???? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,238 | วันที่: 27/02/2006 @ 20:18:02 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ตลาดหุ้นไทยไม่พ้นวิบากกรรม
แม้ทักษิณยอมปฏิรูปการเมือง
-ก้องเกียรติ จวกยับฝ่ายค้านเล่นการเมืองจัดหวั่นทำหุ้นพังอีกรอบ[/color:375d2d0f2a">
ก้องเกียรติ จวกยับฝ่ายค้านเล่นการเมืองมากเกินไป ไม่สนผลประโยชน์ชาติ หลังปฏิเสธร่วมประชุมปฏิรูปการเมืองตามคำเชิญหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พร้อมประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง 2 เม.ย.นี้ งานนี้ทำตลาดหุ้นพังอีกรอบ แถมหากยืดเยื้อหวั่นส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่างชาติ จากปัจจุบันที่ยังมองหุ้นไทยน่าลงทุน ประจวบเหมาะกับ บล.เกียรตินาคิน ชี้หุ้นขึ้นมา 2 วันกว่า 20 จุด เหนือความคาดหมาย อาจเกิดแรงขายทำกำไรให้แนวรับ 748-750 จุด
แม้ว่านายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะผ่าทางตันทางการเมืองด้วยการประกาศยุบสภาฯ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ แต่ความคุกรุ่นทางการเมืองดูเหมือนจะยังไม่คลี่คลายมากนัก เมื่อกลุ่มผู้คัดค้านรวมทั้งฝ่ายค้านเองยังไม่พอใจกับการยุบสภาฯ แต่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออก รวมทั้งต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปการเมือง ก่อนที่จะมีการเลือตั้งใหม่ เพราะต่างก็รู้ดีว่าหากมีการเลือกตั้ง ไทยรักไทย รวมทั้งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เองจะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง
ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เปิดเผยในการแถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่า พรรคไทยรักไทย ยินดีที่จะดำเนินการให้มีการประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง โดยแก้ปัญหาในส่วนของปัญหาที่เป็นอนาคตของชาติ และเพื่อให้โอกาสทุกพรรคการเมืองที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมีส่วนร่วมในการหารือเพื่อไม่ให้การปฏิรูปการเมืองถูกจำกัดเพียง 4 พรรคการเมืองและยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองมาโดยตลอด และต้องการให้มีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างกว้างขวาง เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกแก้ไขอย่างเหมาะสม และเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง
โดยเวลา 18.00 น. จะเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคในประเทศไทยที่จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมายหารือร่วมกันถึงแนวทางในการปฏิรูปการเมืองและการสรรหาบุคคล หรือคณะบุคคลที่เป็นกลางในการดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญ ณ ห้อง 309 อาคารวุฒิสภา (รัฐสภา) โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นพรรคการเมืองเล็กหรือใหญ่ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง
ในส่วนของมาตรา 313 ที่พรรคประชาธิปัตย์ มหาชน และชาติไทย ได้เสนอให้มีการตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลที่เป็นกลางเป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักไทยเห็นด้วยในหลักการ โดยอาจให้เป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญอย่างเมื่อพ.ศ. 2539 หรือเลือกกันเอง จากบุคคลที่มาจากหลากหลายสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้พรรคไทยรักไทย ยังเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองเสนอจุดยืนและแนวทางของตนในการปฏิรูปการเมืองไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือข้อเสนออื่นๆ ต่อประชาชน ขอให้ทำอย่างเป็นระบบและรูปธรรม เพื่อให้เป็นสัญญาประชาคม ว่า หากได้รับเลือกตั้งจะต้องปฏิบัติตามสัญญาประชาคม โดยในระหว่างนี้พรรคไทยรักไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในครรลองของระบอบประชาธิปไตยโดยเคร่งครัด เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองในปัจจุบัน
ท่าทีดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27 ก.พ.) โดยหลังจากที่มีการแสดงท่าทีออกมาจากหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เริ่มมีแรงซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่เข้ามาทันทีในช่วงบ่ายของการซื้อขาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก ทั้งๆที่ช่วงเช้าอาการยังร่อแร่อยู่ทั้งในแดนบวกและแดนลบ กระทั่งดัชนีปิดตลาดที่ 753.10 จุด เพิ่มขึ้น 11.30 จุด หรือ 1.52% มีมูลค่าการซื้อขาย 29,328.99 ล้านบาท
โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 304.43 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,721.94 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 5,026.36 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ
1.BBL ปิดที่ 120 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,494.21 ล้านบาท
2.SCB ปิดที่ 65 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,693.40 ล้านบาท
3.PTT ปิดที่ 252 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,289.14 ล้านบาท
4.TPI ปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,071.65 ล้านบาท
5.KTB ปิดที่ 12.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 999.66 ล้านบาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า การยื่นขอให้พรรคไทยรักไทยทำสัตยาบันแก้ไขรัฐธรรมนูญของอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะได้รับการตอบรับในทิศทางบวก และนำไปสู่การตกลงร่วมกันได้ด้วยดี ประกอบกับในวันนี้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้นในกลุ่มธนาคารกันอย่างหนาแน่น เพื่อรับข่าวการจ่ายปันผล จึงทำให้ดัชนีฯดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงดังกล่าว
ดัชนีฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ถือว่าเกินความคาดหมาย ที่ปรับขึ้นมาปิดที่ระดับ 753.10 จุด และมูลค่าการซื้อขายหาแน่นขึ้นด้วย มาอยู่ที่ กว่า 29,000 ลบ.โดยปัจจัยหลักๆ มาจากนักลงทุนมั่นใจว่าการทำสัตยาบันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะจบลงด้วยดีและการประกาศจ่ายปันผลของหุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งทำให้ดัชนีเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน นางวิริยากล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของดัชนีฯในวันนี้ยังต้องติดตามประเด็นการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประชุมร่วมกันระหว่างพรรคการเมืองเพื่อหาข้อสรุปประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสามารถตกลงกันได้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน รวมทั้งยังต้องติดตามดูการตอบรับของผู้ร่วมชุมนุมด้วยว่าพอใจกับผลการประชุมของพรรคการเมืองดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อดัชนีฯด้วยเช่นเดียวกัน
นางวิริยากล่าวอีก เนื่องจากดัชนีฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 2 วันทำการกว่า 20 จุด อาจจะทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาได้ โดยสัญญาณทางเทคนิคระบุว่าให้ระวังแนวต้านที่ระดับ 755-760 จุด ในขณะที่แนวรับอยู่ที่ระดับ 750-748 จุด
**ฝ่ายค้านตั้งแง่ไม่ร่วมประชุมตามคำเชิญ พร้อมประกาศคว่ำบาตรเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 3 พรรค ประกอบด้วย พรรคชาติไทย, พรรคมหาชน และพรรคประชาธิปัตย์ มีมติร่วมกันที่จะไม่เข้าร่วมประชุมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญ รวมทั้งจะไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.นี้ด้วย
นายกรัฐมนตรีเบี่ยงเบนข้อเสนอ สร้างความสับสน จัดฉาก จัดกระบวนการขึ้นมาทุกอย่าง เพื่อให้มาขึ้นกับตัวเองนายอภิสิทธิกล่าว
**ก้องเกียรติ จวกยับ เล่นการเมืองมากไป หวั่นยืดเยื้อนานกระทบความมั่นใจ
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส (ASP) และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางในการปฏิรูปการเมือง มองว่าเป็นการเล่นการเมืองมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ อีกทั้งยังมองว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามกติกาบ้านเมืองที่มีอยู่
ทั้งนี้ในระยะสั้นตลาดหุ้นน่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวบ้าง เพราะถือเป็นสัญญาณของความยืดเยื้อในปัญหาการเมือง แต่เท่าที่ตรวจสอบมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ ยังคงมองภาพตลาดหุ้นไทยดีอยู่ สังเกตจากวานนี้ที่ยังมียอดซื้อสุทธิกว่า 4 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อออกไป จนถึงจุดหนึ่งซึ่งทำให้คนเริ่มเบื่อ และกลไกทางกฎหมายทำงานไม่ได้ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติได้
มันเหมือนคุณเล่นฟุตบอล ที่กฎกติกามันมีอยู่ แล้วคุณบอกว่ากติกามันไม่ดี อยากให้มีการแก้ไข แต่พอจะแก้จริงๆ คุณก็บอกว่าไม่เอา ไม่ร่วมมือ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไร และมันเกิดอะไรขึ้น ทำอย่างนี้เป็นการเล่นการเมืองมากไป นายก้องเกียรติกล่าว
ที่มา efinancethai.com[/color:375d2d0f2a">
|