ผถห. SLC คว่ำแผนเพิ่มทุน PP จำนวน 1 หมื่นล้านหุ้น ล่มไม่เป็นท่า ส่งผล SLC-W5 ชะงักตาม ด้าน "อารักษ์ ราษฎร์บริหาร" นายใหญ่ลั่นไม่กระทบธุรกิจ เหตุยังมีเงินสดจากการเพิ่มทุนครั้งก่อนอีก 500-600 ลบ. ใช้ลงทุนได้อีก 1-2 ปี ประกาศไม่ลดความพยายามพร้อมดัน SLC-W5 เข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป มั่นใจปีนี้ขาดทุนลดลงหลังทีวีดิจิทัลเริ่มติดตลาด เตรียมยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)" คาดได้ใช้ช่วง เม.ย.-พ.ค.นี้ ส่วนคดีความกับเนชั่นยันไม่ขายหุ้น NMG เพราะไม่ผิดกฎ กสทช.

แผนเพิ่มทุนของ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC ชะงัก หลังจากที่ผู้ถือหุ้นของ SLC มีมติไม่เห็นด้วยต่อแผนดังกล่าว ส่งผลต่อเนื่องต่อการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 5 (SLC-W5) ให้ชะงักตามไปด้วย ขณะที่ผู้บริหารอย่าง นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SLC ยังยืนยันจะดัน SLC-W5 เข้าบอร์ดให้พิจารณาอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป
โดยวานนี้ราคาหุ้นของ SLC ปิดการซื้อขายที่ระดับ 0.09บาท เพิ่มขึ้น0.01 บาท หรือ 12.50% มูลค่าการซื้อขาย 3.71ล้านบาท

*** ผถห.คว่ำเพิ่มทุน PP - ยกเลิก SLC-W5
โดยรายละเอียดของการคว่ำมติดังกล่าว ของ SLC มีดังนี้ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC แจ้งมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ผู้ถือหุ้นมีมติไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการเสนอ ในวาระที่ 14 การเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือ ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Private Placement) มีผู้ที่เห็นด้วยไม่ถึงสามในสี่ของจำนวนหุ้นที่เข้าร่วมประชุม ทำให้วาระนี้ตกไปส่งผลให้ไม่มีการพิจารณา วาระที่ 15 และ 16 กรณีการ ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 5 (SLC-W5) เนื่องจากเป็นวาระที่เกี่ยวเนื่องกัน
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ SLC อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 6,680,736,940 บาท เป็น 18,778,077,300 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญใหม่จำนวน 12,097,340,360 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท จัดสรรดังนี้
- จำนวน 10,000,000,000 หุ้น เสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) โดยกำหนดราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์รวม 7-15 วันทำการก่อนวันที่ออกและเสนอขาย ปรับด้วยส่วนลดร้อยละ 10 ส่วนหุ้นเพิ่มทุน PP ที่เหลือ 52,999,999,958 หุ้น (ที่พาร์ 1 บาท) ให้ยกเลิก
- จำนวน 2,097,340,360 หุ้นรองรับการแจกวอร์แรนต์ (SLC-W5) ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 3 ต่อ 1 มีอายุ 3 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 ต่อ 1 ราคา 0.60 บาท
ทั้งนี้ SLC มีสภาพคล่องการซื้อขายหรือฟรีโฟลท 71.82% โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรกของ SLC ประกอบด้วย 1. นายสมบัติ พานิชชีวะ 2,012,043,300 หุ้น คิดเป็น 6.40% 2. น.ส.พรพรรณ สะระบุญมา 1,500,000,000 หุ้น คิดเป็น 4.77% 3. นายสงกรานต์ ตันศิริ 1,500,000,000 หุ้น คิดเป็น 4.77% 4. นายคณิน โมกขะเวส 1,000,000,042 หุ้น คิดเป็น 3.18% 5. นายศิร์วสิษฎ์ สายน้ำผึ้ง 950,030,000 หุ้น คิดเป็น 3.02%

*** ยังไม่ท้อ เตรียมดัน SLC-W5 เข้าบอร์ดอีกครั้ง
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ถึงกรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 1 หมื่นล้านหุ้น จะไม่ส่งกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ เนื่องจากการเพิ่มทุนกล่าวเป็นแผนเพื่อระดมเงินมาไว้ใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินสดจากการเพิ่มทุนก่อนหน้านี้แล้วกว่า 500 - 600 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อกิจกรรมการลงทุนที่จะเกิดขึ้นใน 1-2 ปีนี้ ขณะเดียวกันก็มีหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.3 เท่า ซึ่งสามารถใช้ช่องทางการกู้เงินได้
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังไม่ล้มเลิกแผนการออกวอแรนต์ (SLC-W5) เนื่องจากสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินที่เปลี่ยนเป็นทุนได้ในอนาคต โดยจะมีการเสนอคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งต่อไป
"ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบอะไรมาก เพราะเราตั้งใจจะเพิ่มทุนเพื่อเป็นเงินสำรองไว้ขยายธุรกิจในอนคต ส่วนการขยายธุรกิจปกติในปัจจุบันเรามีเงินจากการเพิ่มทุนครั้งก่อนไว้รองรับแล้ว 500-600 ล้านบาท ขณะที่แผนการออกวอแรนต์จะยังคงดำเนินการต่อไป ครั้งนี้ที่ตกไปเพราะวาระไปผูกติดกับวาระเพิ่มทุน ที่เราต้องออกก็เพื่อไว้เป็นตราสารสำหรับระดมเงินทุนได้ในอนาคตตอนที่แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ส่วนรายละเอียดคงมีการปรับกันใหม่และเสนอบอร์ดอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้าและขอผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง" นายอารักษ์ กล่าว

*** มั่นใจปีนี้ขาดทุนลดลง เหตุทีวีดิจิทัลเริ่มได้รับความนิยม
นายอารักษ์ กล่าวด้วยว่า ผลประกอบการปีนี้น่าจะขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ระดับ 559.97 ล้านบาท เป็นไปตามยอดเม็ดเงินโฆษนาที่จะเข้ามาในกลุ่มทีวีดิจิทัลมากยิ่งขึ้นตามความนิยม โดยยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นมาเป็น 26% จากปีก่อนที่ 9% ส่วนรายได้ปีนี้น่าจะเกิน 300 ล้านบาท มาจากการเติบโตของธุรกิจทีวี 50-60% แตะระดับ 200 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเดิมจะอยู่ที่ราว 140-150 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเข้ารับงานวางโครงข่ายไอทีโซลูชั่นของภาครัฐประมาณ 3-4 งาน โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ปีนี้จะปรับเป็นธุรกิจสื่อ 60% จากปีก่อนที่ไม่ถึง 50% เป็นไปตามแผนการรุกและก้าวเข้าสู่ธุรกิจสื่อเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นเรื่องจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS)" คาดว่าจะเริ่มใช้ชื่อใหม่ได้ปลายเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้
ขณะที่มั่นใจว่าปี 2559 บริษัทฯ จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจทีวีดิจิทัลที่เชื่อว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสื่อถึงจุดคุ้มทุนและพลิกกลับมามีกำไรได้

*** ยันไม่ขายหุ้น NMG เหตุไม่ผิดกฎ กสทช.
นอกจากนี้นายอารักษ์ ยังยืนยันว่าบริษัทฯ จะไม่ขายหุ้น บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ที่ถืออยู่ 12.27% ออกอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นถือเป็นการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ และธุรกิจของ NMG ก็มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต ที่สำคัญการถือหุ้นในระดับดังกล่าวไม่ผิดเกณฑ์ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ส่วนเรื่องคดีความการฟ้องร้องก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย