????????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 103 | วันที่: 12/11/2005 @ 07:20:42 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ฝ่ายวิจัยบล.บีฟิท ประเมินหุ้นกฟผ.ขายราคาไอพีโอที่ 28 บาท น่าจองซื้อ เพราะราคาเท่ากับ มูลค่าทางบัญชี และเป็นราคาที่ถูกกว่าหุ้นกลุ่มไฟฟ้าในตลาด แต่คาดว่าภายหลังเข้าเทรดจริง ราคาหุ้นอาจไม่ร้อนแรง เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องการปรับค่าเอฟที
กระแสความร้อนแรงของหุ้น บมจ. กฟผ. อยู่ในความสนใจของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
โดยจะเปิดให้ประชาชนจองซื้อขั้นต่ำจำนวน 400 หุ้น ในระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2548 นี้ ผ่านสาขาทั่วประเทศของ ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารทหารไทย และกำหนดวันเข้าซื้อขายประมาณวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548
แม้หุ้น กฟผ. จะเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจระดับ ท็อป ของประเทศ แต่นักวิเคราะห์ ก็มองว่า หุ้นตัวนี้ยังมี ความเสี่ยง ซ่อนเร้นอยู่
ความเสี่ยงยังมีอยู่ที่ค่า FT เพราะรายได้ของ กฟผ. จะขึ้นอยู่กับค่าเอฟที ซึ่งจะมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงทุกๆ 4 เดือน โดยคณะกรรมการพิจารณาค่าเอฟทีหลายฝ่าย และต้องคำนึงถึงผลกระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้า ทำให้บางช่วงรายได้จากค่าไฟฟ้าจะไม่คุ้มกับต้นทุน อย่างช่วงที่ผ่านมา ปตท. เป็นผู้แบกรับค่าเชื้อเพลิงไว้บางส่วน อนาคตจึงไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้แบกรับ และประมาณการได้ยากว่าจะมีรายได้จากค่าเอฟทีเท่าไร อนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าว
ขณะที่แนวโน้มการทำกำไรของ กฟผ. ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของปี 2548 ได้สร้างผลขาดทุนจากค่าเอฟที จึงคาดว่า กำไรสุทธิสิ้นปี 2548 อาจจะลดลงมาก หรือมีกำไรเพียงเล็กน้อย แต่ในปี 2549 เชื่อว่ากำไรจะฟื้นกลับมาสู่ระดับปกติอีกครั้ง
ช่วง 5เดือน 23 วัน สิ้นสุด 23 มิถุนายน 2548 กฟผ.มีผลขาดทุนแล้ว 8,997 ล้านบาท จึงเชื่อว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีกำไรไม่สูงประมาณ 7,000 ล้านบาท เทียบกับปี 2547 ที่มีกำไร 2.8 หมื่นล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท มองว่า ราคาหุ้นไอพีโอของ กฟผ. ที่กำหนดระหว่าง 25-28 บาท ใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีที่ 25-26 บาท ขณะที่หุ้น EGCOMP ซื้อขายกันที่ 1.2 เท่าของมูลค่าทางบัญชี ส่วนหุ้น RATCH ซื้อขายที่ 1.7เท่า จึงเป็นราคาที่ถูกกว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในตลาด และค่าพี/อี เรโช ก็ยังต่ำกว่าหุ้นไฟฟ้า และหุ้นกลุ่มพลังงานอีกด้วย
นายอนุพนธ์ กล่าวว่า ถ้าคิดจากประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2549 ค่าพี/อี เรโชของหุ้น กฟผ. จะต่ำเพียง 7.5 เท่า ขณะที่หุ้น RATCH และหุ้น EGCOMP จะอยู่ที่ประมาณ 8 เท่า ขณะที่กลุ่มพลังงานจะอยู่ที่ 8.7 เท่า และดัชนี SET50 จะอยู่ที่ 9 เท่า
เราคาดว่ากำไรของ กฟผ. ในปี 2549-2550 จะไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากยังไม่มีรายได้ใหม่ๆ เข้ามา แต่เชื่อว่าในช่วง 3 ปีหลังจากนั้น (2551-2553) เมื่อมีรายได้จากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่มีกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาปีละ 700 เมกะวัตต์จะช่วยดันรายได้เติบโตขึ้นอย่างมาก
เขากล่าวว่า การเติบโตของรายได้จากค่าเอฟที นักลงทุนไม่ควรคาดหวังว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามามาก เพราะการปรับขึ้นค่าเอฟทีแต่ละครั้งจะต้องนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชนก่อนเป็นหลัก
ดังนั้นความร้อนแรงของหุ้น กฟผ. หลังเข้าตลาดคาดว่าจะไม่ร้อนแรง หรือเทียบไม่ได้กับหุ้น ปตท. เนื่องจากโครงสร้างรายได้แตกต่างกัน แต่คาดว่า หุ้น กฟผ. จะมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น ปตท.
ความน่าลงทุนของหุ้น กฟผ. อยู่ที่ความสด ประกอบกับการตั้งราคาไอพีโอที่ต่ำ เพื่อทำให้นักลงทุนได้ส่วนลด หรือกำไรส่วนต่าง จึงมองว่าอนาคตของหุ้นตัวนี้ ราคาจะไม่หวือหวา จะเติบโตตามความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ แต่สิ่งสำคัญคือ การเติบโตของ กฟผ. จะต้องมีโรงไฟฟ้าแห่งใหม่มาสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า สรุปแล้วหุ้น กฟผ. ที่ราคา 28 บาท ก็ยังน่าจองซื้อ เพราะเชื่อว่าราคาในกระดานเมื่อเข้าตลาดวันแรก ไม่น่าจะต่ำกว่าราคาจอง และมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงกว่าราคาจองซื้อได้ถึง 10%
ส่วนอนาคตหลังเข้าตลาดหุ้นไปแล้วนั้น นายอนุพนธ์ มั่นใจว่า หุ้น กฟผ. จะมีส่วนทำให้ ดัชนีตลาดปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากหุ้น กฟผ. จะมีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจาก PTT และ ADVANC หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของหุ้นในกลุ่มพลังงาน
จากสถิติที่รวบรวมโดยฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท สรุปได้ว่า ส่วนใหญ่หุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแล้ว จะทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น จะเห็นได้จากการเข้าซื้อขายของหุ้น PTT และ TOP ทำให้ตลาดหุ้นดีขึ้น ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท ตั้งข้อสังเกต
สรุปข้อมูลการเงิน บมจ.กฟผ. ตั้งแต่ปี 2545-2548
รอบบัญชี สิ้นสุด 30 ก.ย. รอง 5 เดือน 23 วัน
2545 2546 2547 สิ้นสุด 23 มิ.ย.2548
(หน่วย: ล้านบาท)
รายได้รวม 207,892 232,106 269,262 123,515
กำไรขั้นต้น 41,608 50,503 52,332 5,396
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร7,553 9,543 12,858 9,955
กำไรจากการดำเนินงาน 40,188 42,327 38,622 (3,854)
กำไรสุทธิ 27,382 30,001 28,199 (8,997)
สินทรัพย์รวม 427,094 424,065 424,916 405,551
หนี้สินรวม 269,758 245,784 226,415 212,823
รวมส่วนทุน 145,831 165,377 183,684 175,751
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 11,505 12,904 14,817 16,977 [/color:96dbed8a1e">
|