April 29, 2024   1:42:34 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ชี้ช่องช่วงการเมืองร้อนระอุ
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 04/09/2008 @ 09:10:24
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ต่างชาติเทขายกระหน่ำตั้งแต่ต้นปีหั่นหุ้นไทยทิ้งกว่า 1 แสนล้าน แถมการเมืองยังระอุ กดภาพการลงทุนระยะสั้นดิ่งเหว โบรกส่องหากการเมืองชัดเจน ดัชนีมีลุ้นรีบาวด์ ชี้ช่องนักลงทุนชอบท้าทายความเสี่ยง ลงสนามเก็บหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจในประเทศ พ่วงปัจจัยพื้นฐานสุดแกร่ง ชูหุ้นอสังหาฯ AP, PS และ QH สุดสวย ส่วนกลุ่มที่ดิน-นิคมอุตสาหกรรม ฉวยโอกาสเงินเฟ้อลด ดอกเบี้ยนโยบายคงที่ 3.75% ดึงผู้ประกอบการขยายลงทุน ส่ง AMATA ได้ดี

จากการสำรวจราคาหุ้น AP ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ราคามีการปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 15.3% ล่าสุดวานนี้ (3 ก.ย.) ปิดตลาดทรงตัวที่ 5.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 9.44 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้น QH ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 18.1% ล่าสุดวานนี้ (3 ก.ย.2551 ) ปิดตลาดที่ 1.66 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 0.60% มูลค่าซื้อขาย 79.95 ล้านบาท และหุ้น PS ราคาปรับลดลงมาแล้วกว่า 21.4% ล่าสุดวานนี้ (3ก.ย.) ปิดตลาดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.40% มูลค่าซื้อขาย 17.30 ล้านบาท ปิดท้ายด้วย หุ้น AMATA ราคาปรับตัวลงมาแล้วกว่า 18.3% โดยล่าสุดวานนี้ (3 ก.ย.) ปิดตลาดทรงตัวที่ 10.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 13.34 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยเกินกว่า 100,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เป็นต้นมา โดยหากย้อนกลับไปพิจารณาถึงปี 2550 ต่างชาติจะมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 46,000 ล้านบาท และหากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2549 นั้นพบว่า ต่างชาติยังเป็นผู้สือสุทธิสะสมอยู่ 37,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่า เป็นยอดซื้อที่เหลือไม่มากนัก ดังนั้น แม้ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองในระดับสูง ยังคงส่งผลกดดันภาพในระยะสั้นของตลาดหุ้นไทย แต่หากคิดว่าตลาดหุ้นไทยถูกขายมากเกินไปแล้ว และหากมีความชัดเจนทางการเมือง ก็พร้อมที่จะรีบาวด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในแง่ของระดับดัชนีและกิจกรรมการซื้อขาย

อย่างไรก็ดีจากปัจจัยดังกล่าว ยังแนะนำให้นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง เข้าซื้อดักในหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีการปรับตัวลงมามากๆ ในรอบล่าสุดที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลง ซึ่งอาจวิเคราะห์จากการแสดงผลตอบแทนของหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่า หุ้นในกลุ่มที่ดินและนิคมอุตสาหกรรมบางตัวคุ้มเสี่ยง ณ ราคาปัจจุบัน โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าว อาทิ AP, QH, PS และ AMATA

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สำหรับหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจในประเทศ มองว่า น่าจะมีความสามารถในการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หากแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ภาพรวมธุรกิจยังคงเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้บริษัทมีความสามารถในการรองรับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ มองว่า หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อย่าง AP, PS และ QH น่าจะสามารถรับความเสี่ยงจากผลกระทบเชิงลบทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก ตัวเลขยอดขายในปีนี้ที่ยังคงเติบโตอยู่ในระดับสูง รวมถึงยังได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากมาตราการปรับลดอัตราภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริทรัพย์

“หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เป็นธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับปัจจัยพื้นฐานในประเทศ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงไปบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามสภาพตลาดโดยรวมเท่านั้น” นักวิเคราะห์ กล่าว

สำหรับหุ้นที่ดินและนิคมอุตสาหกรรมอย่าง AMATA น่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ระดับ 6.4% ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ที่ระดับ 9.2%รวมถึงตัวเลขอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.75% จนถึงปลายปีนี้

ทั้งนี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่คาดจะอยู่ที่ระดับ 3.75% จนถึงปลายปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำช่วยทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เริ่มมีการลงทุน และขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อกลุ่มผุ้ประกอบการในธุรกิจที่ดินและนิคมอุตสาหกรรม

ทันหุ้น[/size:c09293b2de">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com