JSP ประเดิมเทรดในตลาดเอ็มเอไอวันแรก ผู้บริหารมั่นใจราคาหุ้นยืนเหนือจอง เหตุพื้นฐานแกร่ง กำไรปีนี้-ปีหน้าโตก้าวกระโดด ราคาไอพีโอเหมาะสม ให้ส่วนลดนักลงทุน 60% ไม่หวั่นจำนวนหุ้นมาก เพราะนักลงทุนสถาบันได้หุ้นไปกว่า 40% ทำให้เหลือฟรีโฟลทในตลาดน้อย พร้อมวางแผนย้ายเข้า SET ปีหน้า หลังคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ ด้านโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 3.30-3.55 บาท มองปีหน้ากำไรต่อหุ้นโตกว่า 167%


**JSP มั่นใจวันนี้หุ้นยืนเหนืองจอง พร้อมลุยใช้เงิน 50% ซื้อที่ดิน
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ JSP ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า อาคารมินิแฟคตอรี่ โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นของบริษัทฯ ที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันนี้ (19 พ.ย. 2557) ราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาจองที่ 2.60 บาทแน่อน เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทฯ ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ไม่แพง มีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 60% เมื่อเทียบกับ P/E ของตลาด mai ในปีที่ผ่านมา
โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายไอพีโอครั้งนี้ 50% จะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในปี 2560-2561 เพราะในปี 2558-2559 บริษัทฯ มีโครงการในมือเพียงพอแล้ว

**ไม่กลัว ตลท.หารือมาตรการดูแลหุ้นร้อน ส่งผลกดดัน
ผู้บริหารระบุต่อไปอีกว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์จะมีการหารือมาตรการดูแลหุ้นร้อนในวันพรุ่งนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการเข้าซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

**โชว์แนวโน้มผลประกอบการโตพรวด
นายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ ระบุถึงทิศทางผลประกอบการว่า ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ปี 2557 คาดจะมีรายได้อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีรายได้เพียง 800 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรก บริษัทฯมีรายได้แล้วประมาณ 2,100 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 418 ล้านบาท โดยเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนโครงการสำเพ็ง 2 ทั้งเฟส1 และ 2 ซึ่งมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง   
ส่วนปีหน้าคาดรายได้จะโตจากปีนี้ 80% ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการเช่นเดียวกัน ก่อนที่รายได้จะกลับมาเติบโตในระดับปกติ เฉลี่ยปีละ 20% ในปี 2559
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการอสังหาฯ 3 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยมียอดขายไปแล้วกว่า 80%  
บริษัทฯ ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ และปีหน้าอยู่ที่ระดับ 33% แต่อย่างไรก็ตามในปี 2559 คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะปรับลดลงต่ำกว่า 30% เป็นผลจากการที่เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ ที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ   
"รายได้ของเราปีนี้คาดว่าจะเติบโต 200% จากปีก่อนซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนโครงการต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยจุดเด่นของการลงทุนในหุ้น JSP คือ รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการให้เช่าอาคารพาณิชย์ และยังไม่มีคู่แข่งในตลาด ประกอบกับมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จุดเด่นโครงการของบริษัทฯ คือการทำเป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ ซึ่งมีทั้งคอนโดฯ และทาวน์โฮม"นายสิทธิพร กล่าว
นอกจากนี้ วันที่ 22 -23 พ.ย. นี้ บริษัทฯ จะมีการเปิดให้จองซื้อคอนโดมิเนียม สำเพ็ง 2 เรสซิเด้นท์ ซึ่งมีขนาด 2,821 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขายได้ประมาณ 400 ยูนิตในช่วง 2 วันแรกที่เปิดขาย

**เชื่อกองทุนที่กว้านหุ้นไป 40% ไม่ทิ้งของพรวด
นายไพฑูรย์ ธำรงกิตติคุณ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน JSP เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจหุ้น JSP จะสามารถสูงกว่าราคาจองได้ เนื่องจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีนักลงทุนสถาบันเข้ามาจองซื้อ 560 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 40% ซึ่งนักลงทุนสถาบันจะไม่ขายหุ้นออกมาในวันแรกแน่นอน ทำให้ปริมาณหุ้นที่เสนอขายไอพีโอครั้งนี้จะหายไป 40% และราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้ก็เป็นราคาที่เหมาะสม
"แม้บริษัทฯ จะมีการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้สูงถึง 1,200 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทฯได้มีการจัดสรรให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศถึง 40% ซึ่งนักลงทุนสถาบันจะไม่ขายหุ้นวันแรก จึงทำให้ฟรีโฟลทดังกล่าวหายไป"นายไพฑูรย์ กล่าว

**วางแผนย้ายเข้า SET ปีหน้า หลังคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์
ที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยต่อไปอีกว่า ในปีหน้า JSP มีแผนที่จะย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เนื่องจาก JSP เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 20,920 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงที่สุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปีนี้
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯ ไม่เข้าจดทะเบียนใน SET เพราะบริษัทติดปัญหาเรื่องเกณฑ์กำไรที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่สามารถเข้า SET ได้ โดยบริษัทมีคุณสมบัติในเกณฑ์ในเรื่องผลประกอบการในเดือนธ.ค. นี้แต่บริษัทไม่รอ เพราะต้องการที่จะได้เงินเพื่อนำไปซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการ เพราะหากรอเวลาอาจจะเสียโอกาสในการลงทุน

**3 โบรกเกอร์เคาะราคาเป้าหมาย 3.30-3.55 บาท
บทวิเคราะห์ จาก บล. ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ JSP ปี 2557-2558 จะโต 53.5% และ 167% ตามลำดับ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2558 ที่ 3.30 บาท (PE 10 เท่า) (**FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ JSP)
บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการเติบโตของกําไรสุทธิเฉลี่ยไว้ที่ 223% สำหรับปี 2557-2558 ให้ราคาเป้าหมายปี 58 ที่ 3.55 บาท (PE 11 เท่า) ขณะที่ บล. เคที ซีมิโก้ มองการเติบโตกำไรปีนี้และปีหน้าที่ 273.5% และ 186.9% ตามลำดับ รราคาเป้าหมาย 3.45 บาท (PE 11 เท่า)