บจ.หมวดอสังหาริมทรัพย์ตบเท้าแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 พบกำไรสุทธิฟื้นตัว PRIN นำโด่ง 4,786% มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐช่วยกระตุ้น แม้แต่ THANA และ S ผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นบวก ยกเว้นRML ผลงานไม่ดีกำไรหดตัว 24% และNCH พลิกขาดทุนสุทธิ 12.59 ลบ. หรือลดลง 139%

***PSเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 5.3 หมื่นลบ.มั่นใจรายได้และกำไรปี 59 ทำนิวไฮ
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้สูงถึง 10,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีรายได้ 8,303 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทจึงได้ทำการปรับเป้าหมายรายได้ใหม่เป็น 53,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยตั้งเป้าเมื่อต้นปีไว้ที่ 52,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนของรายได้จะมาจากสินค้าในกลุ่มทาวน์เฮาส์ 45% บ้านเดี่ยว 28% และคอนโดมิเนียม 27%
บริษัทฯมั่นใจปีนี้จะทำรายได้และกำไรนิวไฮอย่างต่อเนื่อง จากปี 58 มีกำไรสุทธิ 7,680.36 ล้านบาท และมีรายได้ 51,441.04 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการของภาครัฐทำให้ในไตรมาส 1 มีลูกค้าเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
ในปีนี้ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 15% จากปี 58 อยู่ที่ 14.93% และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)อยู่ที่ 33-34% จากปี 58 อยู่ที่ 33.68% บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 60-65 โครงการ โดยไตรมาส 1 เปิดไปแล้ว 10 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 9 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,410 ล้านบาท โดยจากแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปีอยู่ที่ 60-65 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 50,000 - 54,000 ล้านบาท โดยเพียงสิ้นไตรมาสที่1 ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (Active Projects) ทั้งหมดอยู่อีก 171 โครงการ มูลค่า 78,691 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 25,464 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น Backlog ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 14,386 ล้านบาท และในไตรมาส 2 เตรียมเปิดอีก 24 โครงการ ไตรมาส 3 เปิด 17 โครงการ และไตรมาส 4 เปิด 14 โครงการ
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในปี 2559 คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 8% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 383,183 ล้านบาท โดยจากผลการสำรวจพบว่ายังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง โดยบริษัทฯ เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ๆ รองรับความต้องการ และมีแผนขยายตลาดในกลุ่มสินค้าต่างๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ครอบคลุมทุกเซ็กต์เมนต์มากขึ้น สำหรับตลาดต่างจังหวัดในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 28,299 ล้านบาท ถือว่ายังเติบโตอยู่ที่ 11.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังคงเน้นลงทุนในจังหวัดใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีแหล่งนิคมอุตสาหกรรม เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น

***LPNคุมต้นทุนได้ดี หนุน Q1/59มีกำไรสุทธิ 704 ลบ.โต 141.2% ช่วงที่เหลือ จ่อเปิดอีก 15 โครงการ 1.8 หมื่นลบ.
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือLPN เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 59 มีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 292 ล้านบาท ผลจากการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 30% ของรายได้ พร้อมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 13.38% ในไตรมาส 1 ปี 2558 เป็น 15.92% ในไตรมาส 1 ปี 2559
ในไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทมีรายได้จำนวน 4,424.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,241.57 ล้านบาทจาก ไตรมาส 1 ปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 102.71% โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากการขายกว่า 90% ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2,036.47 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 4,252.02 ล้านบาทในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 2,215.55 ล้านบาท คิดเป็น 108.79%
ในไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบจำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 4 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 10,200 ล้านบาท ได้แก่ 1) ลุมพินี พาร์ค นวมินทร์-ศรีบูรพา 2) ลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ 3) ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 เฟส 2 4) เดอะ ลุมพินี 24 และ 5) ลุมพินี พาร์คบีช ชะอา ซึ่งทั้ง 5 โครงการบริษัทจะทยอยส่งมอบ และรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2559
ช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี 2559 มีโครงการที่จะแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบอีก 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,750 ล้านบาท และแผนมีเปิดตัวเพิ่มอีก 15 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 18,120 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 31 มีนาคม 2559 มี Backlog รวม 9,500 ล้านบาท แยกเป็นปี 2559 จำนวน 8,700 ล้านบาท และปี 2560 จำนวน 800 ล้านบาท

***PFอวดงบQ1/59 มีกำไรสุทธิ 367 ลบ.โต 275% รายได้การขายโต 68% ดันอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นมาอยู่ที่ 36.2%
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือPF เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 สิ้นสุด 31 มี.ค. 59 มีกำไรสุทธิ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97 ล้านบาท เป็นผลจากมีรายได้จากการขายจำนวน 3,262.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากงวดไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 1,936 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1,614 ล้านบาท โต 15.7% รายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1,601 ล้านบาท โต 196% โดยเป็นโครงการต่อเนื่อง 9 โครงการ และรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ 3 โครงการ
อัตรากำไรขั้นต้น ในงวดไตรมาส 1/59 เพิ่มมาอยู่ที่ 36.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 35.6%
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มที่ดี โรงแรมในต่างประเทศมีรายได้ 559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.7 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 254 ล้านบาท ส่วนโรงแรมในประเทศมีรายได้จำนวน 308 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 124 ล้านบาท

***ANANโชว์กำไรสุทธิQ1/59โต102% มียอดขายรอรับรู้ 3.85 หมื่นลบ.
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2559 มีกำไรสุทธิ 149 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 102% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 58 พร้อมทั้งสร้างรายได้ 2,595 ล้านบาท เติบโตถึง 86% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 58
โดยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,179 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีถึง 34% และเพิ่มขึ้นถึง 81% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี58 ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มเป้ายอดโอนทั้งปีอีกเล็กน้อย 0.4% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้า อยู่ระหว่าง 15,000-16,000 ล้านบาท
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6%เพิ่มขึ้นจาก 5% ในช่วงเดียวกันของปี 58 และสามารถสร้างรายได้ดีกว่าเป้าหมาย จากการที่บริษัทฯ ได้เริ่มโอนโครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ คิว ราชเทวี ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนได้เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้บริษัทได้สร้างผลกำไรสุทธิที่ดีกว่าเป้าหมาย จากการควบคุมต้นทุน โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ ลดลงจาก 28% ในไตรมาสเดียวกันของปี 58 เป็น 24% ในไตรมาสนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก็ตาม
บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2559 กำหนดภายในช่วง 3 ปีข้างหน้าจำนวนกว่า 38,500 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 12.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 58

*** QHเผยมาตรการอสังหาหนุนรายได้และกำไรโต
นางสาวอภิญญา จารุตระกูลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 1/59 มีกำไร 744.41 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2558 ที่มีกำไร 559.28 ล้านบาท
บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,261 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 เนื่องจากรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวน 626 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19% และรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นจำนวน 635 ล้านบาท หรือ 163% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 ซึ่งเป็นผลจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมโอนและจานองที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558 ถึง 28 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา
ขณะที่รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจำนวน 16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นจำนวน 17 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 9% ส่วนใหญ่เนื่องจากมีการปรับอัตราค่าที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น

***PRIN เผยแนวโน้มดอกเบี้ยทรงตัวระดับต่ำกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านง่ายขึ้น
นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ PRIN เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ คือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2 (ท่าข้าม) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการตลาดพลู มูลค่า 190 ล้านบาท และรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมหมดแล้ว สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Oxygen Community มั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว
พร้อมกับ ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า 90% จะเป็นรายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 บริษัทฯมีรายได้รวม 638.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น37.14 ล้านบาท หรือ 6.17% มีกำไรสุทธิ 43.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4,786.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโต จากแรงกระตุ้นมาตรการของภาครัฐที่มีการลดค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งมาตรการดังกล่าวหมดเขตไปในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยอดขายในไตรมาส 1 ต่อเนื่องถึงต้นไตรมาส 2 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
กรณีแนวโน้มดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้อีก ส่งผลให้เป็นอีกแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภค หรือนักลงทุน ตัดสินใจซื้อบ้านในฐานะที่เป็นปัจจัยสี่ และส่วนหนึ่งซื้อเพื่อการลงทุน ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

***S พลิกกลับมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท ขณะที่ SAMCO กำไรพุ่ง 105.21 ลบ. จาก Q1/58 ที่กำไร 5.92 ลบ. หลังรายได้อสังหาฯเพิ่มขึ้น
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S แจ้งงบไตรมาส 1/59 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท จากไตรมาส 1/58 ขาดทุนสุทธิ 22.67 ล้านบาท
ทางด้านนายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 105.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,677% จากงวดไตรมาส 1/2558 ที่มีกำไร 5.92 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 259.72 ล้านบาท หรือคิด เป็น 117.42% เมื่อเทียบกับปี 2558 เนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ทั้งบ้านและที่ดินรวมถึงอาคารชุด 172.06 ล้านบาทและจากการรับโอนอาคารตามสัญญาเช่าที่ดินมาเป็นสินทรัพย์มูลค่า 79.62 ล้านบาท
สำหรับงบกระแสเงินสดงวดไตรมาส 1 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2559 เพิ่มขึ้นจากปี ก่อน 130.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 825.41 ส่วนหนึงมาจากการรับโอนอาคารตามสัญญาเช่าที่ดิน
พร้อมกันนี้ บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)หรือRICHY ได้แจ้ง งบไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 16.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.6 ล้านบาท

***RMLผลงานแย่มีกำไร 237 ลบ. ลดลง 24% ตามรายได้หดตัว 27%
บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือRML เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 237 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนห้องชุดอยู่ที่ 1,190 ล้านบาท ลดลง 27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,630 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมียอดขายสะสมรอการรับรู้รายได้จำนวน 6.56 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย โครงการล็อฟท์เอกมัย 31% โครงการยูนิกซ์ เซาท์พัทยา 27% โครงการล็อฟท์อโศก 14% และจากโครงการ185 ราชดำริ 14% โครงการซายร์ วงศ์อมาตย์ 9% และโครงการเดอะริเวอร์ 3% และโครงการมิวส์เย็นอากาศ 2%

***NCHงบQ1/59 พลิกขาดทุนสุทธิ 12.59 ลบ. ลดลง 139.93% จากมีกำไรสุทธิ 31.5 ลบ. ตามรายได้หดตัว
บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือNCH เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/59 พลิกขาดทุน 12.59 ล้านบาท ลดลง 139.93% จากกำไรสุทธิในงวดเดียวกันปีก่อนจำนวน 31.5 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากมีรายได้รวม 326 ล้านบาท ลดลง 33.26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 488.78 ล้านบาท

***THANAพลิกมีกำไรสุทธิ 6.4 ลบ.โต 133%
บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 พลิกเป็นกำไร 6.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 14.55 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น จากความพร้อมของสินค้าภายในโครงการ ความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ตลอดจนโครงการลงทุนด้านคมนาคมอื่นๆ ในเขตบางใหญ่ บางบัวทอง และราชพฤกษ์ ประกอบกับมาตรการรัฐในการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจะจำนองตั้งแต่ไตรมาส 4/58

***โบรกฯระบุมาตรการรัฐหนุนกำไรบจ.หมวดอสังหาริมทรัพย์โตกระฉูด
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับสำนักข่าวอีไฟแนซ์ไทยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบริษัทจดทะเบียนในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมปรับตัวดีขึ้น เกิดจากภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับปัจจัยหนุนจาก มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ โดยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาฯเหลือ 0.01% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่งผลให้เกิดอุปสงค์จำนวนมากในตลาดอสังหาฯช่วงไตรมาส 4/58 และไตรมาส 1/59
ทั้งนี้ ประเมินว่า ภาคอสังหาฯในไตรมาส 2/59 ยังมีแรงซื้อที่จะมาช่วยด้านยอดขายจากเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายที่จะได้รับสิทธิ อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าวส่งผลต่อการโอนบ้านมากกว่า จึงทำยอดขายที่เพิ่มขึ้นของภาคอสังหาฯมาจากรายได้ที่มาจากการโอนบ้านที่สร้างเสร็จแล้วมากกว่าการขายโครงการที่ต้องสร้างใหม่
ส่วนไตรมาส 3/59 และไตรมาส 4/59 มองว่ากำลังซื้อจะแผ่วลงเนื่องจากอุปสงค์ในตลาดส่วนใหญ่ถูกดึงไปหมดแล้ว โดยผู้ประกอบการภาคอสังหาฯจะต้องออกโปรโมชั่นเพื่อทดแทนมาตรการของรัฐเพื่อดึงความต้องการซื้อกลับมา ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น