*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุนสักเล็กน้อย (พอเป็นกระษัย) เพราะต้องการเอาเวลาที่มีอยู่ไปแส่หาเรื่องของชาวบ้านมากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องอารัมภบทอะไรมากมายกว่าที่เป็นอยู่ หลังเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า กรอบวิ่งของหุ้นเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ แถมหุ้นบางตัวเริ่มหมดสตอรี่ลงไปเฉย ๆ ส่งผลให้นักเล่นบางคนเริ่มออกอาการอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัดนะจะบอกให้

*เมื่อสถานการณ์ออกมาในโทนนี้เป็นส่วนใหญ่ “โมนิก้า” ย่อมเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ระดับ 1,722.21 จุด บวกไป 0.88 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.40 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างดี และไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะมีผู้รู้คอยให้คำแนะนำเรื่องต่าง ๆ มากพอแล้ว จึงไม่ขอทำตัวเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดินกับเขาหรอกนะจ๊ะ

*ส่วนเรื่องที่รู้แน่ ๆ และกลายเป็นงานถนัดของเดี๊ยนแล้วก็คือ ยุทธการ ลากไส้..อุ๊ย..สาวไส้ พวกตัวแสบในวงการตลาดหุ้นออกมาให้สังคมรับรู้พอหอมปากหอมคอ เพราะพวกผีห่าซาตานเหล่านั้นกำลังจะออกมาหลอกหลอนชาวหุ้นอีกรอบ และกำลังมีการปล่อยข่าวลือผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อเป็นการ ข่มขวัญ..อุ๊ย..สร้างขวัญ ให้กับแมงเม่าที่ติดหุ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้..สนุกแน่ ๆ เจ้าค่ะ

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องรีบสรุปให้แฟนคลับรับรู้ตั้งแต่หัววันมาจากผู้รู้หลายสำนักออกมาทำนายดวงของหุ้นที่ถูก SP 19 ตัว แต่ละตัวตกฟากในลักษณะ “ฤกษ์ดี” หรือ “ฤกษ์ร้าย” เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมีเวลาคิดสักนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป เพราะผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ค. มันหมายถึงเงินในกระเป๋าของแฟนคลับจะออกมาเป็นแบบไหนพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง 3 หุ้นเน่าที่มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็มองไม่เห็นทางพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาโลดแล่นได้อีกต่อไป เพราะตัวบริษัทเต็มไปด้วยปัญหามากมายก่ายกอง จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องทำการอเปหิจากตลาดหุ้น หลังให้โอกาสแก้ตัวมานานถึง 3 ปีเต็ม ๆ แต่ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ทำซากนะคะ

*คิดดูแล้วกัน ! IEC กับ LVT ไม่ได้ส่งงบการเงินเป็นเวลา 3 ปี เลยไม่มีใครรู้ชะตากรรมของบริษัทจะเป็นอย่างไร ? ก็สมควรแล้วที่จะไล่ไปฟื้นฟูกิจการนอกตลาด ขณะที่รายของ YNP มีการส่งงบให้ตรวจตลอด แต่ส่วนของทุนติดลบจนดิ้นไม่ออก ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่เกินจะเยียวยาให้กลับมาดีเหมือนเดิม จึงทำการเตะโด่งออกไปนอกตลาดเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจการกระหน่ำทิ้งแบบไม่คิดชีวิตสำหรับกรณีดังกล่าว มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากสุดแล้วเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นอีก 16 ตัวที่ทางการปลด SP ชั่วคราว ก็มีทั้งส่วนที่เป็น “ของดี” และ “ของไม่ดี” ปะปนกันไป “โมนิก้า” จึงขอเลือกพูดเฉพาะในส่วนที่มีพัฒนาการดีขึ้นเป็นหลัก เพราะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับแฟนคลับที่ติดหุ้นเหล่านี้อยู่ ซึ่งในแวดวงตลาดหุ้นมีการพูดถึงหุ้น 4 ตัวที่มีแนวโน้มกลับมาได้เทรดเต็มตัวในปีหน้า หลังสามารถเบ่งกำไรให้เห็นบ้างแล้ว และส่วนทุนหนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญไงล่ะค่ะ

*โดยหุ้นกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย BUI A5 PRO และ BLISS ซึ่งเป็นการเรียงลำดับหุ้นที่มีโอกาสกลับมาได้เร็วสุด และตัวที่เดี๊ยนสนใจมากในเที่ยวคือ A5 หลังผู้บริหารระดับสูงอย่าง “ศุภโชค ปัญจทรัพย์” ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” พร้อมกับเผยถึงความตั้งใจในการคัมแบ็กเที่ยวนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ “โมนิก้า” ถึงมองว่า ในเมื่อซีอีโอคนดังกล้าพูดขนาดนี้ บรรดากองเชียร์ก็เลยกล้าเชียร์กันยกใหญ่..อิอิอิ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้รู้ที่เป็นแม่ยกแต่ละตัวออกโรงกันเป็นแถว และรายที่มีการพูดถึงมากสุดก็คือ BUI ผ่านบททดสอบทุกเงื่อนไขอย่างสวยหรู และเป็นตัวเต็งที่จะมีการไล่ราคาเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนคัมแบ็กเต็มตัวในปีหน้า “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นต้องประเมินเหตุการณ์ด้วยตัวเอง แถมทุกครั้งที่เดี๊ยนได้ยินคำว่า ธุรกิจประกันภัยทีไร..รู้สึกเสียววาบลงหน้าท้องทุกทีเลยจ้า !

*สำหรับในรายของ PRO คงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และไม่มีอะไรหวือหวาให้ติดตามมากนัก เพราะธุรกิจกำจัดขยะโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่รายที่น่าเป็นห่วงมากสุดเที่ยวนี้กลายเป็น BLISS เพราะดันมีข่าวลือเกี่ยวกับนักเล่นก๊กก๊วนต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก บวกกับบริษัททำกำไรในแต่ละปีไม่เกิน 2 สตางค์ “โมนิก้า” เลยมองแวลูของหุ้นตัวนี้ไม่ออกจริง ๆ และมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้ราคากับหุ้นร้อนตัวนี้พะยะค่ะ