*ไม่น่าเชื่อว่า วานนี้จะมีเสียงก่นด่าจากโบรกเกอร์ และแมงเม่าออกมาต่อมาตรการคุมหุ้นร้อนออกมาเยอะแยะ แถมบางรายสบถผ่านพรายกระซิบให้ฟังว่า ใช้อวัยวะส่วนไหนคิด? เพราะมาตรการดังกล่าวเหมือนเป็นการทุบรายย่อยให้ตายคามือ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนยอมรับวิธีการดังกล่าวไม่ได้จริงๆ และรู้สึกถึง ความผิดเพี้ยนบางประการได้เกิดขึ้นแล้วนะตัวเอง

*แถมกูรูหลายสำนักพูดไปในทางเดียวกันว่า คนที่ทำเรื่องนี้ไม่เข้าใจกลไกของตลาดหุ้น และยังไม่ยอมเปิดใจรับฟังความเห็นของคนอื่น เท่ากับพากันลงเหวลงห้วยแบบนี้ “โมนิก้า” ฟันธงได้ทันทีว่า ขาเก้าอี้ของเจ๊ทั้งสองสั่นคลอนแน่ๆ เพราะความไม่พอใจของผู้คนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นักลงทุนขาใหญ่หัวเราะร่าอยู่บนภู มันบอกให้รู้ว่า มาผิดทางหรือเปล่า?

*ยิ่งนารีอีกนางหนึ่งออกมาย้ำว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับผลในทางปฏิบัติตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะสามารถลดความร้อนแรงของหุ้นเก็งกำไรได้ อันเป็นผลมาจากจากการห้ามทำ Net Settlement ถือว่ามีความรุนแรงมากพอสมควร ยิ่งทำให้เดี๊ยนมั่นใจว่า นารีทั้งสองน่าจะทำผิดหลักสากลทั่วไปแล้วหละ?..งานนี้อยากรู้ว่า คนส่วนใหญ่คิดอะไรกับนางเหล่านี้ ลองออกแบบสอบถามรายย่อยดูซิ!..แล้วจะรู้ว่า แมงเม่าส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับแม่คุณทั้งสองเจ้าค่ะ

*เนื่องจากการตรวจสอบใครเป็นคนปั่นหุ้นทำได้ง่ายมากๆ แค่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งข้อมูลการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติให้กับ ก.ล.ต. ไปตรวจสอบ เพียงเท่านี้ก็ทำให้พวกขาปั่นน่องเหล็กขยาดกันเป็นแถว แต่ดูเหมือนว่า ข้อเสนอด้านนี้จะไม่ได้รับการตอบสนองสักเท่าไหร่? “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า เรื่องนี้เป็นการปกป้องสิทธิของนักลงทุนรายย่อยจริงเหรอ?..รบกวนคุณเจ๊ทั้ง สองตอบด้วยนะคะ

*ถ้าคิดว่า การเก็งกำไรมันผิดจริงๆ ไม่ควรมีตลาด TFEX เพราะตลาดนี้ไม่เคยให้ผลดีกับนักลงทุนรายย่อย และไม่ช่วยเสริมสร้างภูมิความรู้แก่นักลงทุนรายย่อยแม้แต่นิดเดียว รายย่อยเข้าไปกี่รายต่อกี่ราย ต่างร้องโอดโอยไม่เป็นภาษา “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นความจำเป็นของการมีตลาดนี้..ก่อนหน้านี้โหมข่าว เก็งน้ำมัน เก็งทองคำ สุดท้ายเจ๊งกันเป็นแถบ ไม่เห็นมีคนของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้สัก..

*ผลดังกล่าวทำให้รายย่อยกระหน่ำทิ้งหุ้นออกมาอุตลุด จนยอดขายสุทธิพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 1.66 พันล้านบาท ขณะที่นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาซื้อหุ้น “โมนิก้า” ถึงเซ็งเป็ดสุดๆ ยิ่งมองย้อนกลับไปในช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซา แล้วมีการกวักมือเรียกแมงเม่าให้เข้ามาเยอะๆ ยิ่งทำให้เห็นว่า คนที่คิดออกมาตรการเหล่านี้ไม่ได้สำเหนียกถึงบทบาทของนักลงทุนรายย่อยที่ เข้ามาช่วยให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้นแม้แต่นิดเดียวนะจ๊ะ

*งานนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์ของของผู้คนในตลาดหุ้นที่มีต่อมาตรการดังกล่าว ใครทำอย่างไรไว้..ก็น่าจะได้อย่างนั้น..อ้อ..อย่าลืมว่า หนึ่งทศวรรษแล้วกระมั่ง..ตลท. กับ ก.ล.ต. จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย ปลาใหญ่ๆ ไม่เคยจับได้สักที แถมยังชอบพูดอยู่บ่อยๆ ต้องการให้นักลงทุนหัดทำการบ้านก่อนการเข้าลงทุน (ตอนหุ้น IPO โหลยๆ โท่ยๆ ทำรายย่อยเจ๊งระนาว ไม่เคยคิดจะพูดสักแอะ)

*เปลี่ยนบรรยากาศมาเม้าท์ถึงหุ้นรายตัวบางดีกว่า และตัวที่เดี๊ยนสนใจมากสุดในเวลาคงเป็นในรายของ UNIQ หลังจากมีข่าวเรื่องรถไฟรางคู่ออกมาเป็นระรอก ก็ดูเหมือนว่า หุ้นตัวนี้จะออกอาการกระดี๋กระด๊า แรงซื้อเริ่มไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง 10.60 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3% วอลุ่มหนาแน่นกว่าวันก่อนๆ มองในมุมนี้ต้องฟันธงลงไปในทันทีว่า มีโอกาสวิ่งกลับไปที่ high เดิม 13 บาทนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ NOK หลังจากทำ new low ที่ระดับ 11.60 บาทไปเมื่อวันก่อน ถัดจากนั้นอีกหนึ่งวันรีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ 12 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าหลักร้อยล้านบาท “โมนิก้า” อยากมองเป็นจุดเปลี่ยนของหุ้นรอบใหม่ แต่ไม่กล้าฟันธงลงไปเช่นนั้น เพราะบทเรียนในอดีตทำให้เดี๊ยนแนะนำหุ้นสายการบินตัวนี้ได้แค่เทรดดิ้ง วันนี้บวกต่ออีกวัน ถึงจะมั่นใจได้ว่า กลับทิศแล้วเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ ICHI ทะยานขึ้นมาแบบเนิบๆ ก่อนจะปิดที่ 22.20 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการกลับทิศค่อนข้างแน่นอน และดูเหมือนว่า การขึ้นเที่ยวนี้จะมาพร้อมกับความคาดหวังเรื่องผลประกอบการในงวดถัดไปจะดี กว่างวดที่ผ่านมา จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่อยากให้แฟนคลับหันมามองไงหละจ๊ะ

*ป.ล. วันนี้เม้าท์ถึงหุ้นพื้นฐานเยอะหน่อย เพื่อเอาใจนารีพิฆาต เดี๋ยวจะหาว่าเดี๊ยนหมกมุ่นในหุ้นเก็งกำไรมากเกินไป..อิอิอิ