May 15, 2024   6:39:35 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แห่เก็งกำไรทองสนั่นดันราคาผันผวน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 22/09/2008 @ 08:47:53
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ยังคงผันผวนหนัก หลังจากในช่วงวันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา
ราคาขายทองคำแท่งได้ลดลงไปอยู่ที่บาทละ 12,750-12,850 บาท ราคารับซื้อ 12,650-12,750 บาท
ราคาตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 775-780 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ในวันที่ 18 กันยายน
ราคาตลาดโลกกลับพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 870 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้ราคาขายทองคำแท่งในไทย
ปรับตัวไปสูงสุดที่บาทละ 13,700 บาท หรือรับซื้อบาทละ 13,600 บาท เกิดการขายทำกำไรระหว่างบาทละ 500-800 บาท

ล่าสุดกราฟราคาทองคำต่างประเทศในตลาด COMEX ที่นิวยอร์กซึ่งเป็นตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังผันผวนมาก
โดยในช่วงวันที่ 18 กันยายน ปรับพุ่งขึ้นได้ถึง 920 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และลงไปต่ำสุดที่ 836 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ก่อนที่จะปรับตัวลงมาปิดที่ราคา 840 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หลังจากสหรัฐออกมาตรการเร่งด่วนในการเข้าช่วยเหลือตลาดการเงิน
ประกอบกับการระดมทุนของธนาคารกลางประเทศต่างๆ เป็นผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับลง
ราคาขายอยู่ที่ 13,350 บาท ราคารับซื้อบาทละ 13,250 บาท

นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำยังคงผันผวนต่อไป โดยอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐ หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว
ราคาทองคำจะทรงตัว แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแย่ลง ราคาทองคำก็จะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ในวันที่ 27 กันยายนนี้ยังเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลาการเทขายทองคำของธนาคารกลางยุโรปตาม
ข้อตกลง "Central Banks Gold Agreement" ที่วางกฎเกณฑ์เอาไว้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2548 โดยกำหนดให้
ธนาคารกลางยุโรป รวมถึงธนาคารกลางในประเทศต่างๆ แถบยุโรปสามารถเทขายทองคำได้ไม่เกิน 500 ตัน/ปี มาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2552
เหตุผลที่ต้องมีข้อตกลงนี้ก็เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยให้แต่ละธนาคารกลางเทขายทองคำได้อย่างเต็มที่ อาจส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนัก

ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันจึงมีแนวโน้ม 2 ทาง คือธนาคารกลางยุโรป "อาจจะ" เทขายทองคำออกมาก่อนวันที่ 27 กันยายนนี้
ซึ่งจะทำให้ราคาทองในตลาดโลกตกลงไปอีก หรือธนาคารกลางยุโรป "อาจจะ" ไม่เทขายทองออกมาตามโควตาที่ได้รับ
เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจึงต้องการจะกันสำรองทองคำไว้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนทองคำในช่วงนี้จึงควรศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ ให้รอบคอบ
แต่หากถึงเดือนตุลาคมเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยบวกหลายข้อ ได้แก่
เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดียซึ่งมีความต้องการใช้ทองคำอย่างมาก หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเลือกตั้งสหรัฐ
ซึ่งจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และต่อด้วยเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของคนเชื้อสายจีน (ตรุษจีน)
ซึ่งนิยมซื้อทองคำ ทำให้มีแนวโน้มว่าในระยะยาวราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า
การลงทุนทองคำในช่วงที่ราคาผันผวนจะมีความเสี่ยงสูง เพราะผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับราคาที่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งหากราคาลงก็จะทำให้เงินจมอยู่กับทอง จะแตกต่างจากเงินฝากหรือถือพันธบัตรที่จะได้รับผลตอบแทนเป็น
ดอกเบี้ยจ่ายให้ทุกปี ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังการลงทุนในทองคำช่วงนี้ด้วย

ด้านนายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทออสสิริส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายทองคำเพื่อการลงทุน
กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" กรณีการผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้ได้สร้างปัญหาความหนักใจ
ให้แก่ร้านค้าทองและนักลงทุนอย่างมาก เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าราคาทองในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
โดยเฉพาะราคาทองคำในช่วงวันที่ 18-19 กันยายนนี้ เพียงชั่วข้ามวันราคาทองแตกต่างกันถึง 100 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ถือเป็นอัตราการปรับราคาทองคำแท่งสูงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการค้าทอง

ทั้งนี้ทองคำแท่งยืนราคาขายสูงสุดที่ 900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลทำให้ประชาชนแห่นำทองคำแท่งออกมาเทขายกันอย่างคึกคัก
ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะข้ามคืนราคาทองก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 825 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ (บ่ายวัน 19/9/51)
อย่างไรก็ตามในวันนี้ (19/9/51) นักลงทุนก็ยังเกาะกระแสการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ทางบริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนหลายรายเพื่อตรวจสอบข้อมูลราคาทองคำแท่งเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุนรอบใหม่อีกครั้ง

นายบุญเลิศได้ให้ข้อแนะนำแก่นักลงทุนว่า ต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลภาวะตลาดและราคาทองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลก เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือค่าเงินดอลลาร์-ราคาน้ำมันในตลาดโลก
และภาวะเศรษฐกิจของโลก นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของ
ราคาทองคำในตลาดโลกเกิดจากสาเหตุใด และปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขหรือยัง

สำหรับความผันผวนของภาวะราคาทองคำในตลาดโลกขณะนี้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในตลาดสหรัฐอเมริกา
ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์และประชาชนจำนวนมากหันมาซื้อทองคำเพื่อเป็นหลุมหลบภัยทางการเงิน
โดยเฉพาะเวียดนาม เดือนที่ผ่านมาเวียดนามประสบปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้กองทุนการเงินของเวียดนามออกมากว้าน
ซื้อทองคำแท่งในตลาดโลกเป็นจำนวนมาก โดยมีปริมาณการสั่งซื้อทองคำมากกว่าอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราบริโภคทองคำสูงสุดในโลกเสียอีก

"ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกาทำให้รัฐบาลและธนาคารกลางหลายประเทศพยายามอัดฉีดเงินลงทุนเข้าไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ
หากนโยบายทางการเงินดังกล่าวไม่ยุติปัญหาได้ในระยะสั้น คาดว่าภายในเร็วๆ นี้
ราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะปรับตัวสูงถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์อย่างแน่นอน
(คำนวณเป็นราคาซื้อขายทองคำในประเทศเท่ากับบาทละ 15,500บาท)" นายบุญเลิศกล่าว

ขณะที่นายสัมฤทธิ์ สิริอร่ามสกุล ประธานบริษัทไทยจิวเวลรี่ แมนูแฟคเจอเรอ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีรายใหญ่กล่าวว่า
ขณะนี้มีผู้ส่งออกหลายรายรู้สึกหนักใจเพราะไม่รู้ว่าออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้าประเภทประดับทองที่ได้รับในงานบางกอกเจมส์
เมื่อเร็วๆ นี้ "จะกลายเป็นทุกขลาภหรือไม่" เนื่องจากช่วงที่รับออร์เดอร์มาราคาทองอยู่ที่ 750-760 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
แต่สัปดาห์นี้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ นอกจากนี้ราคาต้นทุนโลหะมีค่าชนิดอื่น
ทั้งเงินและแพลทินัมต่างก็แกว่งตัวเช่นกัน แถมยังมีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐ
ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยมากกว่า 30% "ผมเชื่อว่าภายในปีนี้จะมีกลุ่มผู้ค้าอัญมณีประเภท SMEs
ที่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะต้องปิดกิจการลงบางส่วน"

ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยว่า จากที่เมื่อวานนี้(18ก.ย.) ราคาทองคำในประเทศได้ปรับ
สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 950 บาท และวันนี้(19ก.ย.)ราคาทองคำได้ปรับลดลงมา สะท้อนให้เห็นว่า
ตลาดราคาทองคำโลกช่วงนี้มีความผันผวนพอสมควร จากการที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถาบันการเงินสหรัฐฯ
ที่อาจมีการล้มละลายเป็นลูกโซ่ จึงมีการถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำมาเก็งกำไรทองคำกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ตนคิดว่า
ยังไม่เหมาะที่จะลงทุนด้านทองคำ ควรรอดูสถานการณ์ราคาให้ชัดเจนก่อน

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com