"เจริญโภคภัณฑ์อาหาร" ประกาศทุ่มงบ 2.37 หมื่นลบ.ซื้อกิจการ Woyskovitsy และ Severnaya ผู้ประกอบธุรกิจไก่ครบวงจรในรัสเซีย เบื้องต้นถือหุ้น 80% และเพิ่มเป็น 100% ในปี 61 ระบุมีส่วนแบ่งตลาดสัตว์ปีกสูงสุดติด 1 ใน 5 ของรัสเซีย คาดเริ่มรับรู้รายได้ใน Q4/58 ถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี พร้อมเล็งซื้อกิจการแปรรูปอาหารเพิ่ม ด้านโบรกฯเตรียมเพิ่มประมาณการผลประกอบการ CPF ปีนี้ขึ้นอีก 10% ปีหน้า 20% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท

* CPF ทุ่ม 2.37 หมื่นลบ.ซื้อกิจการไก่ครบวงจรในรัสเซีย
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการไก่ครบวงจรในประเทศรัสเซีย โดยส่งบริษัทย่อยที่ เนเธอร์แลนด์ คือ CPF Netherlands B.V. (CPF Netherlands) เป็นผู้ดำเนินการเข้าซื้อ การเข้าซื้อกิจการในครั้งแรกจะซื้อ 80% ก่อนคาดแล้วเสร็จปีนี้ และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 100% ในปี 2561 มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 2.37 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้เงินทุนจากการกู้ยืมและกระแสเงินสดภายในบริษัท
โดย CPF Netherlands ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Agro-Invest Brinky B.V. (ผู้ขาย) จะซื้อขายกัน 2 ครั้ง ซึ่งในการซื้อกิจการครั้งแรก CPF Netherlands จะเข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัทในประเทศรัสเซีย (บริษัทใหม่ในรัสเซีย) โดยซื้อต่อจาก Agro-Invest Brinky B.V. (ผู้ขาย) ซึ่งผู้ขายจะจัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2558 โดยก่อนการซื้อกิจการครั้งแรกจะเสร็จสมบูรณ์ บริษัทใหม่ในรัสเซียจะต้องเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 80% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ CJSC Poultry Parent Stock Production Woyskovitsy (Woyskovitsy) และ ของ CJSC Poultry Production Severnaya (Severnaya) (รวมเรียกว่า บริษัทเป้าหมาย) โดย Agro-Invest Brinky B.V. จะเป็นผู้โอนหุ้นดังกล่าวมาให้ บริษัทใหม่ในรัสเซีย
โดย Woyskovitsy และ Severnaya ประกอบกิจการไก่ครบวงจรในประเทศรัสเซีย เริ่มตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ การฟักไข่ การเลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปขั้นพื้นฐาน
" คาดว่าการซื้อกิจการครั้งแรก จะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2558 ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อน ตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นสำเร็จแล้ว และภายหลังจากการซื้อกิจการครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว บริษัทใหม่ในรัสเซีย Woyskovitsy และ Severnaya จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ CPF " ซีพีเอฟ ระบุ
ส่วนการเข้าซื้อกิจการครั้งที่ 2 ตามสัญญาซื้อขายหุ้น CPF Netherlands จะเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเป้าหมายแต่ละบริษัท ที่เหลืออีก 20% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้ CPF Netherlands ถือหุ้นในบริษัทเป้าหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผ่านบริษัทใหม่ในรัสเซียในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่อออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ Woyskovitsy และ Severnaya
" คาดว่าการซื้อกิจการครั้งที่ 2 จะเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 31 สิงหาคม 2561 เว้นแต่จะเกิดเหตุการณ์บางประการตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น" ซีพีเอฟ ระบุ
สำหรับมูลค่ากิจการของ Woyskovitsy และ Severnaya รวมกันเท่ากับ 680 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 23,766 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 34.95 บาท ต่อ 1 เหรียญฯ)

* มาร์เก็ตแชร์สัตว์ปีกติด 1 ใน 5 ของรัสเซีย
บริษัทฯ คาดว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ดังต่อไปนี้แก่บริษัท (1) การได้มาซึ่งบริษัทเป้าหมายจะทำให้บริษัทฯ เข้าสู่ธุรกิจสัตว์ปีกในประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตของการบริโภคเนื้อสัตว์ที่เร็วที่สุด โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ของการบริโภคเนื้อสัตว์ ในรอบปี 2547-2557ประมาณร้อยละ 7.4 (ที่มา : USDA) นอกจากนี้ ประโยชน์ที่บริษัทฯจะได้รับโดยทันทีก็คือ จุดยืนทางการตลาดที่แข็งแกร่งในภูมิภาคที่สำคัญอย่างมอสโคว์ และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อนึ่ง ภายหลังการซื้อกิจการครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว บริษัทเป้าหมายจะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถนำผลการดำเนินของบริษัทเป้าหมายมารวมในงบการเงินรวมนับตั้งแต่วันซื้อกิจการครั้งแรกเสร็จสมบูรณ์
(2) ธุรกิจ Severnaya และ Woyskovitsy มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันคิดเป็นประมาณร้อยละ 5 ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการในธุรกิจสัตว์ปีกในประเทศรัสเซียที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด
(3) กิจการไก่ครงวงจรของ Severnaya และ Woyskovitsy จะเป็นฐานที่สำคัญสำหรับการขยายธุรกิจในประเทศรัสเซียในอนสคต เนื่องจากตลาดสัตว์ปีในประเทศรัสเซียเป็นตลาดที่ไม่มีผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตลาด (fragmented market) ในขณะที่อัตราการบริโภคเนื้อสัตว์ต่อคนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ คือ ประมาณ 26 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (ที่มา : USDA) ประกอบกับประเทศรัสเซียมีจำนวนประชากรสูง คือมากกว่า 140 ล้านคน
(4) จากการที่ Severnaya และ Woyskovitsy มีการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม การดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่การแบ่งปันองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับธุรกิจสัตว์ปีกซึ่งกันและกัน
(5) บริษัทฯ จะมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตจากการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีก และมีโอกาสที่จะส่งออกสินค้าสัตว์ปีกจากประเทศรัสเซียไปยังประเทศอื่นๆ ในอนาคต
(6) บริษัทฯ มีโอกาสในการสร้างธุริจเนื้อสัตว์หลายๆ ประเภทในประเทศรัสเซีย ซึ่งรวมถึงธุรกิจสุกรของบริษัทฯ ที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

* เริ่มรับรู้รายได้ Q4/58 ถึงคุ้มทุนภายใน 5 ปี
นายอดิเรก กล่าวว่า จะเริ่มรับรู้ รายได้ จากการเข้าซื้อกิจการไก่ในรัสเซีย ในไตรมาส 4/58 โดยจะรับรู้รายได้ในสัดส่วน 80% ของยอดขาย การซื้อกิจการดังกล่าว บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่แล้วราว 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้จะถึงจุดคุ้มทุนใน 5 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ คงเป้ารายได้และยอดขายปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยในปีนี้จะใช้ เงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศแต่งบลงทุนดังกล่าว ไม่รวมงบการซื้อกิจการ
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนซื้อกิจการธุรกิจแปรรูปอาหารในรัสเซีย โดยกำลังเจรจาอยู่ 2 ราย โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เป็น 75% ใน 5 ปี จาก ขณะนี้อยู่ที่ 65%

* โบรกฯ เตรียมเพิ่มกำไร CPF ปีนี้ขึ้นอีก 10% ปีหน้า 20%
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยกับ" สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ถึงกรณีที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ CPF มีมติเข้าซื้อกิจการไก่ครบวงจรในรัสเซีย มูลค่า 2.37 หมื่นล้านบาท ว่า จะส่งผลดีต่อประมาณการผลประกอบการ และราคาเป้าหมายของ CPF ซึ่งจากประเด็นนี้ ทำให้ฝ่ายวิจัยเตรียมปรับประมาณการผลประกอบการขึ้นอีก 10% ในปีนี้ และ 20% ในปีหน้า เช่นเดียวกับราคาเป้าหมายก็จะปรับขึ้นเช่นกัน จากปัจจุบันให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 28 บาท
" เรามองเป็นเรื่องที่ดี และ ส่งผลดีต่อ CPF เพราะธุรกิจที่จะเข้าซื้อนั้น เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจไก่ครบวงจร และ ผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมออย่าง Net margin เฉลี่ยอยู่ที่ 20% ซึ่งสูงกว่าของ CPF ด้วย และ กำไรปี 57 ก็สูงถึง 3 พันล้านบาท และรัสเซียยังเป็นประเทศที่มีการเติบโตการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ เร็วที่สุด และทั้งสองบริษัทที่ซีพีเอฟเข้าซื้อนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันคิดเป็น 5% ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของ ผู้ประกอบการในธุรกิจสัตว์ปีกในรัสเซียที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด" นายกรภัทร ระบุ

*แนะซื้อ CPF ให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า โครงสร้างรายได้ CPF ในปัจจุบันเป็นดังนี้ การลงทุนต่างประเทศ- 59% ในประเทศ- 35% ส่งออกจากไทย-6% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% แรงผลักดันมาจากการฟื้นตัวขึ้นของธุรกิจกุ้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป การขยายตัวของธุรกิจการลงทุนยังต่างประเทศ และ การทำ M&A สำหรับแผนการลงทุนในรอบ 5 ปีข้างหน้าเป็น 50 พันล้านบาท เพื่อใช้ทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้านสถานการณ์เนื้อสัตว์ในประเทศ คาดว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปตั้งแต่ 1Q58 แล้ว
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจะไม่ได้เป็นก้าวกระโดด แต่จะเป็นการทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำถามที่สำคัญคือ เมื่อใดที่ธุรกิจกุ้งจะกลับมาถึงจุดคุ้มทุน ตั้งแต่มีโรคตายด่วน (EMS) ประมาณ 4Q55 ธุรกิจนี้ของ CPF ก็ได้รับผลลบมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการดำเนินงานก็ทยอยปรับตัวดีขึ้น นั่นคือ อัตรากำไรขั้นต้นที่เป็นลบใน 1Q57 ที่ -7.5% ได้ปรับตัวดีขึ้นเป็น -3.2% ในงวด 1Q58 ทาง CPF คาดว่าธุรกิจกุ้งจะถึงจุดคุ้มทุนได้ประมาณปลายปี 59