April 27, 2024   2:45:01 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ค้าปลีกตบเท้าหั่นเป้ายอดขาย
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 25/11/2014 @ 07:55:48
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้ประกอบการค้าปลีก ตบเท้าหั่นเป้ายอดขายปีนี้ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด ROBINS ยอมรับยอดขายปีนี้พลาดเป้าที่คาดโต 10% ส่วนปีหน้าคาดยอดขายโต 10% เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ด้าน MC ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่ทำได้ต่ำเป้าที่คาดโต 25% พร้อมเลื่อนสรุปดีลซื้อกิจการเป็นต้นปีหน้า รอภาวะเอื้ออำนวย สอดคล้องกับ บล.เอเซียพลัส ที่หั่นคาดการณ์กำไรกลุ่มค้าปลีก ปีนี้ลดลง 15.5% และปีหน้าปรับลง 13.6% เกิดจากการปรับลดกำไรฯ ของหลายบริษัท ได้แก่ CPALL MAKRO HMPRO BJC และ ROBINS ขณะที่หวั่นการขึ้นภาษี VAT จะกระทบกำลังซื้อ

หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 ส่งสะท้อนชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทย ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเหมือนอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มค้าปลีก ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของประชาชน ที่ผู้บริหารต่างออกมาปรับลดประมาณการยอดขายปีนี้กันถ้วนหน้า พร้อมทั้งตั้งความหวังถึงยอดขายในปีหน้า ว่าจะเติบโตได้มากกว่าปีนี้ ตามภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการขึ้นภาษี VAT ที่อาจจะกระทบต่อกำลังซื้อในอนาคต

** ROBINS รับยอดขายปีนี้พลาดเป้า
นายพันธ์เทพ เหลืองวิริยะ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เปิดเผยว่า ยอมรับยอดขายในปีนี้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้โต 10% จากปีก่อนที่มียอดขาย 24,300 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวออกไป
ในส่วนของ คาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 24.3% หลัง 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ 24.4% เนื่องจากมีการขายสินค้าที่มาร์จิ้นสูงได้มากขึ้น
"คาด Gross Margin ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 24.3% เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งในและต่างประเทศมีการซื้อสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง แม้ยอดขายในปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่มูลค่าของสินค้าที่ลูกค้าซื้อก็ชดเชยในส่วนของกำไรได้"นายพันธ์เทพ กล่าว
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี เชื่อว่ากำลังซื้อจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหลังครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่เป็นช่วงที่มีการแข่งขันรุนแรงกว่าทุกไตรมาส เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เป็นการเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลอง และมีการเลือกซื้อสินค้าเพื่อเป็นของกำนัลในเทศกาล และยังได้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งธุรกิจค้าปลีกมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวและนักช้อปให้จับจ่ายเพิ่มขึ้น

** หวังปีหน้ายอดขายโต 10% - ยอดขายสาขาเดิมพลิกเป็นบวก
อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีหน้ายอดขายจะเติบโตได้ 10% ตามการฟื้นตัวของจีดีพีที่คาดว่าจะโต 3-4%??นอกจากนี้ยังคาดว่ายอดขายจากสาขาเดิม (SSS) ในปีหน้าจะอยู่ที่ 4-5% จากปีนี้ที่ติดลบ 5.7%
"ในปีนี้ยอดขายของเราอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจยังมีการชะลอตัวออกไป ทำให้ SSS ในปีนี้ติดลบถึง 5.7% แต่อย่างไรก็ตามคาดหวังว่าในปีหน้ายอดขายจะเติบโตได้ 10% และ SSS จะเติบโตได้ 4-5% ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดจีดีพีโต 3-4%"นายพันธ์เทพ กล่าว

** เดินหน้าเปิดสาขาทั้งใน - ตปท.
นายพันธ์เทพ กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิด 3 สาขาใหม่ในเดือนธ.ค. นี้ ได้แก่ สาขาโรบินสันไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ปราจีนบุรี ที่จะเปิดในวันที่ 4 ธ.ค. ,โรบิน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ มุกดาหาร เปิดในวันที่ 19 ธ.ค. และในเวียดนาม ที่จะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสันแห่งที่ 2 ในศูนย์การค้าเครสเซนท์ มอลล์ ในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้ทั้งปีเปิดได้ 7 สาขาตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ในช่วงปลายปีบริษัทฯเตรียมทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการกระตุ้นการใช้จ่าย ตลอดจนจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกพิเศษมากยิ่งขึ้น
ส่วนในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาในประเทศเพิ่ม 4-5 สาขาและในเวียดนาม 1-2 สาขา ซึ่งจะใช้งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ??พร้อมวางเป้า 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะเปิดในประเทศปีละ 4-5 สาขา และในเวียดนาม 1-2 สาขา
"เราวางแผนในระยะยาว 2-3 ปีข้างหน้าจะเปิดสาขาในประเทศ 4-5 สาขา และในเวียดนาม 1-2 สาขา โดยจะเน้นเปิดเป็นไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และหลังจากที่ได้เข้าไปเปิดสาขาในเวียดนาม ยอดขายอาจไม่หวือหวา ซึ่งจะต่ำกว่าในประเทศไทย 25-30% แต่ก็ต้องมีการปรับตัวไปเรื่อยๆ และในส่วนของสาขาในเวียดนามยังขาดสินค้าคอสเมติกส์ และแฟชั่นจิวเวลรี่ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเพิ่มพื้นที่เข้าไปอีก เพื่อจะให้ยอดขายให้ดีมากยิ่งขึ้น"นายพันธ์เทพ กล่าว

** MC รับยอดขายปีนี้ต่ำเป้าที่คาดโต 25%
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ยอมรับว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตเพียง 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,017.08 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 25% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วงต้นปี ทำให้กำลังซื้อไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย
ขณะเดียวกันคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 24.31% เนื่องจากมีการลงทุนค่อนข้างมาก ทั้งการขยายสาขา และพัฒนาระบบไอที แต่ยอดขายยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวทำให้บริษัทฯ ต้องแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีหน้าอัตรากำไรสุทธิจะสามารถกลับไปอยู่ในระดับ 24-25% ได้ เพราะการลงทุนในปีนี้จะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญในปีต่อๆ ไป
"รายได้ปีนี้เรายังหวังว่าจะเติบโต 20% แม้จะต่ำกว่าเป้าเดิมที่ตั้งไว้โต 25% ซึ่งคาดว่าช่วงไตรมาส 4 ที่ปกติจะเป็นช่วงไฮซีซั่นเพราะคนจับจ่ายใช้สอยกันค่อนข้างมาก เข้ามาช่วยหนุน แต่หากไตรมาส 4 ยังไม่ฟื้น รายได้คงเติบโตจากปีก่อนเพียง 14-15%"นางสาวสุณี กล่าว

** ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 20% ตั้งงบลงทุน 250-300 ลบ.
ส่วนในปี 2558 MC ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยได้ตั้งงบลงทุน 250-300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงศักยภาพระบบไอที รวมถึงใช้ขยายจุดจำหน่ายเพิ่ม 70-80 แห่ง จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 800 แห่ง ซึ่งจุดจำหน่ายที่ขยายเพิ่มจะเน้นลักษณะ Free Standing Shop มากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้มากกว่าจุดจำหน่ายที่ผูกติดกับห้างสรรพสินค้า
ส่วนแนวโน้มภาพรวมของการบริโภคในปีหน้าคาดว่าจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยขึ้นอยู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าจะมีการอัดฉีดมาตรการใดๆ เพื่อเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนให้มากขึ้น

** เลื่อนสรุปดีลซื้อกิจการเป็นต้นปีหน้า - เดินหน้าขยายสาขา ตปท.
นางสาวสุณี กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ได้เลื่อนสรุปซื้อกิจการเป็นต้นปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้ เนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน บริษัทฯจึงยังไม่รีบตัดสินใจ โดยรอให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสม ซึ่งน่าจะคุ้มค่าต่อการลงทุนมากกว่า
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการในประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ 3 แห่ง มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท
"เรื่องซื้อกิจการเราไม่ได้รีบตัดสินใจ เพราะภาวะตลาดฯ ไม่ค่อยเอื้ออำนวย จึงขอดูความเหมาะสมให้รอบคอบก่อน ต้นปีหน้าคงจะสรุปได้ ซึ่งยังคุยอยู่ 3 บริษัทเหมือนเดิม อยู่ในกลุ่มธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องบำรุงผิวและแอสเซสเซอร์รี่ เป็นบริษัทในประเทศทั้งหมด มูลค่าการลงทุนต่อแห่งไม่มากนัก ประเมินโดยรวม ๆ ทั้ง 3 ดีลไม่น่าจะเกิน 500 ล้านบาท"นางสาวสุณี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายสาขาต่างประเทศในปีหน้าเพิ่มเติมเป็นไปตามเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศแตะ 5% ในปี 2562 จากปัจจุบันอยู่ที่ 1% ซึ่งในเดือนธ.ค. จะมีการเปิดสาขาที่เวียดนาม 1 แห่ง ขณะที่ในปีหน้าจะขยายสาขาในพม่า 10 แห่ง และประเทศลาวอีก 1 แห่ง

** ASP หั่นคาดการณ์กำไรกลุ่มค้าปลีกปีนี้ลง 15.5%
การปรับประมาณการของผู้บริหาร บจ. สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส (ASP) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจชะลอตัว-กำลังซื้อหดหาย จึงปรับลดประมาณฯกลุ่มการค้าปลีก-ส่ง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผลประกอบการงวด 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียนที่อิงกับการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ผลการดำเนินงานออกมาทรงตัวหรือต่ำกว่าคาด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วง low season รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรฯ ปี 2557 และ 2558 ของกลุ่มค้าปลีก-ส่ง ลง 15.5% และ 13.6% ตามลำดับ เกิดจากการปรับลดกำไรฯ ของหลายบริษัท ได้แก่
CPALL : ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลงเฉลี่ยปีละ 5% จากการปรับลดกำไรของ MAKRO ก่อนหน้านี้ และลดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ CPALL คาดกำไรปีนี้เพียงแค่ทรงตัวจากปีก่อน แต่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้งปีหน้าราว 30% จากฐานที่ต่ำ และกำไรจากMAKRO ที่เติบโดดเด่นจากยอดขายสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ในปีหน้า
MAKRO : ปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้และปีหน้าลง 8% และ 10% ตามลำดับ จากยอดขายและอัตราการทำกำไรที่ต่ำกว่าคาด อย่างไนก็ตามแนวโน้มกำไรปีนี้ยังเติบโต 16% yoy และปีหน้าเติบโตราว 24% จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและผลบวกของการเปิดสาขาใหม่
HMPRO : ปรับลดกำไรปี 2557 และ 2558 ลง 7% และ 10% ตามลำดับ จากอัตราการทำกำไรที่ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้กำไรปีนี้จะเติบโตเพียง 6% แต่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้าราว 16% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และผลขาดทุนของ Mega Home ที่ลดลง
BJC : ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลง 40% และ 39% ตามลำดับ จากรายได้และอัตราการทำกำไรที่ต่ำกว่าคาดเดิมมาก และยังไม่ได้รวมผลขาดทุนของการซื้อกิจการ METRO Vietnam ซึ่งช่วง 2 ปีแรกอาจมีผลขาดทุน และยังกดดันภาพรวมกำไรสุทธิ ขณะที่แนวโน้มกำไรงวด 4Q57 ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงยังเป็นช่วงที่บริษัทลงทุนค่อนข้างมาก
ROBINS : ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลงเฉลี่ย 8% จากยอดขายและอัตราทำกำไรที่ลดลง คาดว่ากำไรปีนี้จะเพียงแค่ทรงตัวจากปีก่อน แต่กำไรปีหน้าจะกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีอีกครั้งเพิ่มขึ้นราว 17% ทั้งรายได้จากการขายซึ่งคาดยอดขายสาขาเดิมจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และรายได้ค่าเช่าที่ยังดีต่อเนื่องและจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%

** หวั่นขึ้น VAT กระทบกำลังซื้อ
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุด้วยว่า ปัจจัยที่เชื่อว่าจะเข้ามากดดันตลาดหุ้นน่าจะเป็นเรื่องของการจัดเก็บภาษีประชาชนเพิ่มเติม ทั้งภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สิน และภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% โดยมีเป้าหมายจะเก็บเพิ่มอีก 3% เป็น 10% ครั้งเดียวในปีหน้า หรือจะทยอยจัดเก็บทีละ 1% ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี ซึ่งแน่นอนว่าการจัดเก็บ VAT จะกระทบต่อเงินในกระเป๋าประชาชนตรงๆ และกระทบกำลังซื้อในระยะสั้นๆ หรือในช่วงที่มีการปรับตัว
อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการจัดเก็บภาษีที่ยุติธรรม เพราะเป็นการจัดเก็บตามการใช้จ่ายของประชาชน กล่าวคือ หากมีการใช้จ่ายมาก ก็จ่ายภาษีมาก ตรงกันข้ามหากมีการใช้น้อย ก็จ่ายภาษีน้อย แต่แน่นอนว่าผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค (BIGC, MAKRO, CPALL, HMRPO เป็นต้น) จะได้ผลกระทบโดยตรง เพราะคาดว่าราคาขายสินค้าจะถูกปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับการขึ้น VAT ซึ่งในที่สุดจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้ ภาพที่สะท้อนได้ชัดเจน คือ การจัดเก็บ Sale tax ในญี่ปุ่น ที่เพิ่งมีการปรับขึ้น 3% เป็น 8% ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ผลที่ตามมาคือ เศรษฐกิจญี่ปุ่นประสบภาวะชะลอตัวหลังจากนั้นทันที กล่าวคือ GDP Growth งวด 2Q57 และงวด 3Q57 หดตัว 0.2%yoy และหดตัว 1.2%yoy เทียบกับเติบโต 2.9% ในงวด 1Q57 ซึ่งหากมีการจัดเก็บภาษี VAT อีก 3% ครั้งเดียวในปี 2558 คาดว่าอาจจะทำให้ GDP Growth ของไทย เติบโตต่ำกว่า 3.5% ใน 2558 (เป็นประมาณการของ ASP) แต่ก็น่าจะดีกว่าปี 2557 ที่คาดว่าจะเติบโตต่ำกว่า 1%

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com