May 3, 2024   7:06:04 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 20/05/2008 @ 10:53:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Extended Momentum
กลยุทธ์การลงทุน
Blue-Chip-Led

กรอบ 863-885 pts
แนวโน้ม Market Play
ปิดวานนี้ 870.33, +14.72

Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
TOP 70.00 70.0-72.5 94.1 Buy
AP 7.50 7.5-8.0 8.0 Trading
BLS 23.30 23.0-23.8 28.5 Trading
PHATRA 38.75 38.5-41.0 47.0 Trading

Whats News

* ไทยเบฟ ทำเทนเดอร์ OISHI ราคา 37 บาท โดยทั้งสองฝ่ายได้ทำ MoU ในเบื้องต้นจะ
ขายหุ้นสามัญเพื่อทำเทนเดอร์จำนวน 83.31 ล้านหุ้นคิดเป็น 43.9% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด
และจะขอเพิกถอนหุ้น OSIHI ออกจาก SET

* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย US$0.76 หรือ
+0.6% ปิดที่ US$127.05/บาร์เรล แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัวต่อเนื่องสำหรับ PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวาง
เดินเรือ BDI ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่จุดสูงสุดของปีนี้และทำสถิติสูงสุดประวัติการณ์อีก 250 จุด เป็น
11709 จุด (สูงสุดของปีนี้ที่ 5615 จุด และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 843 จุด) แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว TTA
และเก็งกำไร PSL

Market Roundup and Trend: Momentum ขาขึ้นยังอยู่ แต่อาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นรายตัว
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นแรง 14.72 จุดหรือ +1.77% และเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่ต้นปี โดย
ปรับตัวขึ้นในอัตราที่สูงกว่าในภูมิภาคด้วยแรงผลักดันของนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิถึง 3,244 ล้านบาท
(นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 และตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. มียอดซื้อสุทธิรวม 5,099 ล้าน
บาท) มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 29,479 ล้านบาท สิ่งที่สังเกตุเห็นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการเคลื่อนย้าย
ของเม็ดเงินเข้าสู่ทั้งตลาดทุน น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเงินดอลล่าร์ยังทรงตัวทางแข็งค่า ซึ่งสะท้อน
ถึงจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดทุน ดังนั้น การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้จะเป็นปัจจัย
ที่ชี้นำตลาดเป็นสำคัญ ด้านการประชุมนโยบายทางการเงินในวันพุธนี้ เราคาดว่าแบงก์ชาติจะไม่ปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบัน 3.25% โดยมองว่าระดับนี้จะเป็นจุดต่ำสุด และด้วยอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ต่อเนื่อง คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นมากกว่าขาลง ซึ่งจะส่งผลต่อกลุ่มธนาคารโดยอาจจะมี
แรงขายทำกำไรในระยะสั้นเกิดขึ้น แต่ธนาคารใหญ่จะได้เปรียบจากการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าธนาคารขนาดกลาง
และเล็ก อย่างไรก็ดี เรายังมีแนวโน้มเชิงบวกต่อกลุ่มพลังงานในเชิงมูลค่าหุ้น (P/E 08 = 11.4x)
เทียบกับกลุ่มธนาคาร (P/E 08 = 12.2x) และที่ดิน (P/E 08 = 14.0x) ประเมิน SET วันนี้อาจมี
แรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมา 2.8% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งมองเป็นการปรับฐาน (แนวรับทางเทคนิค
863-860 จุด) โดยเฉพาะหุ้นรายตัวที่ได้ปรับตัวสูงจะมีแรงขายทำไรหรือปรับฐานทางลงแต่ลงได้จำกัด
เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานรองรับ

Investment Strategy: ซื้อเก็งกำไรพลังงาน ธนาคาร ที่ดิน เดินเรือและอิเล็คทรอนิกส์

เน้นเข้าสะสมหุ้นกลุ่มใหญ่ คือพลังงาน PTT, PTTEP, BANPU, TOP และซื้อกลุ่มธนาคารเมื่อ
อ่อนตัวเช่น SCB, KBANK และ BBL หุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสารเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวหรือ Let the profit
runs เช่น ADVANC, DTAC ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือต่อได้ เช่น LH, QH, PS, AP กลุ่มอิเล็ค
ทรอนิกส์ปรับเป็นเก็งกำไรสั้นๆ เช่น CCET กลุ่มเดินเรืออาจขายทำกำไรออกไปบ้างใน TTA และรอซื้อกลับ
อีกครั้งเมื่ออ่อนตัว แต่อาจเก็งกำไรหุ้นตัวรองคือ PSL ด้านกลุ่มเหล็กเริ่มมีความเสี่ยงด้านราคาที่ได้ปรับสูง
แนะนำขายทำกำไรต่อเนื่องใน TSTH, BSBM, TMT, SSI และคงคำแนะนำหลีกเลี่ยงในกลุ่มรับเหมาฯ
นอกจากนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้น แนะนำเก็งกำไรสั้นๆ ในกลุ่มหลักทรัพย์เช่น BLS, PHATRA

AUTO: Deleting SSI from top picks

Upgrade -
Downgrade AP
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, MINT, -SSI

ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552

การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก

* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.32% และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น
0.09% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปิดที่ระดับสูงสุดเป็น
ประวัติการณ์เหนือ 127 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะเดียวกันหุ้นที่บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ อาทิ คาเตอร์พิลลาร์ พุ่ง
ขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าสหรัฐมีแนวโน้มที่จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย ประกอบกับ
สำนักงาน Conference Board ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยธุรกิจเอกชนเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.1%
ในเดือน เม.ย. เช่นเดียวกับในเดือน มี.ค.

* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.
ปิดเพิ่มขึ้น 0.76 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.6% เป็น 127.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในระหว่างวัน
ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนและทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 127.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนที่สัญญาน้ำมันดิบ
เดือน มิ.ย. จะครบกำหนดส่งมอบในวันนี้ ขณะเดียวกันนายชาคิบ เคลิล ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออก
น้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า โอเปกจะไม่เรียกประชุมก่อนกำหนด และไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิตในการ
ประชุมเดือน ก.ย.

* ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบยูโร ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น หลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น
เกินคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในสหรัฐอาจจะใกล้สิ้นสุดแล้ว
และช่วยลดความวิตกเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกันเทรดเดอร์ยังระบุด้วยว่า การ
ปรับตัวขึ้นของดอลลาร์เป็นผลมาจากการปรับฐานหลังการร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเป็นผล
จากรายงานที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงอย่างรุนแรงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี ในเดือน พ.ค.

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 250 จุด มาอยู่ที่ 11,709 จุด BDI เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่
ผ่านระดับสูงสุดซึ่งเคยทำไว้เมื่อเดือน พ.ย. 50 ที่ระดับ 11,039 จุดมาแล้ว คาดว่าเกิดจากความต้องการ
เรือเพื่อขนส่งสินแร่เหล็กที่ท่าเรือของบราซิลเพิ่มขึ้นมาก โดยขนส่งไปยังประเทศจีนซึ่งยังมีความต้องการ
สินแร่เหล็กอีกเป็นจำนวนมาก โดยปริมาณนำเข้าสินแร่เหล็กของจีนในเดือน เม.ย. 51 เพิ่มขึ้นเป็น 42.9
ล้านตัน สูงกว่าระดับสุงสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ก.พ. 51 นอกจากนั้นยังมาจากความต้องการเรือเพื่อขนส่ง
ถ่านหิน และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ฤดูการเก็บเกี่ยว
สินค้าเกษตรในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นไป ทางด้านอุปทาน
คาดว่าเรือเทกองต่อใหม่อาจเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาด

News Comment

ผู้รับเหมาเรียกร้อง เหล็กธงฟ้า ราคาถูก พาณิชย์ ขยับตรวจสต๊อกร้านค้ากักตุน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากระทรวงพาณิชย์ว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องการให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำ
โครงการเหล็กธงฟ้าราคาถูก เพราะผู้ใช้เดือดร้อนอย่างหนักจากราคา วัสดุก่อสสร้างปรับสูงขึ้นมาก โดย
เฉพาะเหล็กเส้น และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ราคาเพิ่มจากปีก่อนกว่า 50% และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น[/size:68fb15f9fc">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com