May 4, 2024   4:39:59 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > GSTEEL-NSM เด่นสุดหุ้นกลุ่มเหล็กรีดร้อน
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 08/03/2006 @ 08:52:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ชี้ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวแล้วหลังเจอวิกฤตเมื่อปีก่อน จีสตีลโกยกำไรเพียงรายเดียว สวนทางกับผู้ประกอบการรายอื่นขาดทุนยับ โบรกแนะลงทุนระยะยาว มั่นใจเห็นผลกลางปีนี้[/color:2572d0e038">

จากปัจจุบันสถานการณ์ราคาเหล็กเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่ปีก่อนเจอปัญหาวิกฤตราคาต่ำที่สุดในรอบหลายปีส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการหลายราย แต่ยังมีผู้ประกอบการเหล็กต้นน้ำอย่างบริษัท จีสตีล จำกัด(มหาชน)หรือ GSTEEL ที่บริษัทยังโชว์ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและมีกำไรเพียงรายเดียวสวนทางกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ประสบปัญหาขาดทุน

ทั้งนี้ GSTEEL มีการบริหารสต๊อคสินค้าที่ดีทำให้บริษัทสามารถผ่านวิกฤตดังกล่าวได้อย่างไรก็ดี GSTEEL เป็นผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนที่มีคุณภาพสูงและมีกำไรมาก

โดยทิศทางราคาเหล็กปี 2549 เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และยังมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นได้โดยมีสาเหตุจากต้นทุนการผลิตทั้งสินแร่และค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาลงไปได้อีก อีกทั้งนโยบายการควบคุมการผลิต และการส่งออกของรัฐบาลจีนและการกลับมาสั่งซื้อของลูกค้าหลังจากสินค้าในสต๊อคน้อยลง

ล่าสุดราคาเหล็กตลาดอาเซียนได้เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-30 เหรียญต่อตัน เป็น 390-400 เหรียญต่อตัน ทั้งนี้เสถียรภาพของราคาจะส่งผลดีต่อการบริหารส่วนต่างราคาเหล็กและส่งผลดีต่อกำไรปี 2549

ขณะที่บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSM ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหล็กอีกรายที่ในปี 2548 ประสบปัญหาขาดทุนจากความผันผวนของราคาเหล็ก อย่างไรก็ดีเชื่อว่าในปีนี้ NSM จะฟื้นตัวกลับมามีกำไรอีกครั้ง

ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การลงทุนหุ้นดังกล่าวคงต้องใช้เวลาเพราะเนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวดังนั้นในระยะแรกผลการดำเนินงานอาจไม่โดดเด่นแต่จะเห็นผลในช่วงกลางปีมากกว่า อย่างไรก็ดี มองว่าหุ้นดังกล่าวยังคงน่าลงทุนเพราะสถานการณ์ราคาเหล็กเริ่มคลี่คลาย ดังนั้นให้ราคาเหมาะสมของ GSTEEL ที่ระดับ 1.96 บาทต่อหุ้นและ NSM ที่ระดับ 1 บาทต่อหุ้น

ก่อนหน้านั้นนายวุฒิชัย เศรษฐบุตร ผู้จัดการแผนกวางแผนธุรกิจ บริษัท จี สตีล จำกัด(มหาชน) หรือ GSTEEL เปิดเผยกับ ข่าวหุ้นธุรกิจ ว่า ในปี 2549 บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5-10% จากปี 2548 ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการผลิตเหล็กคุณภาพสูงซึ่งมีอัตรากำไรดีกว่าเหล็กทั่วไปประมาณ 10-15% ล่าสุดสถานการณ์ราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับ 400-450 เหรียญสหรัฐต่อตัน

นอกจากนั้น บริษัทกำลังขยายการผลิตสินค้าเหล็กปรับปรุงคุณภาพผิวมีกำลังการผลิต 500,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 3/2549 โดยเริ่มรับรู้รายในไตรมาส 4/2549 และสินค้าเหล็กกัดกดชุบน้ำมันมีกำลังการผลิต 900,000-1,000,000 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2549 โดยเริ่มรู้รายได้ในไตรมาส 1/2550 ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีกำไรสูงกว่าเหล็กประเภทอื่นๆ

ขณะที่ในอนาคตมีโครงการขยายคอขวดเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 1.8 ล้านตันต่อปี เป็น 3.4 ล้านตันต่อปี ดังนั้น จะทำให้ในปี 2551 มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2เท่า จากปี 2548 โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการผลิตไว้ที่ระดับ 1.25 ล้านตัน

ที่มา ข่าวหุ้น[/color:2572d0e038">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com