April 27, 2024   5:28:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > CKP อนาคตสุดหรู อัพแวลูแตะ 22 บาท!
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 29/10/2014 @ 08:19:18
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.33/40 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,535-1,550 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังทดสอบแนวต้านทางเทคนิค หุ้นเด่นเลือก CKP-KBANK-BBL-CK-STEC-LPN-QH-SIRI-SAMART-BEAUTY-SAPPE-BGH-TTA-DEMCO-PTG-CHO-CSS-IFEC และ SPALI




นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เป็นบริษัทที่น่าจับตาดูมากที่สุดบริษัทหนึ่งในเวลานี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการทำกำไรจะเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 57 และจะโดดเด่นมากขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในปี 58 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำกำไรแบบก้าวกระโดด

โดยประเด็นที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับหุ้น CKP ในเบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 7 ข้อ คือ 1 ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าทั้งหมด 3 แห่งหลัก คือ โรงน้ำงึม 2 (NN2) ที่ประเทศลาว 615MW (CKP ถือ 42%) โรงไฟฟ้า BIC1 118 MW (CKP ถือ 65%) และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (BKC) 8MW (CKP ถือ 100%) นอกจากนี้ CKP ยังถือหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์รวม 14 MW รวมแล้ว CKP มีกำลังผลิตรวมปัจจุบัน 347 MW

ประเด็นที่ 2. ในปี 2557 CKP จะรับรู้รายได้จาก BIC1 เต็มปี (ปีที่แล้วรับรู้แค่ครึ่งปี) ประมาณ EPS เต็มปีราวๆ 0.45-0.47 บาท 3.โรงไฟฟ้าของ CKP ล้วนแล้วแต่เป็นโรงไฟฟ้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มดำเนินงานทั้งสิ้น ทุกโรงมีอายุคงเหลือสร้างกระแสเงินสดให้ CKP ในระดับ 20 ปีขึ้นไป 4.ในปี 2560 CKP จะรับรู้รายได้จาก BIC2 (120 MW ถือ 65%) โดยโครงการมีความแน่นอนแล้ว ได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าแล้ว และอยู่ระหว่าเตรียมการก่อสร้าง โดยส่วนนี้จะเพิ่ม EPS ให้ CKP ได้ราว 0.16-0.17 สตางค์ หรือคิดเป็นมูลค่าหุ้นราว 3 บาทต่อหุ้น

สำหรับประเด็นที่ 5-7 จะเป็นตัวบอกเรื่องราวการเติบโตของบริษัทนี้ได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากข้อมูลในส่วนที่ 5. เป็นการพูดถึงปี 2561 CKP มีแผนรับรู้รายได้จากโครงการน้ำบากที่ลาวอีก 160MW โดยได้เซ็นสัญญาโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 6.ปี 2562 CKP มีแผนเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ในสัดส่วน 37.5% โดย CKP ได้สิทธิ์ในการซื้อหุ้น 37.5% จาก CK และ BECL โดยโรงไชยะบุรีได้เริ่มการก่อสร้างแล้วจึงมีความแน่นอน กำลังการผลิตรวมถึง 1,285MW

โดยข้อสรุปทั้งหมดอยู่ตรงข้อที่ 7. ซึ่งเป็นการย้ำให้เห็นว่าในปี 2560 ถึง 2562 จะเป็นช่วงที่ตัวบริษัทมีความยั่งยืนของตัวเลขผลกำไร อันเป็นผลมาจากโครงการค่อนข้างมีความแน่นอ กำลังการผลิตของ CKP จะเพิ่มจาก 347MW ในปี 2557 เป็น 425MW > 492MW > 974MW ในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นเกือบเป็น 3 เท่าตัว จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน จึงประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 22 บาท ซึ่งมีอัพไซด์ประมาณ 18%



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) ทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET INDEX คาดแกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,535-1,550 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ผ่านด่านสำคัญ 1,550 จุด แต่ภาพรวมของการลงทุนของตลาดหุ้นไทย ณ วันนี้ ดีกว่าช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่เป็นช่วงเวลาของการปรับฐานของ SET INDEX อีกทั้ง downside risk ของ SET INDEX เริ่มจำกัดมากขึ้น แนวรับ 1,530 จุด +/- จะทำงานได้ดีขึ้นในช่วงสั้นๆ นี้ เพื่อรอดูผลการประชุมเฟดในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะแกว่งแคบเพื่อรอประเด็นดังกล่าวเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ตลาดเชื่อว่าเฟดจะประกาศยุติโครงการ QE ในรอบนี้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่มุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะปรับขึ้นเป็นช่วง เวลาใดในปีหน้า

แน่นอนว่า กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะไม่โดดเด่นทั้งในแง่ขายหรือซื้อ แม้ว่าการโรดโชว์ของตลทฯ ในนิวยอร์คและซานฟรานซิสโก เริ่มต้นตั้งแต่วานนี้ และสิ้นสุดในวันที่ 30 ต.ค.ก็ตาม นักลงทุนต่างชาติน่าจะเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/57 ช่วงสั้นนี้

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้ “พิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,550 จุด +/-“ และถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ หรือเปลี่ยนลงทุนในหุ้นที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนงบการเงินไตรมาส 3/57

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” BEAUTY / TTA



บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้ แม้มีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังทดสอบแนวต้านทางเทคนิคอิงเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนบริเวณ 1,548 +/- จุด อย่างไรก็ตามประเมิน Downside Risk ของ SET จำกัด และคาดการณ์ SET จะสามารถปรับสูงขึ้น “ทำลาย” เส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือนได้ในที่สุดด้วยแรงหนุนจากการเข้าซื้อกองทุน RMF + LTF ช่วงปลายปี 1-2 หมื่นล้านบาท (ดู The Quant ฉบับล่าสุด วันที่ 6 ต.ค.) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุม FOMC วันที่ 29 ต.ค.นี้

กลยุทธ์ลงทุนหลัก แนะนำ “ซื้อ” Domestic Plays อย่าง KBANK BBL CK STEC SPALI LPN QH SIRI SAMART BEAUTY SAPPE BGH ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังแนะนำ “เก็งกำไร” กลุ่มหุ้นที่มีการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในต่างประเทศอย่าง CKP (แนวต้าน 19.1 และ “ซื้อ” CK ที่เป็นบริษัทแม่) IFEC (แนวต้าน 9.45 บาท) รวมไปถึง SAMART (ทยอยสะสมที่แนวรับ 31 +/- บาท)



บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้แกว่งตัวแคบๆ รอผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ

KGI มอง SET วันอังคารแกว่งตัวหรือบวกแคบๆ คาดเม็ดเงินจากฝั่งกองทุนไทยยังหนุน SET ในช่วงเม็ดเงิน LTF/RMF เริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นและกองทุนทริกเกอร์กลับมาคึกคัก อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นเอเชียยังไม่เป็นใจ ส่งผลให้ต่างชาติอาจยังขายสุทธิต่อและ SET คงบวกไม่แรง

สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) ก.ย. ต่ำกว่าคาด และรายงานการซื้อพันธบัตร cover bond ของ ECB ในสัปดาห์แรกอยู่ที่ 1.7 พันล้านยูโร ซึ่งถือว่าไม่มาก (แต่เรายังคาดว่าปริมาณการซื้อจะเร่งตัวขึ้นในระยะถัดไป) ภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังอยู่ช่วงรอผลประชุมเฟดคืนวันพุธ แนะถือหุ้นไปก่อน // หรือขึ้นขายลงซื้อ

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน สะสมหุ้นเดินเรือต่อ / ซื้อ PTG และ CHO



บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) ตลาดหุ้นโลกน่าจะแกว่งตัวรอดูผลการประชุม FED ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/57 ของตลาดหุ้นไทยไม่สดใส ทำให้มีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรตลาดปีนี้และปีหน้า แนะนำขายหุ้นที่เต็มมูลค่าเช่น PTT และยังถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ โดยยังเลือก DEMCO (FV@B18) เป็น Top pick



บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET บวกเพิ่มขึ้นวานนี้โดยผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันแต่ยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีตลาดได้ทิศทางขาขึ้นระยะสั้นเพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้านทั้งเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันและแนวต้านระดับต่างๆ อย่างไรก็ตาม MACD ยังอยู่ที่ -7.71 มองเป็นทิศทางแกว่งตัวขึ้นช่วงสั้นๆทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 1,558 จุด ก่อน

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบแนวรับ 1,536-1,550 จุด

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร CSS และ SPALI

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com