เป็นทัพหน้าอีกครั้ง

หลังจากกระหน่ำทิ้งหุ้นตัวเองระหว่างปี 2547-2548 โกยเงินออกไปแล้วมากกว่า 2 พันล้านบาท ทั้งๆที่ ต้นทุนครั้งแรกที่ซื้อมาเพียงแค่หลัก ร้อยล้านบาท เท่านั้น

ขณะนี้เหลือเพียงเศษหุ้น ที่ทิ้งไว้ผ่าน ธีรัชชานนท์-สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน เพียง 7% พร้อมๆ กับราคาหุ้นที่ต่ำต้อย แทบจะติดพื้น

ล่าสุด พ.ต.ท.พงษ์เทพ ลาภวิสุทธิสิน และ วราวุฒิ ลาภวิสุทธิสิน พี่ใหญ่ในจำนวน 4 พี่น้อง (วราวุฒิ-สุริยา-สุภาพร-ธีรัชชานนท์) เพิ่งจะออกจากกลีบเมฆ เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการ และ กรรมการบริษัท บ่งบอกนัยสำคัญในการเคลื่อนทัพครั้งใหม่

มาพร้อมๆ กับแผนหาเงินเพิ่มทุน ก้อนใหม่ จำนวน 1,477.67 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท เพื่อนำเงินไป ต่อลมหายใจ ของบริษัท

เป้าหมายอยู่ที่ ผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ หากจัดสรรไม่ครบก็จะขายหุ้นให้นักลงทุนเฉพาะกลุ่ม และแนวทางสุดท้าย คือ แปลงหนี้เป็นทุนให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ เจ้าหนี้ ไม่ต้องการมากที่สุด

และน่าจะเลือกการ ฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นคำตอบสุดท้ายมากกว่า

โดยเฉพาะเจ้าหนี้ ตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) จำนวน 510 ล้านบาท ที่ ปิคนิค ผิดนัดชำระหนี้ จนกระทั่งถูกกองทุน 2 จาก 3 แห่งฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วบางส่วน

ตามแผนถ้าเพิ่มทุนสำเร็จ บริษัทจะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและวิศวกรรม ประมาณ 20% (295 ล้านบาท) ชำระหนี้ประมาณ 65% (960 ล้านบาท) และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 15% (220 ล้านบาท)

ณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท กล่าวว่า หนี้ระยะสั้นส่วนเกินจำนวน 1,725 ล้านบาท หากบริษัท เคลียร์หนี้ได้หมดภาพของปิคนิค น่าจะดีขึ้น โดยจะนำเงินเพิ่มทุนมาชำระหนี้บางส่วน และกำลังเจรจากับธนาคารเพื่อปรับเป็นหนี้ระยะยาว

ทว่าในที่สุดที่ประชุมเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 กลับผ่าตัดโครงสร้างการใช้เงิน ลดจำนวนเงินชำระหนี้ลงมาเหลือ 500 ล้านบาท และหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนฟื้นชีพ ปิคนิค มากขึ้นเป็น 500 ล้านบาท โดยประกาศขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและวิศวกรรม ทั้งการซื้อหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทนอกตลาด ส่วนเงินทุนหมุนเวียนก็กันไว้มากถึง 477 ล้านบาท

เห็นได้ชัดว่าแม้ ปิคนิค ในเวลานี้จะไม่มี เจ้ามือ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวจริง แต่ ตระกูลลาภวิสุทธิสิน กลับพยายามใช้กลยุทธ์เดิมๆ เร่ง เติมฟืน ใส่ กองไฟ คือ การรุกลงทุนทั้งๆที่ตัวเองกระเป๋าฉีก ทำให้ยากยิ่งในการตรวจสอบเส้นทางการใช้เงิน

และเล่นสงคราม กระพือข่าว ได้อย่างสะดวก

คำถาม ก็คือ การกลับมามีอำนาจของ ตระกูลลาภวิสุทธิสิน ครั้งนี้ และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการใช้เงินเพิ่มทุน หมายถึงการเตรียมตัว จุดพลุ หุ้น PICNI อีกระลอกหรือไม่

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นี่คือ วิธีคิดที่หาญกล้ามาก

ถ้าจะเป็นไปได้ มีเพียงกรณีเดียว หากต้องการจุดพลุหุ้น กลุ่มลาภวิสุทธิสิน และ พรรคพวก จะต้องกลับเข้ามาเก็บหุ้น PICNI เพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นอีกครั้ง เพื่อกดให้ฟรีโฟลท หรือสภาพคล่องหุ้นต่ำลง

ทั้งนี้ให้โฟกัสไปที่การเพิ่มทุนจำนวน 1,477 ล้านบาท อาจจะอยู่ในลักษณะการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

แม้ตามมติจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมก่อนก็ตาม แต่เชื่อว่าจะไม่มีผู้ใช้สิทธิ คุณลองดูราคาหุ้นในกระดานวันนี้ต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนมาก ถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน (2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่) ในราคา 1 บาท ผมว่าซื้อตอนนี้เลยไม่ดีกว่าหรือ ถูกกว่าด้วย ซึ่งหุ้นเหล่านี้อาจจะถูกขาย PP ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผู้คร่ำหวอดในวงการหุ้นตั้งข้อสังเกตุ

สอดคล้องกับคำกล่าวของ เอ็มดี-ปิคนิค ที่บอก เมื่อถูกถามถึงโอกาสการขายหุ้นเพิ่มทุนว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในขั้นตอนเจรจากับกลุ่มที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงของบริษัทอยู่ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะจะผิดกฎตลาด ก่อนที่จะหันมาสรุปแบบตรงกันข้ามว่า ผู้ถือหุ้นรายเดิมจะใช้สิทธิเพิ่มทุนครบ

ผู้คร่ำหวอดในวงการหุ้นรายเดิม บอกว่า กลุ่มที่จะได้รับจัดสรรหุ้นก็น่าจะเป็นกลุ่มลาภวิสุทธิสิน หรือกลุ่มผู้ใกล้ชิด แม้ว่าราคาเพิ่มทุนจะสูงกว่าราคาตลาด แต่ถือว่าเป็นการซื้อยกล็อต ขณะที่ทิศทางสร้างสตอรี่ของบริษัทก็ได้เตรียมไว้แล้ว

เหตุผลพื้นฐานที่จูงใจให้ กลุ่มลาภวิสุทธิสิน กลับมาสู่ ปิคนิค อีกครั้ง ให้มองไปที่ มูลค่าทรัพย์สินทางบัญชีต่อหุ้น ของ ปิคนิค ที่วันนี้ยังคงสูงถึงหุ้นละ 3.36 บาท (แต่ผู้สอบบัญชีไม่รับรองงบการเงิน) ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันหล่นไปต่ำกว่า 1 บาท ที่สำคัญช่วงที่ผ่านมากลุ่มนี้ก็ได้รับเงินที่ขายหุ้นออกไปมาก

ขณะที่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปิคนิค ขาดทุนมากถึง 3,059 ล้านบาท จากปี 2547 ที่มีกำไร 234.94 ล้านบาท ทั้งนี้ครึ่งหนึ่งของผลขาดทุนนั้น ปิคนิคอ้างว่ามาจากการตั้งสำรองหนี้สูญไว้มากถึง 1,516 ล้านบาท

โดย ณัฐชัย ยอมรับว่า มาจากหนี้ของโรงบรรจุแก๊ส 18 แห่ง (ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลลาภวิสุทธิสิน) ขณะเดียวกัน บริษัทยังบันทึกผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายถังบรรจุก๊าซ 1,000 ล้านบาท

จิระศักดิ์ อวกาศจักรวาฬ ผู้อำนายการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ของบริษัท บอกว่า นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่กลุ่มลาภวิสุทธิสินกลับเข้ามา เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทิ้งบริษัท ซึ่งพนักงานในบริษัทต่างตื่นเต้น ถือเป็นขวัญกำลังใจในธุรกิจ

ขณะนี้ยังไม่ทราบจริงๆ ว่า กลุ่มลาภวิสุทธิสิน จะกลับมาซื้อหุ้นเพิ่มทุน (PP) อีกรอบหรือไม่ ซึ่งหากเป็นไปตามข่าวลือจริง ก็แสดงว่าดี ราคาหุ้นน่าจะวิ่งอีกรอบ

อย่างไรก็ตามเมื่อส่องดูนโยบายใช้เงินเพิ่มทุนใหม่ของ กลุ่มลาภวิสุทธิสิน ที่ต้องการลดสัดส่วนเงินที่จะนำไปชำระหนี้ และหันมาลงทุนแทน ก็น่าติดตามว่า ท้ายที่สุดบริษัทจะมีนโยบายชำระหนี้อย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ ตลาดหลักทรัพย์พยายามถามหามาโดยตลอด

ทั้งนี้หากดูเกมของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ที่พยายามไล่ซื้อบริษัทต่างๆ ล้วนให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนแท้จริงค่อนข้างต่ำมาก แต่กลับไป ปูด ที่ ราคาหุ้น มากกว่า

แต่วิธีการนี้ ถ้านักลงทุนเริ่ม รู้ทัน ก็ยากที่จะใช้ได้ผล เพราะปิคนิคในวันนี้บอบช้ำมากเกินจะเยียวยาด้วยวิธีการเก่าๆ คือ สร้างข่าว..ปั้นราคาหุ้น อีกแล้ว

ใครที่ใกล้ชิดกับ กลุ่มลาภวิสุทธิสิน มาก...ก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก ไม่ว่าจะเป็น ราณี เอื้อทวีกุล ที่กอดหุ้น PICNI ไว้มากที่สุดถึง 110 ล้านหุ้น หรือ 3.72% ดร.ปราณี เผอิญโชค ที่ถือหุ้น ในสัดส่วน 1.44%

ขณะที่กลุ่ม เทพสุทิน รักศรีอักษร และ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ทิ้งหุ้นออกไปกันหมดแล้ว

ขณะเดียวกันหุ้น PICNI ในสายตาของนักลงทุนก็มองว่าเป็นหุ้นที่ตายแล้ว กล่าวคือ จะไล่ขึ้นไปซักกี่รอบ ก็ไม่มีรายย่อยตามมากนัก

การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของ ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จึงต้องส่องให้ลึกมากกว่าเดิม โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของ กลุ่มลาภวิสุทธิสิน ที่กลับเข้ามาว่าโปร่งใส่แค่ไหน..ก่อนจะซ้ำรอยอดีต!!!

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ[/color:b9df10178a">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com