นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่า ศึกการโต้วาทีระหว่าง นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วานนี้ (26 ก.ย.) ตลาดต่างชาติเกิดความกังวล

โดยมุมมองของ ปริญญ์ ในการดีเบตครั้งนี้ “ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคงจะกระทบมากกว่าคลินตัน เพราะคุณทรัมป์มีนโยบายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างประเทศ นโยบายการเงิน ที่ดูเหมือนว่าเขายังไม่รู้หรือไม่แน่ใจว่าจะทำอะไร เพราะอย่าลืมว่าคุณโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เป็นนักการเงินมาตลอดชีวิต แต่ทำธุรกิจมาตลอดจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้บ่อย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นระดับประธานาธิบดีของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก คำพูดทุกคำพูดหรือการกระทำทุกการกระทำมันมีความหมาย เช่น วันนี้โดนัลด์ ทรัมป์ พูดชัดเจนว่า อเมริกามีธนาคารกลาง (เฟด) ที่โดนนักการเมืองเอาไปใช้ตรงนี้ผมคิดว่าพูดแรงมากครับ” นายปริญญ์ กล่าว

ซึ่งการดีเบตในครั้งนี้เป็นการชี้ชะตาในเบื้องต้นว่าใครจะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมเริกา "หากฮิลลารี คลินตัน เอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าจะดีขึ้น แต่นักลงทุนอเมริกาจะทราบตัวเลขของโพลล์ 1 อาทิตย์หลังจากการดีเบต ซึ่งถ้าใครคนใดคนหนึ่งคะแนนนำมากกว่า 3% คนที่นำอยู่มีโอกาสชนะค่อนข้างจะเกิน 80% และมีฝรั่งอเมริกาคนหนึ่งที่ทายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีถูก 12 ครั้งติดกันมาแล้ว และครั้งนี้เขาทายว่า คุณ โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งด้วย" นายปริญญ์ กล่าว

ทั้งนี้การซื้อขายภาคเช้าของตลาดหุ้นไทยในวันนี้แรงซื้อขายจากต่างชาติอาจค่อนข้างเบาบาง โดยตลาดหุ้นไทยตอนนี้อยู่ในช่วงที่นักลงทุนรอโครงการใหญ่ๆให้เปิดประมูล รอดูทิศทางตัวเลขไตรมาส 3/59 ที่จะเริ่มประกาศในต้นเดือนตุลาคม และรอความชัดเจนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

“ส่วนเรื่องเฟดผมคิดว่า ไม่ควรหรือไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ หรืออย่างเก่งก็ขึ้นแค่ครั้งเดียว เพราะคุณเยลเลน ยังอยู่ในฝ่ายที่ค่อนข้างจะระมัดระวังในการขึ้นดอกเบี้ย เขาจะขึ้นก็ต่อเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวชัดเจนแล้ว และต่อให้ประธานาธิบดีเป็นคลินตัน หรือ ทรัมป์ ผมเชื่อว่าอเมริกายังค่อนข้างยากที่จะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้"นายปริญญ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นไทยในวันนี้เป็นที่น่าสนใจว่าการซื้อขายในภาคเช้าอาจจะมีแรงซื้อขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ค่อนข้างจะเบาบาง ซึ่งต้องถือว่าเป็นไปตามภาวะตลาดต่างประเทศที่นักลงทุนชะลอดูท่าทีในเลือกการตั้งครั้งนี้ด้วย