*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยวานนี้ทำเอาหลายคนใจหายใจคว่ำไปตามกัน หลังจากโดนถล่มอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย แต่ในระหว่างวันก็มีแรงซื้อเข้ามายันไว้แบบสุดตัว และในช่วงท้ายของการซื้อขายก็มีแรงหนุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดัชนีถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,572.04 จุด บวกไป 7.62 จุด ด้วยมูลค่า 4.48 หมื่นล้านบาท มันเป็นเกมหุ้นที่เห็นกันมาแล้วหลายรอบนะคะ

*เดี๊ยนถึงพยายามย้ำว่า ไซเคิลของดัชนียังเป็นลักษณะพายเรือวนในอ่าง การขยับขึ้นแต่ละรอบยังไม่มีจุดเปลี่ยนสำคัญ บวกกับท่าทีของนักลงทุนสถาบันยังเป็นลักษณะตีหัวเข้าบ้าน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับดูมูลค่าการซื้อขายที่เริ่มเบาบางลงในเที่ยวนี้มันสื่อให้รู้ว่า มีนักลงทุนบางส่วนเลือกใช้วิธีอยู่นิ่งๆ เพื่อรอดูสถานการณ์รอบด้านให้ชัดเจนก่อนเจ้าค่ะ

*ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่นักลงทุนสัมผัสได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเรื่องที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ข้อมูลที่ถูกถ่ายทอดออกมาค่อนข้างผิดเพี้ยนไปจากความจริงพอสมควร ซึ่งทำให้นักเล่นบางส่วนเข้าเล่นหุ้นผิดจังหวะเป็นประจำ “โมนิก้า” จึงเห็นดีเห็นงามกับนักเล่นที่รู้สึกอยากปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราว เพราะวงรอบของหุ้นในเที่ยวนี้ค่อนข้างสั้นเหลือเกิน จึงเหมาะสำหรับพวกที่กล้าตามไปเล่นนะคะ

*เหมือนกับการเข้าลงทุนในหุ้น JAS มันเป็นเกมที่เปิดหน้าเล่นกันอย่างเต็มตัว และในครั้งนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่า 1.17 พันล้านบาท มันเป็นการสะท้อนภาพค่อนข้างดีว่า ชาวสวนได้เฮกันก็คราวนี้แหละ! วันนี้ต้องแบ่งขายหุ้นออกไปบางส่วน หากเห็นว่า หุ้นไปต่อไม่ไหวนะจ๊ะ

*อีกหนึ่งตัวที่ชอบเล่นกับอารมณ์ของนักลงทุนเป็นประจำก็คือ TASCO วานนี้ถึงเห็นหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 26 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 1.32 พันล้านบาท โดยกิมมิคที่เอามาปั่นกระแสก็เป็นเรื่องธุรกิจที่กลับมาเฟื่องฟูอีกรอบ บวกกับมีเรื่องปันผลติดปลายน่วมให้อีกนิดหน่อย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองเป้าด้านบนแค่ 30 บาท เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นการเทรดบน P/E 15 เท่า ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเทรดเกินระดับนี้เลยพะยะค่ะ

*ส่วนรายที่พลิกโฉมครั้งมโหราฬ “โมนิก้า” กลับให้ความสนใจในหุ้น PTTGC หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 71.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 1.42 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการทำ new high ในรอบเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว แถมประวัติศาสตร์เก่าๆ ยืนยันตรงกันว่า เมื่อมีการทำจุดสูงสุดใหม่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก วันนี้ถึงต้องเลือกกันแล้วว่า follow buy ดีไหมจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ MTLS ภายใต้การควบคุมของ “ป๋าชูชาติ” มันเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามดูไม่ใช่น้อย เพราะคุณป๋าได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” เกี่ยวกับแผนธุรกิจในการปั๊มรายได้และกำไรว่า ในปี 60 ยังมุ่งเน้นการขยายสาขาอีก 600 สาขา ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาขยับขึ้นเป็น 2,200 สาขา จึงมั่นใจว่า การเติบโตในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 50% หลังจากตัวเลขปี 59 เติบโตเกือบ 80% วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 30.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 650 ล้านบาทแบบนี้..ฐานใหม่สูงขึ้นกว่าเดิมแน่นอนเจ้าค่ะ

*เหมือนกับกรณีของ KKP หากดูจากจังหวะที่หุ้นไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จะเห็นว่า new high ได้ตลอดเวลาเช่นกัน พอเผลอปุ๊บ กระชากขึ้นปั๊บ ล่าสุดลงเอยที่ระดับ 63.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่า 430 ล้านบาท “โมนิก้า” มองปุ๊บก็รู้ได้ทันทีว่า ยังมีโอกาสวิ่งขึ้นได้อีกเยอะพอสมควร เพราะเที่ยวนี้เป็นการเทรดบนค่า P/E 11 เท่านะจะบอกให้

*สำหรับในรายของ MONO ยังคงมีวงรอบเป็นแบบ v-shape ซึ่งมีกรอบด้านบนอยู่ที่4.10 บาท ส่วนกรอบด้านล่าง 3.50 บาท ขณะที่ราคาปิดล่าสุดอยู่แถว 3.86 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 152 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมวัดดวงที่มักจะมีคนได้แจ็คพ็อตเป็นประจำ วันนี้ถึงต้องถามผู้เล่นหน้ามนทั้งหลายว่า ยังกล้าตามไปดูกันอะป่าว..อิอิอิ

*ย้อนกลับมาดูหุ้นร้อน ETE กำลังกลายเป็นประเด็นฮิตในหมู่ขาโจ๋ ผสมผสานกับคนดังหลายคนมานั่งเคลียร์ พร้อมออกตัวว่า ไม่ใช่เจ๊..ไม่ใช่เฮีย กันอย่างพร้อมเพรียงแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะทำให้รู้ว่า วานนี้หุ้นรูดลงมาปิดที่ 4.40 บาท ลบไป 0.24 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่า 303 ล้านบาท น่าจะเป็นฝีมือจากแมวตัวหนึ่ง วันนี้จึงไม่ต้องร้อนตัวเป็นอันขาด เพราะเดี๊ยนแค่ต้องการให้รู้ว่า พวกขาใหญ่ในแวดวงตลาดหุ้นชอบสาดขี้กันเป็นประจำเจ้าค่ะ