????
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238 |  วันที่: 03/03/2006 @ 08:34:18 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ผู้บริหารกิมเอ็งแห่ขายหุ้นทิ้ง รวม 1.4 ล้านหุ้น มูลค่า 37 ล้านบาท อ้างเหตุการเมืองไม่แน่นอนและส่อแววยืดเยื้อนาน ตัดใจขายออกบางส่วนเพื่อความปลอดภัย ยันไม่ได้ขายเพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยน เพราะแผนการดำเนินงานและผู้บริหารยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เชื่อไม่กระทบความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้นรายย่อย เพราะเป็นความคิดส่วนตัว[/color:bf2ab3b9b7">
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์(บล.)กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST ได้แจ้งในแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ของผู้บริหาร(แบบ59-2)วานนี้(2 มี.ค.) ว่า ได้ขายหุ้น บล.กิมเอ็งออกมาจำนวน 600,000 หุ้น โดยขายที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 25.67 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 15.4 ล้านบาท ซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวเป็นการขายออกมาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549
อย่างไรก็ตามในส่วนของนายมนตรี ได้ทยอยขายหุ้น KEST ออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยมีการขายหุ้นออกมาแล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,066,700 หุ้น
นอกจากนี้จากการสำรวจพบว่า นอกจาก นายมนตรี แล้ววานนี้ยังมีพนักงานระดับผู้บริหารของ บล.กิมเอ็งได้รายงานการขายหุ้นออกมาด้วย ได้แก่ นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์กรรมการผู้จัดการ บล.กิมเอ็ง โดยขายออกมาจำนวน 201,100 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 26.25 บาท คิดเป็นมูลค่า 5.27 ล้านบาท , นายสิทธิพร ศรกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบล.กิมเอ็ง ขายออกมาจำนวน 50,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 24.00 บาท คิดเป็นมูลค่า 1.2 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนายภูษิต แก้วมงคลศรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บล.กิมเอ็ง ก็ขายหุ้นออกมา 2 ล๊อต โดยล๊อตแรกขายออกมาจำนวน 400,000 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 25.56 บาท คิดเป็นมูลค่า 10.2 ล้านบาท และอีกล๊อตขายจำนวน 200,000 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 25.75 บาท คิดเป็นมูลค่า 5.15 ล้านบาท รวมทั้ง 2 ล๊อตคิดเป็นมูลค่ากว่า15.3 ล้านบาท และถ้ารวมการขายหุ้นของผู้บริหาร บล.กิมเอ็ง ทั้งหมดพบว่ามีการขายหุ้นออกมาทั้งหมด 1,451,100 หุ้น คิดเป็นจำนวนมูลค่ารวม 37.17 ล้านบาท
ด้านนายมนตรี กล่าวว่า สาเหตุการขายหุ้นออกมาครั้งนี้ว่า เป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูง และโดยส่วนตัวก็กังวลว่าปัญหาดังกล่าวจะมีความยืดเยื้อ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงตัดสินใจขายหุ้นออกมาบางส่วน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการติดสินใจขายหุ้นรอบนี้ไม่ใช่เป็นเพราะมองว่าพื้นฐานของทางบริษัทเปลี่ยนไป เพราะแผนการดำเนินงานของบริษัทฯทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รวมทั้งโครงสร้างผู้บริหารก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้โดยส่วนตัวก็ยังมีหุ้นเหลือถืออยู่อีกจำนวน 5.5 แสนหุ้น ไม่รวมกับหุ้นที่เสนอขายให้กับพนักงาน(อีสป) อีก 6.25 แสนหุ้น
เชื่อว่าการขายหุ้นออกมาครั้งนี้จะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะเป็นความคิดส่วนตัวที่ไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมือง แต่ผมก็ยังถือหุ้น KEST อยู่ ซึ่งตัวนักลงทุนเองต้องระมัดระวังการลงทุนเพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอนนายมนตรีกล่าว
ด้านนางบุญพร กล่าวว่า สาเหตุที่ขายหุ้น KEST ออกมาเพราะไม่ค่อยมั่นใจสถานการณ์ทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้มองว่าหากมีการยุบสภาปัญหาการเมืองจะคลี่คลายลงแต่ปรากฏว่าฝ่ายค้านออกมาคว่ำบาตทำให้การเมืองทำท่ายืดเยื้ออกไป ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นซึมลง ทำให้จำเป็นต้องขายออกมาบางส่วน
อย่างไรก็ตามหุ้นที่ขายออกมาเป็นหุ้นส่วนน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ถือหุ้นอยู่ 700,000หุ้น เมื่อขายออกมา 200,000 หุ้น ทำให้ยังเหลือหุ้นอยู่อีกประมาณ 500,000 หุ้น ซึ่งยังไม่นับรวมวอร์แรนต์อีสปรอบสองที่ถืออยู่บางส่วน
ทั้งนี้เชื่อว่าการขายหุ้นครั้งนี้จะไม่ทำให้หุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง เพราะราคาหุ้นยังคงทรงตัวอยู่ในระดับ 26 บาท และขอยืนยันว่าการขายในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความไม่เชื่อมั่นในตัวบริษัทแต่อย่างใด
ที่มา ข่าวหุ้น[/color:bf2ab3b9b7">
|
