April 26, 2024   11:55:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > PACEล้มแผนเพิ่มทุนRO
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 26/07/2016 @ 08:36:51
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

PACE ล้มแผนขาย RO ผู้ถือหุ้นเดิมไม่ต้องควักกระเป๋า หลังสถาบันซื้อหุ้น PP จำนวน 320 ล้านหุ้นเกลี้ยง ได้เงิน 960ลบ. `มาร์ค โมเบียส`กวาดไปเกินครึ่งดันสัดส่วนสถาบันถือหุ้นแตะ 10% จากเดิม 4-5% มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โชว์ Backlog ราว 1.7-1.8 หมื่นลบ. ส่วนใหญ่มาจากโครงการมหานคร ลั่นมีแผนล้างขาดทุนสะสมกว่า 2.7 พันลบ.หมดปีหน้า กูรูยกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม จากการ Turnaround ชัดเจน ให้เป้าหมายในช่วง 3.85-5.20 บาท


*** ล้มแผนขาย ROหลังสถาบันซื้อPPเกลี้ยง
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ PACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะไม่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO)แม้จะเคยขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ เนื่องจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการออกหุ้นพิ่มทุนขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด( PP)ได้ตามแผนจำนวน 320 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท รวมมูลค่า 960 ล้านบาท กำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนกับบุคคลในวงจำกัดและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน คือ วันที่ 25 ก.ค.59
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจปกติและขยายธุรกิจ ส่งเสริมสภาพคล่อง และโครงสร้างเงินลงทุนที่เหมาะสมของบริษัทฯ
" การเพิ่มทุนแบบ RO บริษัทฯ อาจจะไม่ดำเนินการอีก เพราะตามเงื่อนไขการเพิ่มทุนได้แจ้งไว้ว่าจะเลือกวิธีการเพิ่มทุนอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ครบ 320 ล้านหุ้น ซึ่งขณะนี้ได้ครบตามที่ต้องการแล้ว" นายสรพจน์ ระบุ

*** "มาร์ค โมเบียส" กวาดซื้อครึ่งหนึ่ง ดันสัดส่วนสถาบันถือหุ้นแตะ 10%
นายสรพจน์ กล่าวว่า สามารถขาย PP ได้ทั้งหมด และโดยมีกองทุนเทมเพิลตัน ของ มาร์ค โมเบียส ซื้อหุ้นเป็นจำนวน 160 ล้านหุ้น จาก 320 ล้านหุ้น ที่เหลือเป็นกองทุนขนาดใหญ่ประกอบด้วย มิลเลเนียม เอไอเอ และโอเอซิส เนื่องจากโครงการอสังหาฯ ทั้งที่มีอยู่ปัจจุบันและจะเปิดเพิ่มอนาคตมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และธุรกิจร้าน ดีล แอนด์ เดลูก้า จะมีการขยายสาขาจำนวนมากภายใน 3-5 ปี หลังจากการเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันที่ถือครองหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปัจจุบัน 4-5%

*** มั่นใจปีนี้พลิกกลับมามีกำไร
สำหรับผลประกอบการปีนี้ มั่นใจว่าจะพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุนที่ 1,785 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้ ประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่มาจากโครงการมหานคร และมีแผนล้างขาดทุนสะสมที่มีกว่า 2.7 พันล้านบาทได้หมดในปีหน้า
ในช่วงปลายปี จะเปิดโครงการใหม่ คือคอนโดมิเนียมที่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ มูลค่า 3,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการบ้านพักตากอากาศในประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 4,000 ล้านบาท บริษัทฯ ได้ทำการซื้อที่ดินแล้วมูลค่า 530 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นเพิ่มทุน 960 ล้านบาท จะนำมาเสริมเรื่องการก่อสร้างในส่วนนี้ คาดเปิดขายได้ในปี 2560

*** โอนโครงการมหานคร -มหาสมุทร-นิมิตหลังสวน หนุนรายได้ตั้งแต่ปี59เป็นต้นไป
PACE ตั้งเป้ารายได้ที่จะเติบโตมากขึ้นจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไปอย่างต่อเนื่อง จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยโครงการมหานคร โครงการมหาสมุทร และโครงการนิมิต หลังสวน ตามลาดับ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนงานเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่สำหรับปี 2559 และเตรียมแผนงานเพื่อขยายสาขาโดยการลงทุนของบริษัทฯ เองทั้งในสหรัฐอเมริกา ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งการเซ็นสัญญากับพาร์ทเนอร์ (licensee)รายใหม่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกูร์เม่ต์นี้ จะเป็นอีกธุรกิจหลักที่จะช่วยสร้างรายได้ให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน

*** กูรูยกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม จากการ Turnaround ชัดเจน
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า การเพิ่มทุน PP ครั้งนี้ไม่กระทบต่อประมาณการ EPS เนื่องจากฝ่ายวิจัยได้รวมการเพิ่มทุนแบบ PPทั้งหมด 496.35 ล้านหุ้น (แยกเป็น PP ให้บริษัท Bell Investments Limitedและ Asension Tradinb Limited รวม 176.35 ล้านหุ้น เพื่อใช้แลกที่ดินที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และ PP ล่าสุด 320 ล้านหุ้น) สมมติฐานที่ราคา 3 บาทไว้ในประมาณการแล้ว จึงคงประมาณการเดิม คาดปี 2559 มี EPSที่ 0.16 บาท/หุ้น และโดดเด่น 0.36 บาท/หุ้นในปี 2560
จุดเปลี่ยนของ PACEจะเกิดขึ้นตั้งแต่ 2H59 เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯ เริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยฯ หลังโอนฯ โครงการมหานคร และมหาสมุทรตั้งแต่ 3Q59 และมากขึ้นต่อเนื่องในปี 2560 ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรม, จุดชมวิว, ค่าเช่าอาคารสำนักงาน รวมถึงค่าสมาชิกจาก Country Clubโครงการมหาสมุทร เมื่อบวกกับการขยายสาขาต่อเนื่องของธุรกิจอาหาร คาดผลักดันให้ปี 2559 มีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีอยู่ที่ 619 ล้านบาท และก้าวกระโดดเป็น 1.34 พันล้านบาทปี 2560
คงแนะนำซื้อ อิงวิธี SOTP จากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขาย, ธุรกิจอาหาร และ ธุรกิจ Recurring Income อย่างศูนย์การค้าและโรงแรม ได้ FV สิ้นปี 2559 ที่ 5.20 บาท โดยเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุนที่สิ้นสุดลง และการ Turnaround ของกำไรปีนี้จะสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับราคาหุ้นได้มากขึ้น
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 3.85 บาท (upside 14%) คาดกำไรสุทธิตลอดปี 59 เป็น 562 ล้านบาท และปี 60 เป็น 1.2 พันล้านบาท เทียบกับปี 58 ขาดทุนสุทธิ 1.8 พันล้านบาท กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 3.85 บาท ด้วย P/E ปี 60 ที่ 12 เท่า และคิดลด 12% เพื่อกลับมาเป็นราคาพื้นฐานปี 59 ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 14%



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com