ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ก.พ.62 ปิดที่ 1,653.11 จุด ลดลง 5.60 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 50,123.15 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 276.61 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 183.50 บาท บวก 3.50 บาท, CPALL ปิด 76.50 บาท ลบ 1.75 บาท, PTT ปิด 49 บาท บวก 0.25 บาท, KBANK ปิด 202 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ EA ปิด 49.50 บาท ลบ 0.25 บาท

“วิวัฒน์ เตชะพูลผล” รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยเดือน ม.ค.ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งทิสโก้คาดว่าดัชนีจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.พ.

โดยมีปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้ง รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน แต่คาดว่าช่วงต้นเดือน ก.พ.ตลาดหุ้นไทยจะทรงตัวในระยะสั้น เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการเนื่องในวันหยุดตรุษจีน แต่ประเมินว่าหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นได้หลังจากนี้

เพราะหากพิจารณาจากสถิติ 8 ปีย้อนหลัง (ตรุษจีนปี 2554-61) พบว่า หลังพ้นช่วงตรุษจีนไปแล้วมีโอกาสถึง 60% ที่หุ้นไทยจะปรับขึ้นและกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจากข้อมูลพบการปรับขึ้นในระดับ 1% ในช่วง 2 สัปดาห์แรกนับตั้งแต่ตรุษจีน และปรับขึ้นที่ระดับ 2.4% ในช่วง 1 เดือน และปรับขึ้น 4.1% ในช่วง 2 เดือน

ดังนั้น ช่วงต้นเดือน ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนของตลาดหุ้นหลายแห่ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อสะสม โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยบวกข้างต้น และเป็นหุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี รวมถึงคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% ได้แก่ BBL, BTS, ERW, KTB, LPN, NYT, PLANB และ SCCC

ส่วนมุมมองหุ้นไทยครึ่งปีแรก ในเชิงเทคนิคประเมินว่าจะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้เดือน เม.ย.ที่ 1,700 จุด เพราะเป็นช่วงที่ตลาดรับรู้ข่าวการตั้งรัฐบาล ขณะที่บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศจ่ายปันผล และเงินต่างชาติเริ่มไหลเข้า จึงแนะให้ขายทำกำไรในช่วงเวลาดังกล่าว และรอดูตัวเลขกำไรบริษัทจดทะเบียนว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่

“ในเชิงเทคนิคดัชนีที่ 1,700 จุด เป็นจุดที่ผ่านยาก แต่ถ้ากำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีหลังออกมาดี มีโอกาสที่ดัชนีจะไปถึง 1,750– 1,850 จุดได้ช่วงปลายปี เพราะต่างชาติจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ซึ่งประเมินว่าจะซื้อราว 1 แสนล้านบาทในปีนี้ หลังจาก 6 ปีก่อนหน้าขายไปถึง 6.8 แสนล้านบาท.

อินเด็กซ์ 51