บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองทิศทางตลาดมีปัจจัยต้องติดตามคือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ และการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสัปดาห์หน้า ขณะที่คาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวกรอบแคบออกด้านข้าง แนะกลยุทธ์ลงทุน ระยะสั้นยังพอเลือกเล่นเก็งกำไรในหุ้นรายตัวได้ หากดัชนียังยืนเหนือระดับ 1,560 จุดได้แต่ภาพรวมตลาดยังไม่เห็นแรงซื้อหรือแรงขายที่ชัดเจน ด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวรับที่ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,575 จุด

ราคาหุ้น BA ร่วง ทำราคาต่ำสุดนับจากเข้าเทรด โดยลงมาต่ำสุดที่ 18.80 บาท ลบ 0.60 บาท ก่อนมาปิดที่ 18.90 บาท ลดลง 0.50 บาท บล.เออีซี ระบุ ว่า แม้ BA จะมีแผนเชิงรุกทั้งการเพิ่มความถี่ในเส้นทางการบินเดิม การเพิ่มเส้นทางการบินใหม่ การเพิ่มพันธมิตร การขยายฝูงบิน และการขยายสนามบิน แต่คาดว่าจะไม่สามารถเอาชนะผลกระทบของสงครามราคา ทั้งจากสายการบินคู่แข่งแบบ Long Haul และ Low Cost ซึ่งกดดันให้ BA ต้องลดราคาตามเพื่อรักษาปริมาณผู้โดยสาร

ดังนั้น จึงคงประมาณการเดิมคาดปี 60 และ ปี 61 BA มีกำไรสุทธิ 1,087 ล้านบาท และ 1,116 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราหดตัวของกำไรในช่วง 2 ปีนี้ เฉลี่ยปีละ 20.6% สะท้อนสงครามราคาและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทำให้ขาดความน่าสนใจลงทุน อีกทั้งราคาหุ้นมี Upside เพียง 4.1% จากราคาเป้าหมาย ที่ 20.2 บาท คงแนะแค่ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผล โดยคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 2.1%

บล.เอเชีย เวลท์ คาดสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นจะกลับมาถูกกดดันจาก เกาหลีเหนือได้ทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปตกลงในทะเลใกล้ญี่ปุ่น ขณะที่ยังมีปัญหาการเมืองภายในของสหรัฐฯ และจุดยืนของ“ทรัมป์”ที่แข็งกร้าวต่อพันธมิตรยุโรปในระหว่างการเยือน NATO EU และประชุม G-7 ดูไม่ค่อยดีกับการค้าและการเมือง

ส่วนปัจจัยในประเทศ คือ EEC จะเป็นจุดสนใจมากขึ้นจากการผลักดันของรัฐบาล มีเม็ดเงินลงทุนรวม 1.5 ล้านล้านบาท เป็นตัวขับเคลื่อนและเร่งเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ยั่งยืน มองหุ้น AMATA ได้อานิสงส์ แนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 20.90 บาท!!

อินเด็กซ์ 51