คอลัมน์ วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2557

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องหันกลับมาพูดถึงแนวทางการลงทุนของกองทุน ฝรั่งตาน้ำข้าว และปอบผีฟ้า เพราะสิ่งที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่า สุดท้ายก็กลับมาตายคาอกเหมือนเดิม...ก็อย่างว่าแหละ! น้ำพริกถ้วยเก่าต้องแซบ...บบ กว่าอยู่แล้ว ของมันเคยขากันอยู่ จะให้ทิ้งไปดื้อๆ ใครจะไปทำใจได้ แถมเรื่องที่จับโยงกันไปถึงขั้นที่ว่า เงินทุนต่างชาติไหลออกนั้น...เอาเข้าจริงก็เป็นเพียงแค่คำพูดลอยๆ ที่ใช้อธิบายเฉพาะหน้านะคะ

*อีกทั้งสิ่งที่เห็นในช่วงสองสามรอบที่ผ่านมา ก็กลับมาอยู่ที่จุดเดิมเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นรายการรุมกินโต๊ะรายย่อย กองทุนโขยกเอาของไป 2.60 พันล้านบาท ฝรั่งตาน้ำข้าวจัดไปอีก 3.68 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าสบช่องสอยเข้าพอร์ตอีก 634 ล้านบาท มองในมุมของนักเล่นถือเป็นโอกาสของการขายทำกำไร และต้องปรบมือดังๆ ให้กับความแหลมคมของนักลงทุนรายย่อยเจ้าค่ะ

*ส่วนอีกมุมหนึ่งต้องยอมรับว่า นี่เป็นการส่งไม้ผลัด เพื่อให้คนอื่นทำหน้าที่ดันหุ้นต่อ และดูเหมือนคนกลุ่มใหม่จะมีพาวเวอร์ค่อนข้างเยอะ ถึงดันดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,544.55 จุด บวกไป 24.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.60 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการคัมแบ็กครั้งใหญ่ของพวกที่มีเงินบนหน้าตักเพียบ และเชื่อว่าคนพวกนี้จะกระโจนเข้าใส่หุ้นแบบนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่งนะจะบอกให้

*งานนี้จริงเท็จแค่ไหน “โมนิก้า” ไม่ขอเอาหัวเป็นประกัน แต่ที่กล้าพูดออกไปแบบนี้ ย่อมต้องมีข้อมูลซัพพอร์ต แถมแท่งเทียนเปิดกระโดด พร้อมกับยืนเหนือเส้นแนวต้าน 10 วัน 25 วัน อย่างแข็งขัน ย่อมเชื่อได้ว่า วันนี้จะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,550 จุดครั้งที่สองในรอบ 1 เดือน...หากผ่านไปได้อย่างแข็งแกร่ง มองเป้า 1,600 จุดได้ทันที หากผ่านไปไม่ได้ ก็ตั้งต้นกันใหม่แค่นั้นเองเจ้าค่ะ

*ประเด็นนี้เทียบได้กับอาการ sideway up ของเจ้าพ่อวงการก่อสร้าง CK ในยุคที่สีเขียวเป็นใหญ่ อะไรต่อมิอะไรก็ดูดีไปหมด แถมยังมีข่าวดีโผล่มาให้เห็นประปราย ผสมผสานกับกูรูสำนักต่างๆ ยกหัวแม่โป้งให้กันถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถึงต้องคล้อยตามกระแสโดยไม่มีข้อท้วงติง หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 27.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.80% วอลุ่ม 2.56 พันล้านบาท...มันหมายถึงมหาชนให้การยอมรับ และมีโอกาสวิ่งทะลุ high เดิม 28.75 บาทค่อนข้างสูงนะจะบอกให้

*พูดถึงหุ้นแรงๆ “โมนิก้า” ต้องเหลียวหลังมามอง SAPPE เป็นลำดับถัดมา หลังผู้บริหารฝอยเป็นตุเป็นตะ งบไตรมาส 3 จะทำ new high หลังจากไตรมาส 2 ทำกำไรได้โตกว่า 100% จากราคาหุ้นที่ห่อเหี่ยวเป็นมะเขือเผา กลับแข็งโด่ไม่รู้ล้ม ก่อนจะมาปิดที่ราคาสูงสุดของวันที่ 31.25 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 12.61% ขณะที่ยอดเดิมอยู่ที่ 33.50 บาท...จะไปถึงหรือไม่ วันนี้มาดูกันจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ PTL กระโดดขึ้นมาปิดที่ 11.20 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 12.60% ล้วนมาจากคอนเซ็ปต์เทิร์นอะราวด์เพียวๆ ไม่มีเรื่องอื่นเจือปน ยิ่งพลิกจากขาดทุนกลับมามีกำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทุกคนเลยมโนกันยกใหญ่ว่า นี่เป็นจังหวะของการโหนกระแส แถมมีการมองเป้ากรอบบนแถวๆ 13 บาทเป็นด่านทดสอบกำลังใจด้วย...ต้องตามไปดูสักหน่อยนะคะ

*ส่วนคนที่ชอบเล่นของเล็กพริกขี้หนูเป็นประจำ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมามอง AKR เผื่อไว้ในใจสักหนึ่งตัว แพทเทิร์นของหุ้นอาจดูไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถ้ามองในมุมของยุทธการตีหัวเข้าบ้านด้วยแล้ว จังหวะนี้ต้องตามน้ำไปก่อนในทันที สูตรเขาว่าไว้ ขึ้น 3 ลง 1...นี่เพิ่งขึ้นเป็นวันแรก จึงเหลือสองยกให้เล่นต่อ ซึ่งเขาเม้าท์กันยกละ 5% นะจะบอกให้

*ตบท้ายที่เหตุการณ์ sale on fact ของหุ้นบัตรเครดิต KTC หลังจากวิ่งขึ้นมาทำ new high ที่ระดับ 60 บาท วานนี้ก็ได้เวลาขายเสียที และดูเหมือนเรื่องตัวเลขกำไรจะมีการรับรู้กันอย่างหมดไส้หมดพุง วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 58.50 บาท ลบไป 1.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และถึงเวลาโยกไปเล่นหุ้นตัวอื่นแล้วนะจ๊ะ

*ป.ล.ทุกครั้งที่กองทุน กับฝรั่งกลับมาเต็มตัว หุ้นในกลุ่ม SET50 มักจะได้รับประโยชน์เป็นกลุ่มแรก...ทราบแล้วเปลี่ยน!