May 4, 2024   10:44:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นmai ปี48ขาดทุนเกินครึ่ง GFMพอชูโรงเด่นสุด
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 09/03/2006 @ 05:05:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

งบการเงิน 35 บจ.ตลาด mai ชักร่อแร่ปี48 ขาดทุนกว่า 54%แม้ตัวเลขรายได้โดยรวมโตขึ้นกว่า 22% ขณะที่ GFM ช่วยกู้หน้าโชว์กำไรโดดเด่นสุด[/color:397bf38c85">


นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงาน ปี 2549 ว่า ยังเป็นไปตามแผนธุรกิจและเป้าหมายเดิม ที่นายวิเชฐตันติวานิช ประธานที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ได้วางแนวทางไว้ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือการเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสอบถามและศึกษาถึงแผนธุรกิจของแต่ละบริษัท เพื่อร่วมกันส่งเสริม และผลักดันการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิสูงสุด ขณะเดียวกันก็เน้นการให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนเพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)มากขึ้นด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี2548 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 35 บริษัท นำส่งงบการเงินประจำปี 2548 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม2548 พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 1,214 ล้านบาท
ทั้งนี้มีบริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิ 16 บริษัท คิดเป็น 46 % และขาดทุนสุทธิ19 บริษัทคิดเป็น 54%โดยสามารถทำยอดขายโดยรวมกว่า 23,495 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 19,207 ล้านบาทคิดเป็น 22%
บริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่นปี 2548 ได้แก่ บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอร์ส(GFM) มีกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท มียอดขาย 1,092.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 157.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.86% เนื่องจากบริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 78.66 ล้านบาท เพราะบริษัทมีการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและมีการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง
โดยบมจ. อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) มีกำไรสุทธิ 60.82 ล้านบาทเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิปี 2547 จำนวน 40.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.92 % เนื่องจากสามารถขยายตลาดในธุรกิจจัดจำหน่ายทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากโครงการสนามบินสุวรรณภูมิทั้งนี้ ILINK เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการโตอย่างต่อเนื่องโดยปี 2546 บริษัทมีกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท

นายชนิตร กล่าวต่อว่า บริษัทจดทะเบียนจะทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในภาคการผลิตนั้นมีกำไรลดลง โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากต้นทุนขายที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นผลจากการผันผวนของราคาวัตถุดิบในการผลิต อาทิ ต้นทุนทองแดง ตะกั่ว พลาสติกและเม็ด พลาสติก เป็นต้น

หากมองแง่อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) จะเห็นว่า แม้โดยรวมบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรลดลง แต่เงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายค่อนข้างเป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ หากคิดเฉพาะเงินปันผลที่จ่ายงวดนี้ โดยไม่คิดรวมปันผลระหว่างกาล อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์(mai)จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 สำหรับภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) นั้น ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 15,450 ล้านบาท

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:397bf38c85">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com