*ถ้าให้ “โมนิก้า” วิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในแต่ละวันจะเห็นว่า แพทเทิร์นการทะยานของหุ้นยังอยู่ในกรอบเดิมๆ ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะแรงกดดันที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มาจากหุ้นบลูชิพล้วนๆ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงเป็นตัวถ่วงความเจริญของตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงมาต่ำกว่า 90 เหรียญต่อบาร์เรลแล้วนะซี

*อีกทั้งมีข่าวพฤติกรรมซื้อๆ ขายๆ ของนักลงทุนสถาบันรบกวนตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ลองพิจารณาความจำเป็นในการลงทุนหุ้นขนาดใหญ่มีแค่ไหน? เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้กลายเป็นว่า แมงเม่าหนีแรงกดดัน พร้อมกับหันไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็กกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดมาระยะหนึ่งแล้ว และจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นะจะบอกให้

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจเช่นนั้นเกิดจากหุ้นขนาดใหญ่ยังขาดข่าวดี แถมในแต่ละวันก็มีเรื่องร้ายๆ เข้ามากระทบตลอดเวลา ใครเข้าเล่นก็มีแต่เจ็บตัว ขณะที่หุ้นขนาดเล็กมีข่าวสารที่น่าสนใจมากมายหลายเรื่อง แถมแต่ละเรื่องเป็นดีลสร้างความฮือฮาให้กับวงการตลาดหุ้นไทย เดี๊ยนถึงเห็นหุ้นเหล่านี้กระชากขึ้นมาติดในกระดาน most gainer ไม่ซ้ำหน้าไงหละคะ

*ล่าสุดเป็นคิวของ MLINK กระชากขึ้นมาปิดที่ 4.18 บาท บวกไป 0.96 บาท หรือขึ้นไป 30% “โมนิก้า” ถือเป็นทีเด็ดที่แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” รับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว แถมข้อมูลดังกล่าวยังถูกนำมาขยายความบน www.kaohoon.com จนหลายคนล่วงรู้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบนี้ จึงไล่ซื้อหุ้นอย่างไม่ลดละความพยายาม แถมเป็นการทะยานขึ้นแรงอย่างเป็นทางการวันแรกเสียด้วยแบบนี้..ตามสูตรสำเร็จต้องเคาะไม้ 2..ส่งต่อไม้ 3 เชื่อหรือไม่เชื่อ วันนี้ต้องติดตามไปดูกันเอาเองนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ S ถ้ามองดูตามรูปการจะเห็นว่า ทุกอย่างกำลังเดินไปในทางที่มันควรจะเป็น เพียงแต่ราคาหุ้นในกระดานอาจโอเว่อร์รีแอ็คไปสักหน่อย แต่หยวนๆ กันไปได้ เพราะของมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งว่า บริษัทกำลังมีการพลิกตัวครั้งสำคัญ ตัวเลขกำไรมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดดค่อนข้างสูง วานนี้จึงมีคนเข้ามาไล่ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ระดับ 10.90 บาท บวกไป 1.05 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 11% นะจะบอกให้

*สำหรับในรายของ SST เป็นอีกหนึ่งหุ้นเล็กที่พลิกชะตาตัวเองขึ้นมาเป็นหุ้นขนาดกลาง และกำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในไม่ช้า ภายใต้สมมุติฐานตัวเลขกำไรจะต้องเกิดขึ้นหลังจากนี้ และดูเหมือนว่า ตัวเลขกำไรยังไม่ปรากฏให้เห็นสักทีนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทะยานขึ้นของราคาหุ้น เพราะยังมีสตอรี่ซื้อๆ ขายๆ กิจการเป็นตัวบิ้วอารมณ์ตลอดเวลา และยังมีนโยบายใช้หุ้นเพิ่มทุนเพื่อต่อยอดความสำเร็จ วานนี้จึงเป็นอีกวันที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ 32.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 9% อย่างง่ายดาย..ก็คนมันเชื่อจะดีขึ้น ก็เลยไล่ซื้ออย่างหนัก ก็เท่านั้นเอง!

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหมั้นไส้ ACD ขึ้นมาในทันที ของมันเห็นกันมาตั้งแต่ปีมะโว้ว่า ไม่มีอะไรในก่อไผ่! แต่คนบางกลุ่มกลับพยายามให้มีอะไรบางอย่างซ่อนไว้ ข่าวลือเรื่องนั้น ข่าวลือเรื่องนี้ถึงสะพัดไปหมด บางกระแสมีการจับโยงไปถึงเงินจากบ่อนพนัน หรือแม้กระทั่งกลุ่มทุนการเมืองก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด จึงกลายเป็นหุ้นที่ผันผวนหนักสุดตัวหนึ่ง จากทะยานขึ้นไปทำ high ที่ระดับ 4 บาท สุดท้ายทิ้งดิ่งลงมาปิดที่ 3.48 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 8% วอลุ่มแน่นเอี๊ยดแบบนี้..สงสัยตะลุมบอลกันอีกพักใหญ่ๆ เจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งตัวที่มีลักษณะคล้ายกันต้องยกให้ MAX ถ้าพิจารณาจาประวัติความเป็นมา หุ้นตัวนี้เป็นได้แค่เพียงหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ โครงสร้างเนื้อหาที่แท้จริงจับต้องไม่ได้ แถมพรายกระซิบรู้เช่นเห็นชาติความเป็นมาของหุ้นตัวนี้อย่างดี “โมนิก้า” จึงขอเตือนพวกบ้าระห่ำให้ระวังตัวดีๆ หุ้นตัวนี้เขามีการเข้าองค์ทรงเจ้าประจำ และพร้อมจะออกของได้ทุกเมื่อ การขึ้นมาปิดที่ 1.16 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 5.50% จึงเป็นยอดดอยที่สุดแสนจะหนาวเหน็บ..อิอิอิ

*ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ FSMART ภายใต้การดูแลของ “ดับเบิ้ลสมภพ” ในที่สุดก็นำพาน้องใหม่ถอดด้ามเข้าเทรดอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สวยงามมากๆ ตามหลักจิตวิทยาการลงทุน เพราะใครๆ ก็รู้ว่า วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง “โมนิก้า” จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับคนที่คิดค้นกิมมิคดังกล่าว ซึ่งเขาเม้าท์กันว่า มิสเตอร์คิมเป็นคนคิดมุขนี้นะจะบอกให้

*ส่วนเรื่องราคาหุ้นที่เทรดวันแรกจะออกมาในรูปไหน “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า หุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ของมันเห็นเต็มลูกตาโตๆ สองข้างว่า นี่เป็นผู้ให้บริการเติมเงินออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุด ผสมผสานกับคอนเซ็ปต์เป็นหุ้น growth stocks เดี๊ยนถึงมองราคาหุ้นวันแรกเปิดกระโดดเท่าตัวแน่ๆ จากราคา IPO ที่ระดับ 2.50 บาท จะขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับไหนต้องติดตามดูกันเอาเองนะจ๊ะ