April 29, 2024   10:12:35 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ใกล้ถึงรอบ... "อสังหาริมทรัพย์-เช่าซื้อรถยนต์"
 

?????????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 103
วันที่: 19/11/2005 @ 17:02:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ฝ่ายวิจัยบล.ไทยพาณิชย์ ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นในปี 2549 ไม่สดใส แต่โบรกเกอร์แห่งนี้กลับมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้น ?กลุ่มอสังหาริมทรัพย์? และ ?กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ? สวนทางกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่กำลังเป็นขาขึ้น



?ก่อนหน้านั้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ซื้อบ้านได้ลดลงมาโดยตลอด แต่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสามารถทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งมีนัยสำคัญว่า ผู้ซื้อบ้านเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ ทั้งราคาน้ำมัน และ อัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีบ่งชี้ถึงรายได้ในอนาคตก็เริ่มปรับขึ้น จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้าน? ยุพเรศ ลิขิตแสนสุข นักวิเคราะห์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง บล.ไทยพาณิชย์ กล่าว

ฝ่ายวิจัยโบรกเกอร์แห่งนี้ ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นจากปัจจุบันที่ 6.5% ปรับขึ้นเป็น 7-8%ในปี 2549 เมื่อดอกเบี้ยขึ้นไม่มาก ผู้ซื้อจะสามารถคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย และอัตราการผ่อนชำระรายเดือนได้

เมื่อดอกเบี้ยขึ้น 1% จะทำให้คนผ่อนบ้านชำระค่างวดเพิ่มขึ้น 8% แต่คนก็ยังต้องการซื้อบ้านอยู่ แม้ภาพรวมผู้ซื้อบ้านจะลดลงราว 14% ก็ตาม

โดยฝ่ายวิจัยบล.ไทยพาณิชย์ มั่นใจว่า หุ้นอสังหาริมทรัพย์ จะดีขึ้นในปี 2549 และจะส่งผลดีต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

?จะเห็นว่า ยอดโครงการเปิดใหม่ (Presales) ช่วง 9-10 เดือนที่ผ่านมาได้ลดลง 30% แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯที่ได้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มจะเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะคนมั่นใจในตัวบริษัท และแบรนด์ จากการสำรวจยังพบว่า แบรนด์ของบ้านมีผลต่อการตัดสินใจซื้อถึง 75% จึงคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะสะท้อนผลกำไรที่ดีในปี 2549 และจะเห็นการปรับประมาณการราคาหุ้นขึ้นจากฝ่ายวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างๆ ตามมา?

ฝ่ายวิจัยบล.ไทยพาณิชย์ คาดว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH), ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ แอล.พี.เอ็น. (LPN)

เรามองว่า LH จะมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 13.4% และแบรนด์ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังทำให้ผู้ซื้อให้น้ำหนัก (Index Play) ในการตัดสินใจซื้อบ้านอีกด้วย?

ด้าน ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีจุดเด่นตรงที่มีสินทรัพย์ให้เช่า ทำให้มีรายได้ที่แน่นอนนอกจากนี้บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ซ่อนเร้นอยู่ (Hidden Asset) คิดเป็นมูลค่าราว 0.58 บาทต่อหุ้น รวมถึงกรณีการขายตึกควอลิตี้เฮ้าส์ ลุมพินี ให้แก่ บลจ.วรรณ ทำให้บริษัทมีกำไรราว 1.1 พันล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น ซึ่งมากกว่ากำไรปกติของแต่ละปี

ส่วน แอล.พี.เอ็น. ถือเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียม และในปัจจุบันมีงานก่อสร้างที่อยู่ในมือ 60-70% ครอบคลุมไปจนถึงปี 2549 ที่เหลืออีก 30% บริษัทจึงไม่น่าจะพลาดเป้าหมาย

นอกเหนือจากหุ้น 3 บริษัท ที่บล.ไทยพาณิชย์แนะนำ หุ้นกลุ่มรองที่อาจเลือกลงทุนได้ คือ เอเชี่ยน พร็อพเพอรตี้ (AP) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดบ้านทาวน์เฮ้าส์ในเมือง ที่เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Nich Market) ในปี 2549 ผลงานของบริษัทน่าจะดีขึ้น เนื่องจากมีงานในมืออยู่เป็นจำนวนมาก

?ในระยะสั้นมองว่า AP จะได้กำไรจากบริษัทลูกคือ บริษัท พรีบิวท์ ซึ่งกำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ราว 40% โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรราว 0.50 บาทต่อหุ้น แต่เชื่อว่าคงไม่ทำให้ราคาหุ้น AP ขึ้นมากนัก?

ไม่เพียงหุ้นกลุ่มอสังหาฯ จะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหุ้นในกลุ่ม ?สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์? ก็จะน่าสนใจ เพราะมีการแข่งขันในเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำน้อยลง และความต้องการสินเชื่อมีเสถียรภาพมากกว่ากลุ่มธนาคาร

โดยบริษัทในกลุ่มนี้ที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ SPL, NFS และ TISCO

?บง.ธนชาติ เป็นผู้นำตลาดในช่วง 2 ปี ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ราว 24% ที่ผ่านมาใช้กลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำในการแข่งขัน ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยของผู้ประกอบการรายอื่นลดลง ทั้งๆ ที่อัตราการเติบโตของสินเชื่อยังสูงถึง 20%? กิตติมา สัตยพันธ์ นักวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจการเงิน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าว

แต่ภายหลังอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ปรับขึ้น จะทำให้ บง.ธนชาติมีต้นทุนสูงขึ้น และต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น จะทำให้การแข่งขันเรื่องดอกเบี้ยต่ำในตลาดลดลง นี่คือ จุดพลิกผันของผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรายอื่นๆ

?เราเชื่อว่าในปี 2549 สยามพาณิชย์ลิสซิ่ง (SPL) จะมีอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 16% เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยดีขึ้นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ระยะยาว และดอกเบี้ยคงที่?

ในขณะที่โบรกเกอร์แห่งนี้ ยังได้ปรับมุมมองของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จาก บวก เป็น ปานกลาง เนื่องจากมองว่า อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจะทำให้การขยายตัวของสินเชื่อชะลอตัวลดลง

ส่วนมุมมองต่อตลาดหุ้นในปี 2549 นั้น ตลาดหุ้นจะมีแต่ ทรง กับ ทรุด เท่านั้น เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่มีสัญญาณที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการเปิดเสรีทางการค้า(FTA) ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ

ในปี 2548 ราคาหุ้นในตลาดถูกจริง แต่ตลาดหุ้นไทยในปี 2549 จะไม่ถูกแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยคาดว่าปีหน้ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตเพียง 4.4% ลดลงจากปี 2548 ที่ 9.1% และพี/อีเรโช ของตลาดจะทรงตัวอยู่ในระดับ 9-10 เท่า สุชีล นารูลา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ ในระยะสั้นยังมีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นได้แต่คาดว่าจะปิดได้ไม่เกิน 730 จุด ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 740-760 จุด

ผลการดำเนินงานงวด 6เดือนของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ 4 บริษัท สิ้นสุด 30 มิ.ย.2548

(ล้านบาท)

LH QH LPN AP

สินทรัพย์รวม 40,324.64 17,525.74 4,489.62 9,570.48

หนี้สินรวม 17,726.48 10,754.40 2,040.52 5,708.03

ส่วนของผู้ถือหุ้น 22,237.76 6,771.35 2,449.03 3,708.43

มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 8,221.14 6,263.85 1,327.02 2,271.80

รายได้รวม 11,193.44 5,451.55 1,476.30 2,475.17

กำไรสุทธิ 2,539.34 626.97 232.64 315.42

กำไรต่อหุ้น(บาท) 0.31 0.1 0.18 0.14[/color:35b7e11cec">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com