April 29, 2024   2:33:18 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องบันเทิงและกีฬา > หนัง The Curious Case of Benjamin Button
 

kcambodia
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1
วันที่: 15/03/2009 @ 21:43:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:37434c2b07">หัดวิจารณ์หนังเทศ The Curious Case of Benjamin Button[/b:37434c2b07">[/color:37434c2b07">

หนังวันนี้ที่จะหัดวิจารณ์ครับ The Curious Case of Benjamin Button

ที่มาของหนัง : แผ่นหนังก๊อปปี้จากตลาดโสรยา ห้างติดแอร์แห่งแรกของเขมร ที่มีหนังแผ่นก๊อปปี้นำเข้าจากมาเลย์วางขายกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด สนนราคาแค่แผ่นละ 1.5 USD

ความสนใจ : เพื่อนแนะนำ พล็อตเรื่องคร่าวๆของหนัง แนวดราม่า การย้อนเวลาของชีวิตคน ก็เป็นพล็อตเรื่องที่แปลกดี น่าสนใจ นอกจากนี้นักแสดงนำ แบรด พิทท์ ก็แนวหน้าชั้นนำอยู่แล้ว

ความยาวหนัง : ประมาณ 2 ชม. ครึ่ง

บทโปรยหน้าปกหนัง : Life isnt measured in minutes, but in moments

ประเทศที่เข้าฉายประเทศแรก : ออสเตรเลีย วันที่ 10 ธันวาคม 2551 (รอบพรีเมียร์)

เข้าฉายในไทย : 12 กุมภาพันธ์ 2552

รางวัล : ได้รับหลายสถาบันมาก แต่ขออ้างอิงสถาบันที่มีชื่อเสียง ออสการ์ ได้ทั้งหมด 3 รางวัล ได้แก่
1. Best Achievement in Art Direction
2. Best Achievement in Makeup
3. Best Achievement in Visual Effects

ผู้แต่ง : Eric Roth

ผู้กำกับ : David Fincher

บทวิจารณ์ :
เนื้อเรื่อง : เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนๆหนึ่งที่มีร่างกายย้อนกลับกับคนทั่วไป คือเกิดมาร่างกายแก่ชรา แล้วค่อยๆมีร่างกายที่เด็กลงๆ เรื่อยๆ พล็อตเรื่องลักษณะนี้ ส่วนตัวผมยังไม่เคยได้ดูหนังแบบนี้ ส่วนมากจะแค่เป็นแบบย้อนเวลา เจาะเวลาหาอดีต เสียมากกว่า

ต้องขอชมเชยทั้งผู้แต่งและผู้สร้าง โดยเฉพาะผู้สร้างที่สามารถสร้างหนังที่แค่ฟังก็คงคิดถึงอุปสรรคในการถ่ายทอดตัวนำของเรื่องในช่วงอายุต่างๆ แต่จะขอวิจารณ์ว่ามีความเหมาะสมมากที่ได้รับรางวัลในสาขา Makeup เพราะเค้าสามารถนำจุดยากของเรื่องมาทำให้ดูน่าสนใจได้ดีมาก คือสามารถ Makeup ตัวเอกของเรื่องจากเกิดมาแก่ แล้วค่อยๆหนุ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างเหมือนจริงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ตามที่ผมได้ดูคาดว่าน่าจะใช้ตัวแสดง 4 ตัวที่เป็นพระเอกคือ ตอนแก่มาก ตอนกลางคนถึงวัยรุ่น (รุ่นนี้แบรด พิทท์แสดง) ตอนเด็ก และตอนทารก ใช้บุคคลแสดงที่แตกต่างกัน แค่ในตอนที่แบรด พิทท์แสดงตั้งแต่แก่จนเป็นเด็กวัยรุ่น ก็สามารถทำได้เนียนมากครับ ชื่นชมจริงๆ

บทหนัง : มีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างนาน (ตามความเห็นผม) แต่คงเป็นเพราะต้องการเก็บรายละเอียดของชีวิตแต่ละช่วง และแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดและอุปสรรคของคนเราที่มีอายุไม่ตรงกับรูปร่างภายนอก

ซึ่งการแก้ปัญหาของตัวละครในเรื่องต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก็ค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผลนะครับ เช่น ตอนเด็ก แต่รูปร่างแก่ เดินไม่ได้ ก็ต้องไปหาหมอรักษา เป็นหมอแบบโบราณด้วย แล้วก็เดินได้จริงๆ คงเพราะร่างกายเริ่มเด็กลง แต่หมอก็ได้เครดิตไป หรือตอนที่รู้ว่ามีลูก แล้วต้องตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เพราะพอลูกเริ่มโต ตัวเองก็จะกลายเป็นเด็ก ก็น่าคิดนะครับ จึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางความรัก ทั้งที่ยังรักกันดีอยู่แท้ๆ

นอกจากนี้เรื่องการแสดงอารมณ์ การมีครั้งแรกของมนุษย์ทั่วไป แต่เนื่องจากเค้ากลับข้าง ก็เลยขาดไม่ได้ในเรื่อง การมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนแรกในชีวิต เรื่องนี้สำคัญ ขาดไม่ได้เลย ถ้าเป็นเด็กคงเริ่มตอนอายุยังไม่ถึง 20 ดี แต่ร่างกายประมาณ 50 เห็นจะได้

การเดินเรื่องของหนังในช่วงแรกจนถึงกลางเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ เป็นช่วงของการเก็บรายละเอียดที่มาของตัวละคร ประสบการณ์ชีวิตที่ Benjamin ได้รับ จึงไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมาก ซึ่งจุด climax ของเรื่องนี้ต้องบอกว่าอยู่ในตอนท้ายของเรื่อง สามารถกระชากใจคนดูได้เลยทีเดียว ดังนั้นดูเรื่องนี้ต้องอดทนนะครับ

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจที่ไม่ค่อยมีเหตุผลในหนังก็มี คือตอนที่ Benjamin เด็กลง กลายเป็นว่าไม่สามารถจำความอะไรได้ ส่วนนี้เข้าใจว่าเป็นอิทธิพลจากสภาพร่างกาย ไม่ได้เกิดจากอายุที่แท้จริง เพราะถ้านับอายุจากวันที่ลืมตาดูโลกก็ต้องอายุปาเข้าไป 50 ถึง 60 ปีไปแล้ว ซึ่งคนอายุขนาดนั้นก็น่าที่จะยังจำความต่างๆได้ดีอยู่ แต่พอร่างการเป็นเด็กกลับจำอะไรไม่ได้

สรุปแล้วในภาพรวมของบทหนัง ผมว่าทำดีใช้ได้ในระดับหนึ่ง ให้ 8 เต็ม 10 ครับ

ภาพ แสง สี เนื่องจากเป็นหนังที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณ ปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงหลังสงคราม ทำให้บ้านเมืองในขณะนั้นก็มีกลิ่นอายเก่าๆ แสงสีก็ไม่ค่อยมาก ทำให้หนังออกมาในโทนอึมครึม ดูแล้วก็อึดอัดพอสมควร อย่างที่บอกต้องอาศัยความอดทนในการดู และห้ามหลับไปซะก่อนด้วย

โทนสีของเรื่องออกแนวเหลือง ดำ เหตุการณ์เกิดขึ้นในอเมริกา ฝรั่งเศส และมีบางช่วงที่ข้ามมายังอินเดียและประเทศแถบเอเชียใต้ ซึ่งในช่วงดังกล่าวทำให้หนังดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีสาระเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของหนังมากนัก

สรุปแล้วในภาพรวมภาพ แสง สี ผมว่าเข้ากับยุคสมัยดีทีเดียว ให้ 7 จาก 10 ครับ แหะๆ หัดให้คะแนนนะครับ ผิดๆถูกๆก็อย่าว่ากัน

นักแสดง ในเรื่องนี้ใช้ตัวแสดงที่ไม่ได้โด่งดังอะไรมาก ถ้าไม่นับพระเอกของเรื่อง แบรด พิทท์ แต่หน้าตา การแต่งตัว การแสดงออกทางสีหน้าก็ทำได้กลมกลืนกับยุคสมัย คือไม่มากและน้อยจนเกินไป ผมให้คะแนนตัวละคร 8 จาก 10 ครับ

ภาพรวม แม้ว่าหนังจะค่อนข้างน่าเบื่อและต้องใช้ความอดทนมากในการทำความเข้าใจพื้นเพของตัวละคร เพื่อนำไปสู่ชีวิตในแต่ละช่วงในภายหลัง แต่จากพล็อตเรื่อง ทำให้น่าติดตามชม และคุ้มค่าพอที่จะไปถึงจุดที่เป็น climax ของเรื่อง หนังพยายามสร้างเหตุและผล ความขัดแย้งของตัวละครแต่ละตัว แต่ก็มีจุดที่ไม่น่าเชื่ออยู่บ้างเป็นบางจุด หรือบางทีหนังอาจจะใส่รายละเอียดน้อยไป ทำให้ดูไม่สมจริง เช่น ตอนหลังที่พ่อของ Benjamin กลับมาหาลูก ที่จริงก็ดูเหมือนเป็นคนที่อยู่ในเมืองเดียวกันทั้งนั้น น่าจะรู้จักกันหมด เป็นต้น

สรุปว่าผมให้คะแนน 7 เต็ม 10 ครับ แหะๆ ตามประสาคนไม่เคยวิจารณ์นะครับ คิดว่าถ้าได้รับ comment มากๆก็จะปรับปรุงการวิจารณ์ได้ดีขึ้นในหนังเรื่องต่อๆไป เรื่องต่อไปคิดว่าคงเป็นหนังไทยเรื่องนึง ที่เพื่อนเพิ่งให้แผ่นมาดู ซึ่งก็ดูจบไปแล้ว เหลือแต่การวิจารณ์หนังเท่านั้น แล้วพบกันใหม่ครับ

 กลับขึ้นบน
jadejth
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 287
#1 วันที่: 16/03/2009 @ 16:04:27 :
อืม อ่านแล้วก็อยากไปดูนะคับ แต่ตอหนังไทยนนี้ อยากดูหนังไทยเรื่องความจำสั้นฯ กับหนังฝรั่งที่กำลังจะเข้าเรื่อง Transformer 2
ถ้าดู ความจำสั้นฯ ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคับ[/color:65d8ffe1f4">
 กลับขึ้นบน
jadejth
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 287
#2 วันที่: 16/03/2009 @ 16:06:39 :
อืม อ่านแล้วก็อยากไปดูนะคับ แต่ตอนนี้ อยากดูหนังไทยเรื่องความจำสั้นฯ กับหนังฝรั่งที่กำลังจะเข้าเรื่อง Transformer 2
ถ้าดู ความจำสั้นฯ ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคับ [/color:3b6ef26e3d">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com