April 27, 2024   12:05:45 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > EGCOลั่น2ปีกำไรหมื่นล้าน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 26/11/2015 @ 08:33:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

" เอ็กโก กรุ๊ป" ตั้งเป้ากำไรโตปีละ 6% แตะ 1 หมื่นลบ.ภายในปี 60 ลุยลงทุนทั้งในและตปท.วางงบลงทุน 5ปี 9.1 หมื่นลบ. หวังดันกำลังผลิตไฟฟ้าแตะ 5.5 พันเมกะวัตต์ ในปี 62 จากสิ้นปีนี้ที่ 3,795 เมกะวัตต์ แย้มอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้า ต่างประเทศ 3 โครงการ รู้ผลต้นปีหน้า

*** คาดกำไรปี 60 แตะ 1 หมื่นลบ. รักษา ROE 10%
นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผย ทิศทางการดำเนินธุรกิจในโอกาสเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ว่า “เอ็กโก กรุ๊ป" ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อย 10% ต่อปีจากนี้ไป และผลกำไรจะเติบโตปีละ 6% โดยคาดกำไรจะแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2560
โดยขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 2.การบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและงบประมาณที่วางไว้ และ 3. การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ โดยการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเพื่อให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ทันที พัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และลงทุนในโครงการประเภท Greenfield เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว

*** คาดกำไรก่อน FX ปีหน้าโต 6%
บริษัทฯ คาดกำไรก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน(Fx) ปีหน้าโต 6% จากปีนี้ที่คาดว่าจะสูงกว่าปี 2557 ที่ 7,705 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดกำไรก่อน Fx ในไตรมาส 4 จะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,120 ล้านบาท โดย 9 เดือนปี 2558 บริษัทฯ มีกำไรก่อน Fx อยู่ที่ 6,561 ล้านบาท เนื่องจากปีหน้าบริษัทฯ จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่งที่จะมีการขายไฟคือ โรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 ขายไฟใน เดือนมิ.ย. 2559 และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จะขายไฟเดือน ธ.ค. 2559 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น เพิ่มขึ้น 4,806 เมกะวัตต์ จากปีนี้ที่ 3,795 เมกะวัตต์

*** ศึกษาลงทุนอาเซียนหลายโครงการ ชัดเจนปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนประมาณ 6 โครงการ โดยเป็นโครงการในประเทศและเป็นโครงการกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา อินโดนีเซีย และเวียดนาม แบ่งเป็น M&A 3 โครงการซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า เช่น ที่เวียดนามจะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 30% ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน ส่วนที่เมียนมา คาดว่าจะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 50% ซึ่งจะมีความชัดเจนต้นปี 2559 เช่นกัน ผลของการลงทุนดังกล่าวเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีโครงการในประเทศอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จังหวัดชัยภูมิ ,โครงการทีพีโคเจน และเอสโคเจน จังหวัดราชบุรี ,โครงการทีเจโคเจน จังหวัดปทุมธานี โดยจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2559-2562 รวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 1,338 เมกะวัตต์ ซึ่ง 5 โครงการนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 49,000 ล้านบาท และบริษัทฯ ก็มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการลงทุนในประเทศ เช่น การลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียน และลงทุน โครงการโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่หากรัฐเปิดประมูล
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 3 โครงการได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ใน สปป.ลาว โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา และมาซินลอค ส่วนขยายในฟิลิปปินส์ รวมปริมาณพลังไฟฟ้า ตามสัญญาซื้อขาย และตามสัดส่วนการถือหุ้น ประมาณ 505 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ เตรียมเงินลงทุน 3 โครงการนี้ 42,000 ล้านบาท

*** เป้า 2 ปีมีรายได้จาก ตปท. 50%
ขณะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ใน 4 ประเทศ โดยมีโรงไฟฟ้าต่างประเทศทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าเคซอนถือหุ้น 100% โรงไฟฟ้ามาซินลอค ถือหุ้น 40.95% สปป. ลาว มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำเทิน 2 ถือหุ้น 35% อินโดนีเซีย มีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพสตาร์ เอนเนอร์ยี่ ถือหุ้น 20% และในออสเตรเลีย มีโรงไฟฟ้าพลังงานลมโบโคร๊อควินด์ฟาร์ม ถือหุ้น 100%
" ในการทำธุรกิจช่วง 2 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่บริษัทฯ มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้วเช่น ฟิลิปปินส์ ลาว รองลงมาคือ อินโดฯ ออสเตรเลีย รวมถึงหาโอกาสลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบัน 37% ขณะที่บริษัทฯ มีความพร้อมเต็มที่ในการลงทุนภายในประเทศหากมีโอกาส" นายชนินทร์ กล่าว

*** งบลงทุนปีหน้า 2.2 หมื่นลบ. จากงบ 5 ปีที่ 9 หมื่นลบ.
สำหรับปีหน้าบริษัทฯ คาดว่าจะใช้งบลงทุน 2.2 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ 6,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นการกู้ยืม ในการลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการใหม่ที่จะเข้าไปลงทุน โดยแหล่งเงินทุนมาจากการกู้ และกระแสเงินสดของบริษัทฯ ส่วนงบลงทุน 5 ปี (59-63) จะอยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในประเทศ 4.9 หมื่นล้านบาท และลงทุนในต่างประเทศ 4.2 หมื่นล้านบาท
" บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะรักษา ROE อย่างน้อย 10% ต่อปี จากการมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนใหม่ๆ และอาจจะมีการพิจารณาขายหุ้นที่ไม่ใช่ธุรกิจพลังงานเพื่อทำให้ ROE เพิ่มขึ้น อย่างเช่น เหมืองที่อินโดฯ โดยหากบริษัทฯ ไม่ได้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อินโดฯ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะขายหุ้นออกไปหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับความชัดเจนในการลงทุนโรงไฟฟ้าดังกล่าว ส่วนความคืบหน้าในการลงทุนโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมทวายที่ร่วมทุนกับ ITD นั้น ซึ่งเฟสแรกจะมีการลงทุน 400 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเสร็จในปี 61" นายชนินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 5,500 เมกะวัตต์ จากโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 7 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิต 1,721 เมกะวัตต์ ที่จะขายไฟ จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 3,795 เมกะวัตต์



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com