คนไทยแห่ซื้อทอง ดัน "ยอดนำเข้า" ทองคำไตรมาส 1/2560 กระฉูด 63.25 ตัน หลังราคาทรงตัว-ปรับตัวลดลงในบางช่วง ฟากผู้ค้าทองคาดไตรมาส 2 เทรนด์ "ส่งออก" มาแรง เพราะแม้ราคาจะผันผวนจากความกังวลขึ้นดอกเบี้ยเฟดเดือน มิ.ย. แต่ในท้ายที่สุดจะเด้งขึ้นหลังรับรู้ข่าว จนเอื้อต่อการขายทำกำไร พร้อมแนะ "ซื้อ" ช่วงราคาย่อมาที่บาทละ 19,500 บาท เพื่อหาจังหวะขาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการเปิดเผยตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกทองคำไตรมาส 1/2560 พบว่าการ "นำเข้า" ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคิดเป็นปริมาณสูงถึง 63.25 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าการนำเข้าทั้งสิ้น 8.75 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ระดับ 28.74 ตัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการนำเข้าทั้งสิ้น 3.91 หมื่นล้านบาท

ขณะที่สวนทางกับการ "ส่งออก" ทองคำในไตรมาส 1/2560 กลับลดลงอย่างมาก โดยอยู่ที่ 43.93 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6.01 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการส่งออกทั้งสิ้น 77.24 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9.82 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2560 นี้ ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,263 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือบาทละ 20,950 บาท และต่ำสุดที่ 1,145 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือบาทละ 20,500 บาท

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่ยอด "นำเข้า" พุ่งสูงช่วงไตรมาสแรกนั้นเป็นเพราะราคาทองคำไม่ได้แกว่งตัวในระดับสูงมาก และบางช่วงปรับตัวลดลงต่ำ จึงทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันมาสะสมทองในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2/2560 ประเมินว่าการ "ส่งออก" ทองคำจะมากขึ้น ซึ่งหมายถึงแรงขายทองของประชาชนในประเทศนั้น จะเริ่มมีโอกาสเกิดสูงขึ้น ตามแนวโน้มของราคาทองคำที่อยู่ในเชิงบวก

โดยแม้จะมีปัจจัยลบจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในการประชุมเดือน มิ.ย. ซึ่งจะทำให้ราคาทองมีโอกาสย่อตัวลงมา แต่ในท้ายที่สุดเชื่อว่าราคาทองจะเด้งขึ้น จนทำให้เกิด "แรงขายทำกำไร" เห็นได้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งหลังสุดของเฟด (ธ.ค. 2558, ธ.ค. 2559 และ มี.ค. 2560) ซึ่งพบว่าแม้ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงล่วงหน้า เพื่อตอบรับการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟด แต่หลังจากนั้นราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นหลังการประชุมสิ้นสุด

"สัญญาณการลงทุนทองคำในด้านอื่นถือว่าดีเช่น ในส่วนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนทองคำขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จะพบได้ว่า ในปีนี้มีการเพิ่มการถือครองทองคำอีกถึง 28.54 ตันจากระดับ 822.17 ตัน (ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2559) หรือเรียกได้ว่า SPDR ยังมีสถานะซื้อสุทธิทองคำอยู่ ดังนั้นหมายความว่าแนวโน้มการลงทุนทองในปีนี้ยังดีอยู่ และมีโอกาสปรับตัวขึ้น" นางสาวฐิภากล่าว

นางสาวฐิภากล่าวด้วยว่า นักลงทุนที่ต้องการซื้อทองในช่วงที่เหลือของไตรมาส 2/2560 แนะนำให้หาจังหวะ "ซื้อ" ในช่วงที่ราคาทองย่อตัวจากข่าวต่าง ๆ เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟด ฯลฯ โดยหากราคาปรับตัวลงมาที่ระดับ 1,220-1,230 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (หรือบาทละ 19,500 บาท) ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน เพื่อขายเก็งกำไรในระยะถัดไป

นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ราคาทองในช่วงที่เหลือของไตรมาสที่ 2 นี้ ประเมินว่าจะยังคงเป็นทิศทางขาขึ้น โดยมีโอกาสขึ้นไปสูงสุดที่ 1,293 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ บาทละ 20,900 บาท แต่ในกรณีที่ราคาปรับลดลงจะไม่ต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือไม่ต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท