May 20, 2024   8:57:23 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฝรั่งประเดิมซื้อสุทธิ-สถาบันซื้อเพิ่ม
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 01/11/2005 @ 21:54:48
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นไทยประเดิมเดือนพฤศจิกายนจุดเจ๋ง พุ่งกว่า 10 จุด แม้มูลค่าการซื้อขายไม่หนาแน่นมากนักพบฝรั่งเริ่มซื้อสุทธิเป็นครั้งแรก 114.25 ล้านบาทหลังขายสุทธิต่อเนื่องกว่า 1 เดือนด้วยมูลค่ากว่า 2
หมื่นล้านบาท ขณะที่กลุ่มสถาบันเริ่มซื้อหนักมือขึ้นถึงกว่า800 ลบ.ส่งผลวันนี้มูลค่าการซื้อขายดีดขึ้นทะลุ 1.3 หมื่นลบ.ด้านโบรกเกอร์ชี้ถือว่าหุ้นไทยเริ่มออกจากจุดต่ำสุดอีกครั้งแต่ถ้ายืนเหนือระดับ 702จุดได้จะมีแต่ขึ้นอย่างเดียวถึงสิ้นปีเพราะบรรยากาศการลบงทุนเริ่มดีขึ้นทั้งจากความชัดเจนของหุ้นกฟผ.และราคาน้ำมันที่เริ่มลดลง[/color:f4f478150b">

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงถึง 10.65 จุด อยู่ที่ระดับ 693.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย13,535.52 ล้านบาท โดยนักลงทุนกลุ่มสถาบันซื้อสุทธิ 825.54ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 114.25 ล้านบาทและนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 939.79 ล้านบาทหลังจากที่ก่อนหน้านี้ดัชนีฯได้เคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวกรอบแคบในขาลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน โดยดัชนีฯอยู่ที่ระดับ 727.09 จุดก่อนจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 682.62 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยลดลง 44.47 จุดหรือ 6.11%
ทั้งนี้ ดัชนีฯที่ปรับตัวลดลงดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องโดยพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31ตุลาคมนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปกว่า 20,600 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ซื้อสุทธิมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48-30 ก.ย.รวมเป็นเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงของดัชนีฯในวันนี้
จนทะลุแนวต้าน 686-687 มายืนเหนือระดับ 692 ได้ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการปรับทิศทางดัชนีฯเป็นขาขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน และเมื่อรวมกับการซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นของนักลงทุนกลุ่มสถาบันส่งผลให้ทิศทางขาขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีความชัดเจนมากขึ้นสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์หลายรายที่คาดการณ์ว่าภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปหลังจากมีหุ้นบมจ.กฟผ.เข้าทำการซื้อขายซึ่งจะจุดพลุให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักมากขึ้น

- กฟผ.ชัดเจนหนุนนลท.ลุยหุ้นรับข่าวดี
รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จ.นครสวรรค์ วันนี้ เปิดเผยว่า ครม.ได้พิจารณาแนวทางการกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปของบริษัทกฟผ. จำกัด (มหาชน)แล้วมีมติตามมติคณะกรรมการดำเนินงานการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพกฟผ. เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2548 ที่เห็นชอบแนวทางการกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปของบมจ.กฟผ.โดยจะให้สิทธิผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ของบมจ.กฟผ. โดยจะให้สิทธิผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศได้รับการจัดสรรหุ้นก่อนนักลงทุนทั่วไป
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แจ้งว่า บมจ.กฟผ.ระบุในแบบไฟลิ่งว่าได้กำหนดช่วงราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 25-28 บาทโดยช่วงราคาดังกล่าวได้กำหนดจากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นของบริษัทโดยใช้วิธีประเมินมูลค่าปัจจุบันสุทธิจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต(DCF : Discount Cash Flow)และวิธีกำหนดตามมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่สามารถอ้างอิงได้(Market Comparable) ประกอบกับการประเมินความต้องการจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศและจากการทดสอบตลาดเบื้องต้น
ทั้งนี้ ณ วันจองซื้อผู้จองซื้อรายย่อยต้องชำระเงินค่าจองซื้อที่ 28
บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเสนอขายเบื้องต้นสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นและมีสิทธิได้รับเงินส่วนต่างค่าจองซื้อหุ้นในกรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า 28 บาทต่อหุ้นโดยจะประกาศราคาสุดท้ายในวันที่ 18 พ.ย. 2548 โดยจะเปิดจองซื้อวันที่16-17พฤศจิกายนนี้
สำหรับความชัดเจนของการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดฯของ
กฟผ.ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเริ่มมั่นใจในการลงทุนและได้กลับเข้ามาลงทุนในหุ้นบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มหลักทรัพย์คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อขายหุ้นของกฟผ.ในครั้งนี้ โดยเฉพาะหุ้น โดยบล.ภัทร (PHATRA)ซึ่งเป็นทั้งอันเดอร์ไรท์และที่ปรึกษาทางการเงินของ กฟผ.ส่งผลให้ราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดย ณ เวลาปิดตลาด PHATRA ปรับตัวขึ้นปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 305.88 ล้านบาท

- ชี้ตัวเลขเศรษฐกิจดีช่วยหนุนทำหุ้นไทยยิ่งคึก
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคินกล่าวถึงภาวะดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้(1 พ.ย.)
ที่ปรับขึ้นว่า มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนกันยายนและไตรมาส 3/2548อยู่ในเกณฑ์ดีขณะที่แรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศเริ่มชะลอลงทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเข้าลงทุนกันอย่างคึกคัก
ดัชนีฯที่ค่อนข้างสดใส คาดว่าเป็นเพราะ 3ปัจจัยหลักคือแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศเริ่มมีแนวโน้มลดลงขณะที่ดัชนีฯเริ่มฟื้นตัวหลังที่ผ่านมาดัชนีฯปรับตัวลดลงมามากตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมรวมถึงข่าวดีวานนี้ที่แบงก์ชาติประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตทั้งส่งออก,นำเข้า,ดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด นางวิริยา กล่าว

- โบรกฯฟันธงยืนเหนือ 702 จุดได้จะไปโลด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเพกซ์ กล่าวว่า แรงซื้อวานนี้ (1 พ.ย.) เป็นแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน หลังจากที่ได้เริ่มซื้อสุทธิติดต่อติดต่อกันมา2-3 วันแล้วซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีฯยังคงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องจากนักลงทุนในประเทศยังคงไม่มีความเชื่อมั่นทำให้ในช่วงที่ผ่านมาโมเมนตัมของนักลงทุนในประเทศได้มีการขายสุทธิมาก
ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นคาดว่าเกิดจากตัวเลข GDP ไตรมาส3/48ของสหรัฐออกมาดีซึ่งก็คาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/48 ออกมาดี ซึ่งการที่ตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งประเทศไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นย่อมแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาทั้งนี้หากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มซื้อคืนและนักลงทุนในประเทศมีความเชื่อมั่นก็เชื่อว่าจะส่งผลให้ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ นายถนอมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี วานนี้ดัชนีฯตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราการเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือ จีดีพีในไตรมาส 3ของสหรัฐ ออกมาดี โดยอยู่ที่ระดับ 3.8 % ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนกันยายนและไตรมาส 3/2548อยู่ในระดับที่ดี
วันนี้ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นนั้นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ดัชนีฯสามารถผ่าน
676 จุดซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดได้ เพราะฉะนั้นจึงมองได้ว่า หากดัชนีฯสามารถผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่บริเวณ 702 จุดได้นั้นแล้วตลาดฯจะอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็ฒตัวซึ่งในขณะนี้ดัชนีฯกำลังฟื้นตัวในลักษณะแกว่งตัวขึ้น นายถนอมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้มีการชะลอการขายแต่ยังคงไม่มีการเข้าซื้อสุทธิเพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นซึ่งการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐญี่ปุ่นและไทยออกมาอยู่ในระดับที่ดีซึ่งก็จะทำให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ออกมาดีจึงส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาซื้อสุทธอีกครั้ง

- แนะเก็บหุ้นพื้นฐานดีรอตลาดคึก
นายถนอมศักดิ์กล่าวถึง ทิศทางการลงทุนในช่วงดัชนีฯเริ่มเป็นขาขึ้นว่า
แนะนำนักลงทุนระยะยาวสามารถเข้าลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีเช่น
BBL, SCIB, SHIN เป็นต้นส่วนนักลงทุนเก็งกำไรแนะนำหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ซึ่งจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของตลาดฯนอกจากนั้นยังแนะนำเก็งกำไรกลุ่มรับเหมาตามข่าวความชัดเจนเรื่องเมกะโปรเจ็กที่ออกมาเป็นระยะในช่วงนี้

ที่มา efinancethai.com[/color:f4f478150b">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com