May 9, 2024   2:37:25 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คัด 22 หุ้นเด่นปรับเกมหนีหุ้นร้อนพึ่งหุ้นเย็นพื้นฐานแกร่ง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 20/11/2014 @ 09:00:39
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.23 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.80/32.82 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศว่าจะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด พร้อมทั้งเลื่อนเวลาในการขึ้นภาษีการขายออกไป

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน โดยเฉพาะบ่ายวันนี้คงต้องรอดูผลประชุมบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสมาคม บล.ด้วยว่าจะมีมาตรการคุมเข้มหุ้นเก็งกำไรในลักษณะใดออกมากดดันตลาดหรือไม่ สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ SCC, RICHY, KBANK, RS, BBL, CK, STEC, SAMART, SPALI, LPN, BEAUTY, BGH, SAPPE, TUF, AOT, KTB, JSP,CENTEL, ERW, AAV, RML และ RS

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย.) ว่า แม้ TNS ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2014 ลงเหลือ +1.1% เนื่องจากภาคการส่งออกอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจปี 2015-16 ที่ 4.0-4.6% เหมือนเดิม นำโดยการบริโภคและการลงทุนที่ฟื้นตัว ซึ่งทำให้คงแนะนำลงทุนใน Domestic Plays ต่อไปขณะที่ต้องติดตามได้แก่มาตรการป้องกันการเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กของตลท.วันนี้ สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศ ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น Europe +0.6-1.6% เมื่อคืนนี้

เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากการบริโภค และลงทุนที่เติบโตทำให้แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้น Domestic Plays ต่อไป อย่าง KBANK BBL CK STEC SAMART SPALI LPN(กำไรเติบโตสูงสุดในกลุ่ม 54.8% โครงการรังสิตคลอง 1 ได้รับ EIA แล้ว) BEAUTY BGH รวมถึง SAPPE (แนวรับ 4 เดือนที่ 36.5 บาท) TUF AOT




บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย.) ว่า ภาพรวม SET INDEX วานนี้ ขยับขึ้นเด่นด้วยหุ้น Big Cap ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร / ICT / ที่อยู่อาศัย / รับเหมาก่อสร้าง ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้า เพื่อตอบรับเชิงบวกต่อการฟื้นตัวภาคการบริโภคภายในประเทศ และรัฐบาลอนุมัติร่างโครงการรถไฟรางคู่ ถือเป็นสัญญาณบวกในภาพรวมของตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม แนวต้าน 1,590 จุด +/- ในวันนี้ยังอาจปิดทะลุแนวดังกล่าวได้ยาก แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียจะเป็นบวกเอื้อต่อการลงทุนก็ตาม

ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก และหุ้นใน MAI อาจแกว่งตัวในกรอบแคบ เพื่อรอผลการประชุมสมาคมโบรกเกอร์ วันนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการสกัดกั้นการซื้อขายหุ้นเล็กที่ร้อนแรงเหมือนช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมโบรกเกอร์ เตรียมประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่ทันที หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันนี้

ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามการประชุม BoJ วันนี้ อาจส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ได้ หลัง รัฐบาล ภายใต้การนำ นายกฯ Abe ประกาศเตรียมยุบสภา และให้ครม.หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้น Big Cap บางส่วนบริเวณ 1,590 จุด +/-“ และ เข้าเก็งกำไรหุ้นที่ Laggard หรือ ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 ไปแล้ว

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” KTB/ LPN



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย.) ว่า การเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน หรือราคาสูงเกิดพื้นฐานมาก มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมาก แนะนำให้กลับมาเลือกหุ้นที่ราคายังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และกำไรเติบโตโดดเด่นซึ่งมีตัวเลือกที่หลากหลาย วันนี้เลือก RS (FV@B 13.20) เป็น Top Pick เนื่องจากปรากฏสัญญาณบวกชัดเจนจากธุรกิจโทรทัศน์ ทำให้นักวิเคราะห์ ASP ปรับเพิ่มประมาณการและ Fair Value



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ บวกต่อแต่แกว่งแรง

KGI มอง SET วันพุธขึ้นต่อแต่ผันผวน วานนี้แรงซื้อหุ้นใหญ่ท้ายตลาด + ต่างชาติซื้อหนุนความเชื่อมั่น อย่างไรก็ดีให้ติดตามมาตรการควบคุมหุ้นร้อนที่จะประกาศในวันนี้ อาจส่งผลให้ SET ผันผวนด้านปัจจัยภายนอกเป็นบวก หลังเยอรมันรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ZEW Index) เพิ่มขึ้นครั้งแรกรอบ 11 เดือน และญี่ปุ่นประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มไปเป็น เม.ย. 2560 ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ส่วนปัจจัยภายในถือว่าเป็นกลาง เพราะอยู่ในช่วงรอตัวเลขเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม เช่นยอดส่งออกนำเข้า, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และดัชนีบริโภคและลงทุน ทั้งหมดจะรายงานสัปดาห์หน้า

หุ้นเด่นวันนี้ ซื้อ SCC* / เก็งกำไร RICHY



บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย.) ว่า SET กลับมาบวกได้ดีแต่มีสิทธิผันผวน จึงถือต่อได้แต่ซื้อน่ารออ่อนตัว...

แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET สามารถพลิกกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้อีกครั้ง เพื่อตอบรับข่าวดีจากการที่ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และจะดำเนินการมากขึ้นเพื่อหนุนเศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากที่ในช่วง 2 วันก่อนหน้า SET ก็ได้ปรับพักตัวลงพอควรแล้วด้วย โดยวานนี้มีทั้งแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ และค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าเป็นปัจจัยสนับสนุน ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียก็ถือว่ายังค่อนข้างสดใสตามภาวะตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ที่ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐ

รวมทั้งตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังขยับขึ้นด้วยกรอบจำกัด และมีแนวโน้มที่จะแกว่งผันผวนได้อยู่ ทำให้ยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนของ SET ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบ่ายวันนี้คงต้องรอดูผลประชุมบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสมาคม บล.ด้วยว่าจะมีมาตรการคุมเข้มหุ้นเก็งกำไรในลักษณะใดออกมากดดันตลาดหรือไม่

แนวรับ 1580-1576 , 1573-1568 จุด แนวต้าน 1584-1588 , 1590-1595 จุด

กลยุทธ์ : หลังจาก SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนอีกครั้ง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำต่างๆ เริ่มพลิกกลับเป็นบวก ทำให้ยังลุ้นโอกาส SET แกว่งตัวขึ้นต่อ ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบไปแล้วก็สามารถถือต่อเนื่องได้ เนื่องจาก FSS ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงท้ายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า แต่ถ้าจะเทรดดิ้งต่อก็ต้องตามดูจังหวะการแกว่งของตลาดด้วย และยังแนะนำให้รอซื้อเพิ่มในช่วง SET อ่อนตัวลงดีกว่าอยู่

หุ้นเด่นมีประเด็น JSP ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 3.30 บาท

CENTEL (TP 40 บาท) ERW (TP 5.90 บาท) และ AAV (TP 5.40 บาท)

RML คงเป้าหมายปี 2015 ที่ 2.40 บาท

RS ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 11.80 บาท



บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(19 พ.ย.)ว่า ทิศทางตลาด : Sideway Up? ภายใต้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดี และความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะดาเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินมากขึ้น หลังเศรษฐกิจใน 3Q/57 หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน รวมถึง ECB ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยผลการประชุมเฟด (28-19/10/57) ในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่?

ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกจากประเด็น Fund Flow หลังล่าสุดมีแรงซื้อสุทธิกว่า 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้มีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลัง GDP – 3Q/57 เติบโตต่ำ กว่าคาด

โดยยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือน พ.ย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – ’65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว ขณะทีล่าสุดวานนี้ (18/11/57) ครม. อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย – มาบตาพุด ระยะทาง 867 กม. ระหว่างไทย – จีนด้วยวิธี G to G เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างปี’59

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ)คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58

หุ้นแนะนำ : KBANK

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com